Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
CK_KnewBetter
•
ติดตาม
21 ก.ค. เวลา 16:11 • การตลาด
การตลาดไม่ใช่แค่เรื่องการขาย แต่คือการสร้างความเข้าใจ ให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำ
หัวใจหลักของของการตาด เมื่อการตลาดไม่ใช่แค่การวางกลยุทธ์เพื่อจะขายเพียงอย่างเดียว แต่คือการเข้าใจคนให้มากพอ จนเขาอยากอยู่กับแบรนด์ของเราไปนานๆ
หากคุณเคยคิดว่าการตลาดคือการโฆษณา คือการยิงแอด หรือการโปรโมตเพื่อลดราคา นั่นอาจเป็นแค่ปลายของยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะแก่นของการตลาดจริง ๆ แล้วลึกไปกว่านั้นมาก การตลาดคือการทำความเข้าใจผู้คนอย่างลึกซึ้ง จนเราสามารถส่งมอบสิ่งที่ “เขาต้องการ” ได้อย่างพอดิบพอดี ในช่วงเวลาที่ “เขาพร้อมจะรับฟัง” จริง ๆ ไม่ใช่พยายามยัดเยียดสิ่งที่เราอยากขายเพียงฝ่ายเดียว
หัวใจหลักของ Marketing ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กลับเป็นเรื่องถูกละเลยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในยุคที่มีเครื่องมือมากมายให้ใช้ จนทำให้เราอาจลืมว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค” ไม่ใช่แค่ระหว่างแบรนด์กับยอดขาย เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณเข้าใจพวกเขา คุณจะเข้าใจการตลาดโดยไม่ต้องท่องสูตรอะไรเลย
การตลาดที่ดีนั้นเริ่มต้นจากการฟัง มากกว่าการพูด คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ใครคือคนที่เราจะพูดด้วย เขาใช้ชีวิตยังไง คิดแบบไหน กำลังเจอปัญหาอะไร เขาอยากได้อะไรกันแน่ และสิ่งนั้นสำคัญกับเขามากแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะวางแผนมาแค่ไหน ถ้าเราพูดกับคนผิด หรือพูดผิดเวลา มันก็จะกลายเป็น “เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน” ไปโดยปริยาย
เมื่อเข้าใจผู้บริโภคแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ “การส่งมอบคุณค่า” ไม่ใช่การขายของ คุณค่าคือสิ่งที่ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับมากกว่าราคาที่จ่ายไป อาจจะได้ด้วยคุณภาพสินค้า บริการที่ดี ความสบายใจ หรือแม้แต่ความรู้สึกว่าแบรนด์นี้เข้าใจฉันจริงๆ เพราะฉะนั้นการตลาดจึงไม่ใช่การแข่งขันที่ใครถูกกว่ากัน แต่คือการแข่งขันว่า “ใครเข้าใจและให้คุณค่าได้ลึกและมากกว่ากัน”
หลังจากนั้นถึงเข้าสู่กระบวนการสร้างความรู้จัก ให้คนจำแบรนด์ได้และรู้สึกบางอย่างกับมัน ไม่ว่าจะผ่านเรื่องเล่า แคมเปญ หรือประสบการณ์การใช้งาน ทุกสิ่งที่กล่าวมาคือการสะสมภาพจำ เพราะคนไม่ได้เลือกแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกเสมอไป แต่เขาเลือกแบรนด์ที่ “เขารู้สึกดีด้วย หรือ ยินดีที่จะใช้” มากกว่าเสมอ
และเมื่อเรารู้ว่าจะพูดอะไร สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ “จังหวะของการสื่อสาร” พูดเรื่องที่ใช่ในเวลาที่คนฟังอยากได้ยิน จังหวะจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญมากในโลกของข้อมูลที่มีล้นไปหมด บางครั้งแบรนด์มีสิ่งดีอยู่ในมือ แต่พูดไม่เป็น หรือพูดเร็ว/ช้าไป มันก็ไม่เกิดผล เพราะการตลาดไม่ใช่แค่มีอะไรจะพูดก็พูด แต่คือพูดให้คนฟังได้ยินและอยากที่จะฟังต่อ
สุดท้าย หัวใจหลักที่ไม่ควรถูกมองข้ามคือ ความสัมพันธ์ระยะยาว ลูกค้าที่เคยซื้อกับคุณแล้วจะกลับมาซื้อซ้ำไหม เขาอยากบอกต่อไหม เขารู้สึกดีกับคุณไหมหลังจบการขายไปแล้ว ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องของโปรโมชั่น แต่คือเรื่องของความใส่ใจหลังบ้าน การตอบแชท การดูแล การพูดคุยต่อ การถามไถ่ และทั้งหมดนั้นคือการตลาด
การตลาดจึงไม่ใช่แค่การวางกลยุทธ์ที่สวยหรูบนกระดานประชุม แต่มันคือลมหายใจของธุรกิจที่มีชีวิต มีการพูด การฟัง ความเข้าใจ และเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า เป็นกระบวนการที่มีหัวใจ ไม่ใช่แค่ตัวเลข และไม่ใช่แค่แผนยอดขายของไตรมาสหน้า แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่า“เราเข้าใจกัน” นั่นแหละ คือ Marketing ที่แท้จริง
ถ้าจะให้วิเคราะห์แนวทางการตลาดของแบรนด์ในครึ่งปีหลัง ของปี 2025 : เมื่อการตลาดไม่ใช่แค่เสียงที่ส่งไปยังลูกค้าแต่ต้อง “ตรงใจ” และ “ไวมากพอ”
ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา หลายแบรนด์เริ่มฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนหลังโควิดอย่างเต็มรูปแบบ มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี ช่องทางการขาย และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็วเกินคาด และในขณะที่โลกออนไลน์เองก็เปิดทางให้ทุกแบรนด์สามารถส่งเสียงได้เท่าเทียมกัน สิ่งที่เปลี่ยนเกมการตลาดในครึ่งปีหลังกลับไม่ใช่ “ใครเสียงดังที่สุด” แต่เป็น “ใครเข้าใจได้ก่อน” และ “ใครขยับได้ไวกว่า”
1. Marketing จะต้องขับเคลื่อนด้วย Insight ที่สดกว่า “Real-Time“
เราอยู่ในยุคที่ทุกโพสต์บน TikTok สามารถกลายเป็น Viral ได้ภายใน 3 ชั่วโมง และทุกดราม่าบน X (Twitter เดิม) อาจกระทบแบรนด์ได้ในเวลาไม่ถึงวัน เพราะแบบนั้น แบรนด์ที่ยังวางแผนคอนเทนต์ด้วยไฟล์ Excel ล่วงหน้า 3 เดือน โดยไม่เว้นช่องให้ปรับตัว กำลังเสี่ยงที่จะ “ตกขบวน” โดยไม่รู้ตัว
✨ครึ่งหลังของปี 2025 เป็นช่วงที่แบรนด์ต้องอ่านสัญญาณให้เร็วกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ทำ Research แต่ต้องฟังเสียงของผู้คนจากช่องทางจริงให้มากขึ้น อ่านฟีดแบ็กจากคอมเมนต์ ไลฟ์สด รีวิว หรือเทรนด์ในTikTok ทั้งหมดล้วนเป็น “ข้อมูลสด” ที่มาก่อนรายงานใดๆ “Insight ที่ขยับไว จะกลายเป็นหัวใจขแงกลยุทธ์แบบ *Agile Marketing*
2. แบรนด์ต้อง “เป็นมนุษย์” ให้มากกว่าเดิม
แบรนด์ที่สื่อสารแบบทางการ พูดกับลูกค้าแบบ “ห่างๆ” จะเริ่มหลุดจากวงโคจรของความสัมพันธ์ในครึ่งปีหลังนี้ ผู้บริโภคต้องการแบรนด์ที่ เข้าใจจริง รู้จักเขาจริง และพูดแบบจริงใจ มากกว่าการยิง ads. ขึ้นหน้าฟีด
เทรนด์ของ “Brand Personality” จะยังเติบโต คนจะจดจำแบรนด์ที่มีลายเซ็นชัดเจน เช่น แบรนด์ที่พูดด้วยอารมณ์ขัน ,
แบรนด์ที่กล้าขอโทษเวลาผิด, แบรนด์ที่ตอบกลับลูกค้าเหมือนเพื่อนไม่ใช่ระบบ เป็นต้น การตลาดครึ่งปีหลัง จึงไม่ใช่แค่ “Content Strategy” แต่คือ “Tone Strategy” พูดยังไงให้คนอยากฟัง และรู้สึกว่า “เขาพูดกับเรานะ ไม่ใช่แค่พูดเฉยๆ”
3. Creator-Driven Brand มากกว่า Brand-Driven Creator
ช่วงต้นปีเราเห็นแบรนด์ใช้ Influencer หรือ Creator เป็น “เครื่องมือ” แต่ในครึ่งปีหลัง รูปแบบจะพลิกกลับ แบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุด จะเป็นแบรนด์ที่ “ให้ Creator มาช่วยสร้างนิยามให้แบรนด์” แทนการจ้างมาโพสต์ให้เฉย ๆ
ตัวอย่างชัดเจน เช่น แบรนด์แฟชั่นที่เปิดพื้นที่ให้ครีเอเตอร์ดีไซน์สินค้าร่วม , แบรนด์อาหารที่ให้ TikToker คิดสูตรพิเศษเฉพาะช่วง หรือแม้แต่ธุรกิจบริการที่เปลี่ยน Creator ให้กลายเป็น “Face” ของแบรนด์แบบยั่งยืน
ในครึ่งปีหลังของ 2025 คาดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของ “แบรนด์ที่เปิดให้คนอื่นร่วมเล่าเรื่อง”เพราะผู้บริโภคไม่อยากฟังแบรนด์พูดเรื่องตัวเองตลอดเวลา เขาอยากฟัง “คนที่เขาเชื่อ” พูดถึงแบรนด์นั้นๆต่างหาก
4. Micro Data มากกว่า Big Data
แทนที่แบรนด์จะไล่ล่าข้อมูลแบบครอบจักรวาล แบรนด์จะหันมาโฟกัส “ข้อมูลเล็ก ๆ ที่ลึก” มากกว่าข้อมูลเยอะ ๆ ที่มีแต่น้ำ เช่น
• แทนที่จะรู้ว่ากลุ่มลูกค้าคือเพศหญิงอายุ 25–35 ปี
>> แบรนด์จะโฟกัสว่าพวกเธอเสพคอนเทนต์แบบไหนตอนก่อนนอน
• แทนที่จะรู้ว่าลูกค้าซื้อสินค้าทุกๆ 3 เดือน
>> แบรนด์จะเจาะว่าอะไรคือ “ทริกเกอร์” ที่ทำให้เขาซื้อช่วงวันนั้น
พฤติกรรมแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Micro-behavior จะเป็นกุญแจสำคัญของ CRM, Retargeting, และ Personalization
แบรนด์ที่เข้าใจ “ความเล็ก” ได้ลึกซึ้ง จะเชื่อมโยงได้จริงมากกว่าแบรนด์ที่เข้าใจ “ความใหญ่” แบบภาพกว้าง
5. การตลาด = sense of human
สุดท้ายคือสิ่งที่แบรนด์เริ่มมองเห็นมากขึ้น การตลาดที่ดี ต้องมี “sense” บางอย่าง
ไม่ว่าจะผ่านหน้าจอ หรือในร้านจริง ลูกค้าต้อง “รู้สึก” ว่าแบรนด์นี้จับต้องได้ มีจิตใจ มีความตั้งใจ และมีความหมายบางอย่าง
เพราะในช่วงเวลาที่โลกเต็มไปด้วยคอนเทนต์ คนจะเลือกแบรนด์ที่ ให้ความรู้สึกมากกว่าข้อมูล สร้างประสบการณ์มากกว่าการบอกคุณสมบัติ และพูดกับจิตใจ มากกว่าพูดกับสมอง
💡tips
การตลาดครึ่งหลังของปี 2025 แบรนด์ที่ได้เปรียบไม่ใช่แบรนด์ที่งบเยอะ แต่คือแบรนด์ที่ “ขยับเร็ว ตอบสนองไว และพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ” ไม่ว่าจะทำธุรกิจขนาดเล็ก หรือแบรนด์ระดับองค์กร สิ่งที่ควรโฟกัสในครึ่งปีหลังนี้ คือ
• ลูกค้ากำลังรู้สึกอะไร?
• พวกเขาอยากได้ยินอะไร?
• และเราพร้อมที่จะฟังพวกเขามากพอหรือยัง?
เครื่องมือทางการตลาด
marketing
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย