23 ก.ค. เวลา 05:29 • ความคิดเห็น
สิ่งหนึ่ง ที่ช่วยได้ ก็ิเรื่องของรูป ..ก็พยายาม มีสติสัมปชัญญะ อยู่นิ่งเฉย ทำกายนิ่ง จิตนิ่ง ..เมื่อเรามีการฝึกหัด จิตที่อาศัยอยู่ในกาย เราก็จะมองเห็น เรื่องราวของอารมณ์ ต่างๆ ที่ห้อมล้อมจิต ที่เกิด เป็นเหมือน กระแสะคลี่น ต่างๆ คลื่นเล็ก คลื่นใหญ่ บางคลื่นก็เจ็บปวด แสบร้อน แล้วสิ่งเหล่านี้ มันมาจากไหน อารมณ์นั้นมาจากไหน ..มันเกิดขึ้นที่กายเราเอง แล้วจิตเราก็ยึดชอารมณ์นั้น เมื่อเรารู้ว่าเป็นอารมณ์กรรม เราก็ปลดเปลื้องออกไป
เมื่อเรามองอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ตัวเองได้ ชัดเจน เราก็มีกรรม มีอารมณ์ คนอื่นก็มีกรรมมีอารมณ์ ..เราก็มองผู้อื่น เป็นเรื่องราวของอารมณ์ต่างๆ ที่แสดงกิริยาท่าทาง พฤติกรรม ตัวอารมณ์ ที่ปกคลุมเค้าออกมา แสดงให่เราได้เรียนรู้ ในอารมณ์ต่างๆ ที่วิญญาณทั้งหกเราไปสัมผัส ..เมื่อสัมผัสแล้วเราก็ กลับมา ย้อนมาดูตัวเอง อาศัยกายนิ่ง จิตนิ่ง ในเรื่องราวต่างๆ ที่ไปสัมผัสมา ทุกข์หรือ สุข เราก็พิจารณา สอบสวน ในกายที่เราอาศัย สลัดมันทิ้งไป
แต่ปัญหามันเกิดขึ้น ..เมื่อจิตเรามันเคยชิน เป็นกรรมของตัวเอง ที่ไปยึดเอาอารมณ์นั้น หรือ บางทีเค้าก็ว่า จิตเรานั้น ไม่มีบุญกุศลบารมี มาช่วยหนุนนำ จึงต้องมีกรรม ยึดเอาอารมณ์ต่างมาสะสมภายในกาย ที่เป็นแต่งในเรื่องราวขันธ์ห้า ที่ปรุงแต่ง ไปสร้างกรรม สร้างเหตุให้จิตมีทุกข์
แล้วจิตเราก็ไม่สามารถ แยกแยะ รับรู้เรื่องราวของอารมณ์ กับจิตได้เลย แล้วจิตนั้น ก็ไม่สามารถสงบ อารมณ์นึกคิด ที่เหมือนกระแสคลื่น ไหลเข้ามา ปะทะจิต ปะทะจิต ดันจิตก็ถอยหลัง ไปตามแรงคลื่นอารมณ์ที่พัดพาไป ก็หลงไหล อยู่ในอ่างทะเลน้ำวน แห่งความโลภโกรธหลง
เรื่องราวของจิตที่ไม่มีกาย จิตที่มาอาศัยกายนั้น ก็เหมือนถูกกักขังอยู่ภายในกาย ไม่สามารถ ที่จะไปเรียนรู้ รับรู้ สัมผัส ว่า จิตที่ไม่มีกายนั้น เค้าเป็นไรเย่างไรกันบ้าง ..เค้าก็รับรู้อยู่ภายในกายนี้ ที่เป็นเหมือนบ้าน ที่มีอารมณ์ต่างปรุุงแต่งบ้านแต่งกายนี้ ไปจนแก่เฒ่าชราตายไป ไม่มีกายให้รับรู้ การรับรู้จองจิตที่อาศัยกายนี้ ไม่มีใช้อีกแล้ว หมดสังขารมีกายเป็นมนุษย์
โฆษณา