22 ก.ค. เวลา 10:30 • ข่าว

ศาลทหารชั้นฎีกา ตัดสินคดี "น้องเมย" คุก 4 เดือน 16 วัน ให้จำเลยรับใช้ชาติต่อ

ศาลทหารชั้นฎีกา ตัดสินคดี "น้องเมย" จำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน แต่รอลงอาญา 2 ปี ชี้ลงโทษไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับใช้ชาติ
เวลา 08.34 น. วันที่ 22 ก.ค. 2568 ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี นัดอ่านคำพิพากษาชั้นศาลฎีกา คดีการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ เมย ในคดีการเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ และ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ บิดาและมารดาของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ เดินทางมารับฟังคำพิพากษา
กระทั่งเวลา 10.54 น. ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ว่า ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลย ไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
1
สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องร้องหลักคือครอบครัวของน้องเมย โดยในคดีอาญา ทางครอบครัวได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการดำเนินคดีกับ นักเรียนเตรียมทหารพิพจน์ (สงวนนามสกุล) และ นักเรียนเตรียมทหารภูมิพัฒน์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ว่าที่ร้อยตรี ปิยพงศ์ (ครูฝึก) ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีเหล่านี้อยู่ภายใต้การพิจารณาของศาลทหาร เนื่องจากจำเลยเป็นบุคลากรทางทหารและเหตุเกิดในเขตอำนาจศาลทหาร
ศาลทหารชั้นต้น (มีการพิจารณาในช่วงปี 2561-2562) มีคำพิพากษาให้ รอการกำหนดโทษ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ที่ถูกฟ้องร้องในคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีอื่นๆ ที่ครอบครัวน้องเมยฟ้องร้องนั้น พนักงานสอบสวนและอัยการบางส่วนได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประจักษ์พยานที่เพียงพอ
1
ต่อมาใน ชั้นศาลอุทธรณ์ (มีคำพิพากษาในส่วนคดีแพ่งที่ ตุลาคม 2566) สำหรับคดีทำร้ายร่างกายที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในบางคดี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ของ นายภคพงศ์ ยืนยันว่า ยังไม่เคยได้รับชดเชยจากกระทรวงกลาโหม มีเพียงเงินค่าทำศพจำนวน 100,000 บาท ที่เก็บไว้ ไม่ได้นำไปใช้จ่ายอะไร ถึงขณะนี้ และทางโรงเรียนเตรียมทหารแจ้งว่าจะให้ 10,000 บาท แต่ครอบครัวไม่ได้รับ
ส่วนเรื่องอวัยวะภายในของลูกชายที่หายไป และครอบครัวตามกลับมา ก็ยังไม่ได้รับกลับมา ซึ่งยังอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ เพราะมีการอ้างว่า เอากลับไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันตรวจกันกับที่ตรวจ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะหมายความว่าอย่างไร
ส่วนชั้นอุทธรณ์ ที่ระบุให้พักการลงโทษรุ่นพี่ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า เป็นคำลงโทษอะไร แต่มีหนึ่งในรุ่นพี่ขณะนี้ ติดยศสังกัดตำรวจแล้ว ซึ่งตอนนั้นที่คัดสำเนา มีการอธิบายว่า จำเลยทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศได้และอาจทำให้ประกอบอาชีพลำบากในวันหน้า
ล่าสุด ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ (พ่อน้องเมย) กล่าวว่า ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้น จากคำตัดสินของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ผมว่ายังเบาสำหรับผู้ถูกกล่าวหา แต่ตัวผมน่ะเจ็บ เจ็บช้ำมามากกว่านี้ แต่ผมจะไปทางใดต่อก็แล้วแต่ทางฝ่ายกฎหมายและทนายว่าจะไปอย่างไร แต่ออกมาลักษณะอย่างนี้ บังเอิญลูกผมไม่ใช่คนนามสกุลดัง ไม่รู้จะฝากบอกสังคมอย่างไร ทุกวันนี้สังคมก็งงมากแล้ว จะเอายังไงก็ไม่มีใครรู้
นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ (แม่น้องเมย) กล่าวว่า อยากฝากถึงระบบที่ไม่ถูก ให้แก้ทั้งการธำรงวินัย ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นอีกว่า หวังว่าทุกอย่างอยากให้ทางโรงเรียนดูแล แต่ได้ข่าวมาว่าตอนนี้โรงเรียนเปิดโอกาสให้สมาคมผู้ปกครองได้เข้าถึง สมัยนั้นไม่มี เข้าถึงยาก หากเกิดอะไรขึ้นนายกสมาคมสามารถเข้าถึงได้เลย เวลาเราเจอผู้ปกครองก็พูดว่าเคารพมากที่น้องเมยทำให้ระบบของโรงเรียนเปลี่ยนไป ทำให้ผู้ปกครองสามารถเข้าถึงโดยทันทีทุกอย่าง.
โฆษณา