21 ก.ค. เวลา 21:39 • ประวัติศาสตร์

ขนบวัฒนธรรมเติร์ก - เปอร์เซีย

หากเราหลับตานึกถึงโลกอิสลามในมิติของวัฒนธรรม ภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในใจอาจเป็นเส้นโค้งของโดมที่แตะแสงอาทิตย์ ปลายยอดของหออะซานที่ชี้ฟ้า หรือบทกวีซูฟีที่เอื้อนเอ่ยถึงความรักอันบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า...
แต่ภายใต้ฉากหน้านั้น ยังมีอีกหนึ่งชั้นของความลึกซึ้งที่ฝังรากอยู่ในสำนึกของรัฐ ความเชื่อ และโครงสร้างทางปัญญาของโลกอิสลาม สิ่งที่นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเรียกขานว่า “ขนบวัฒนธรรมเติร์ก–เปอร์เซีย” (Turco-Persian Tradition หรือ Turko-Persian Tradition)
นี่มิใช่เพียงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม แต่คือการหลอมรวมอย่างวิจิตรระหว่างพลังเร่ร่อนแห่งทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ของเอเชียกลางกับความละเอียดลึกซึ้งของวัฒนธรรมเปอร์เซียผู้ปลูกฝังระเบียบ แพรวพราวด้วยภาษา และเปี่ยมไปด้วยจินตนาการเชิงจักรวาล
คือ การบรรจบกันทางอารยธรรม ที่มิได้จำกัดอยู่เพียงเขตแดน หากแต่แผ่ขยายจากริมฝั่งแม่น้ำ "อามู ดารฺยา" (Amu Darya) สู่ขุนเขาแห่งทาจิกิสถาน ลงสู่ทะเลทรายของเติร์กเมนิสถาน ไหลผ่านที่ราบของคาซัคสถาน ลัดเลาะสู่หุบเขาคีร์กีซ และสะท้อนแสงในสถาปัตยกรรมของซามาร์คันด์ในอุซเบกิซสถาน ก่อนจะทอดเงายาวไปถึงช่องแคบบอสฟอรัสที่เชื่อมเอเชียกับยุโรป
รากของขนบนี้หยั่งลึกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8–9 เมื่อราชสำนักอับบาซียะห์เปิดประตูโอบรับภาษา ระบบการปกครอง และความงามเชิงสัญลักษณ์แบบเปอร์เซียเข้ามาเป็นเสาหลักของจักรวรรดิ ขณะเดียวกัน “ชนเผ่าเติร์ก”นักรบเร่ร่อนผู้เชี่ยวชาญกลยุทธ์และซื่อสัตย์ต่อเผ่าพันธุ์ ก็เริ่มปรากฏตัวในฐานะ “ฆิลมาน” หรือ “มัมลูค” ภายใต้ธงอิสลาม และค่อย ๆ ขยับฐานะจาก "ทหารรับจ้าง" ขึ้นเป็นชนชั้นปกครองในโลกมุสลิม
ราชวงศ์เติร์กยุคแรก ไม่ว่าจะเป็น ฆอซนาวิด ( Ghaznavid) สัลญูค (Seljuk) หรือทิมูริด (Timurid) ไม่ได้เลือกทำลายสิ่งเก่าด้วยความหยิ่งยะโสของผู้มีชัย แต่กลับโอบรับวัฒนธรรมเปอร์เซียด้วยหัวใจ พวกเขายกให้ภาษาเปอร์เซียเป็นภาษาราชการ ใช้ในบทกวี วรรณกรรม และเอกสารราชการ กลายเป็นถ้อยคำแห่งอำนาจและความประณีตในราชสำนัก
ในยุคนั้น การเป็นผู้นำมิใช่แค่การมีดาบที่คมที่สุด แต่ยังต้องมีโวหารที่งดงามและวิสัยทัศน์แบบจักรวาลนิยม และไม่มีสิ่งใดสะท้อนปรากฏการณ์นั้นได้ดีไปกว่างานของกวีเปอร์เซียอย่าง ฟิรเดาว์ซี ผู้รังสรรค์ “ชาห์นาเมห์” (Shāhnāmeh) หรือ รูมี ผู้แปรเปลี่ยนความลุ่มลึกของซูฟีให้เป็นบทกวีที่ก้องไกลข้ามภพ
ขนบนี้ไม่ได้เพียงหล่อหลอมอำนาจทางโลก แต่ยังวางรากฐานแห่งระเบียบจักรวาลที่ตั้งอยู่บนหลักการอิสลามอย่างเที่ยงธรรม รัฐที่ถือกำเนิดขึ้นจึงมิใช่แค่ “จักรวรรดิ” หากแต่คือสภาวะแห่งการประสานระหว่าง ชะรีอะห์ กับขนบราชสำนัก ระหว่างกฎหมายศักดิ์สิทธิ์กับความวิจิตรแห่งศิลป์
ระบบที่ขับเคลื่อนด้วยศรัทธา ความรู้ และสุนทรียะ ตั้งแต่โดมสีน้ำเงินแห่งซามาร์คันด์ ห้องเรียนของมัดราซะห์ในเฮรัต ไปจนถึงสุสานหินฟ้าในภูมิภาคโคราซาน ทุกอิฐหินล้วนสะท้อนเจตจำนงแห่งพระเจ้าและอุดมคติของอารยธรรมอิสลามที่ยึดมั่นในความเป็นธรรม ความงาม และความหมาย
ในมิติจิตวิญญาณ “ขนบเติร์ก–เปอร์เซีย” ยังได้จุดประกายโลกทัศน์แบบซูฟีที่ทรงพลัง ด้วยบทกวีของ อับดุลคอเดอร์ ญีลานี หรือเสียงสะท้อนจากนักพรตแห่งเอเชียกลางอย่าง อะห์มัด ยัซซาวี ที่ไม่ได้เพียงสอนศรัทธา หากจุดไฟในหัวใจของผู้คนทั่วภูมิภาค ซูฟีสายต่าง ๆ เช่น นะกช์บันดียะห์ (Naqshbandi Order) เมาลาวียะห์ (Mevlevi Order) หรือชิษติยะห์ (Chishti Order) จึงไม่ใช่เพียงคณะนักพรต แต่คือกลไกสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทั้งทางปัญญา ศิลปะ และการเมือง
แม้ศูนย์กลางของเปอร์เซียจะล่มสลายจากการรุกรานของมองโกลในศตวรรษที่ 13 ทว่า ขนบนี้มิได้มลายหายไปตามเมือง ตรงกันข้าม อิลข่านมองโกล ( Ilkhanate) และจักรวรรดิของทิมูร์ (Timurid Empire) กลับเป็นผู้สืบทอดอย่างเข้มแข็ง เฮรัต (Herat) กลายเป็นนครแห่งวิทยาการ โมเสกสีฟ้า กลอนนัสดีก (Nastaʿlīq script) และหอแห่งกวีนิพนธ์ ต่างสะท้อนอิทธิพลของโลกทัศน์นี้อย่างแจ่มชัด
ขนบ “Turco-Persian” จึงไม่ได้จบลงในยุคใดยุคหนึ่ง มันสืบต่อใน "ออตโตมัน" ที่ผสมภาษาเปอร์เซียเข้ากับตุรกี สืบใน "ซาฟาวิด" ที่โอบรับความเป็นชีอะห์ด้วยโครงสร้างราชสำนักแบบเปอร์เซีย และซึมลึกสู่ "โมกุล" แห่งอินเดีย ที่ปลูกดอกไม้แบบเปอร์เซียกลางสวนล้อมทัชมาฮาล และเขียนพงศาวดารด้วยโวหารดาริบารี ( Darī Bārī)
แม้ลมแห่งชาตินิยม อาณานิคม และโลกสมัยใหม่จะพัดผ่านอย่างเกรี้ยวกราด วรรณกรรมเปอร์เซียยังถูกอ่านใต้แสงตะเกียงในทาชเคนต์ ยังหล่อหลอมจริยธรรมในเตหะราน และยังกระซิบอยู่ในเสียงขับกลอนของอิสตันบูล
นี่มิใช่เพียงวัฒนธรรมเก่า … แต่คือบทเรียนร่วมสมัยที่บอกเราว่า การหลอมรวมที่ยั่งยืนที่สุดในประวัติศาสตร์ ไม่ได้มาจากการกลืนกินหรือเอาชนะ แต่คือ การประสานกันด้วยความเคารพ และ สำนึกร่วมทางจิตวิญญาณ
Turco-Persian tradition...คือขนบของความกลมกลืนในโลกที่แตกแยก
โฆษณา