23 ก.ค. เวลา 09:56 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 267 นานาบั้นปลายชีวิต

ซ่งเจียงพำนักอยู่บ้านได้หลายเดือน เกรงฮ่องเต้จะทรงรับสั่งหา จึงเลือกวันดีปลดชุดไว้ทุกข์ ประกอบพิธีพรตอีกหลายวัน เสร็จพิธี จัดเลี้ยงใหญ่อำลาคนในหมู่บ้าน มอบหมายกิจการต่างๆ ทางบ้านให้กับซ่งชิงน้องชาย ผู้ที่แม้จะมีบรรดาศักดิ์ แต่ไม่รับราชการคงอยู่ดูแลกิจการเกษตร จุดธูปบูชาบรรพชนที่บ้าน แล้วเดินทางกลับสู่ตงจิง
เหล่าพี่น้องที่ตงจิง ที่มีครอบครัวต่างพามาพักอาศัยด้วยกันที่เมืองกรุง บ้างที่ญาติพี่น้องเสียชีวิต ก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากราชสำนัก ซ่งเจียงกลับจากเยี่ยมบ้านเกิดแล้วก็เตรียมตัวเดินทางไปรับหน้าที่ใหม่ จอมเวทเทพเดินหนไต้จงแวะมาเยี่ยมและแจ้งว่า
“ผู้น้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้รับหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเมืองหยั่นโจว แต่ตั้งใจว่าจะถวายคืนตราตั้ง เพื่อไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่ศาลเจ้าเยว่ที่เมืองไท่อัน 泰安州岳庙 ”
ซ่งเจียงว่า “น้องเราเหตุใดจึงมีความคิดนี้”
ไต้จงว่า “ผู้น้องฝันเห็นท่านชุยฝู่จวิน 崔府君 มาเรียกตัวผู้น้อง จึงได้มีจิตคิดสร้างกุศล”
(ชุยฝู่จวิน 崔府君 หรือตุลาการชุย 崔判官 คือผู้ดูแลบัญชีเกิดดับในยมโลก)
ซ่งเจียงว่า “น้องเราคือจอมเวทเทพเดินหน วันหน้าคงเป็นผู้ทรงฤทธิ์แห่งศาลเยว่”
จากกันครานั้น ไต้จงสละตำแหน่งราชการไปออกบวชที่ศาลเจ้าเยว่เมืองไท่อัน อุทิศตนเพื่อองค์เทพเสิ้งตี้ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็เรียกชุมนุมเหล่านักพรตในศาลเพื่อกล่าวอำลา แล้วหัวเราะร่วนจนตาย ต่อมาสำแดงอิทธิฤทธิ์ปรากฎกายในศาลเยว่ให้เห็นหลายครั้ง ชาวบ้านจึงปั้นรูปเหมือนของไต้จงไว้บูชาในศาล ภายในรูปปั้นบรรจุร่างของไต้จงเอาไว้
หยวนเสี่ยวชีมาอำลาซ่งเจียงเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเมืองไก้เทียน เพียงไม่กี่เดือนก็ถูกขุนพลใหญ่หวางปิ่ง เจ้าถาน คู่กรณีเก่าที่ถ้ำปังหยวน ยุยงถงซูมี่ซ้ำๆ ว่า เรื่องที่หยวนเสี่ยวชีบังอาจสวมชุดมังกรของฟางล่า แม้จะเป็นเรื่องนึกสนุกเพียงชั่วครั้ง แต่แสดงให้เห็นถึงจิตใจอันมักใหญ่ใฝ่สูง อีกทั้งเมืองไก้เทียนยังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอันห่างไกล เหมาะสำหรับก่อขบถ ถงก้วนแจ้งเรื่องนี้แก่ไฉ้จิง ผู้นำความเพ็ดทูลโอรสสวรรค์ให้ทรงมีพระราชโองการริบบรรดาศักดิ์ของหยวนเสี่ยวชี ให้กลับเป็นราษฎรสามัญ
หยวนเสี่ยวชีกลับชอบใจ พามารดากลับบ้านสือเจี๋ยหนองเหลียงซาน 梁山泊石碣村 ไปเป็นชาวประมงหาเลี้ยงมารดาดังเก่า จนสิ้นอายุขัยเมื่ออายุได้หกสิบปี
ทางด้านพายุหมุนน้อยไฉจิ้น ได้เห็นไต้จงคืนตำแหน่งปลีกวิเวก อีกทั้งเห็นตัวอย่างจากหยวนเสี่ยวชีถูกริบบรรดาศักดิ์ปลดเป็นสามัญชน เพราะไปใส่มงกุฎสวมชุดมังกรของฟางล่า ถูกกล่าวหาว่าอาจมีจิตคิดขบถ จึงหวนตรองว่า
“ตัวข้าเองเคยเป็นราชบุตรเขยของฟางล่า วันหน้าหากพวกกังฉินล่วงรู้ คงหาเรื่องเพ็ดทูลองค์โอรสสวรรค์ เสกสรรเรื่องจนถึงแก่ชีวิต หรืออย่างเบาก็อับอาย ในเมื่อรู้สถานการณ์ จะรอให้ถึงวันนั้นไย”
ไฉจิ้นใช้ข้ออ้างเจ็บป่วยด้วยโรคภัยจนไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ ขอคืนตำแหน่ง อำลากลับไปเป็นเกษตรกรอยู่ที่เมืองเหิงไห่ชางโจว ใช้ชีวิตเสรีหามีโรคภัยเบียดเบียนตราบวาระสุดท้าย
อินทรีโฉบฟ้าหลี่อิ้งไปเป็นผู้บัญชาการทหารเมืองจงซานได้ราวครึ่งปี รู้ข่าวว่าไฉจิ้นปลีกวิเวกกลับบ้าน จึงเอาอย่างบ้าง แกล้งล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต 风瘫 ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ แจ้งเรื่องไปยังสำนักเสิ่งย่วน 省院 ขอคืนตำแหน่ง แล้วกลับภูมิลำเนาที่เขามังกรเอกา 独龙冈 ต่อมาไอ้หน้าผีตู้ซิง มาอยู่ด้วย ร่ำรวยเสพสุขด้วยกันจนวาระสุดท้าย
กวนเสิ้งเป็นผู้บัญชาการทหารทั่วไปอยู่ที่เมืองเป่ยจิงต้าหมิงฝู่ เหล่าทหารต่างรักใคร่เคารพนับถือ มาวันหนึ่งกลับบ้านหลังฝึกหัดทหาร วันนั้นดื่มมาหนัก พลัดตกม้า ล้มเจ็บลงจนเสียชีวิต
ฮูหยันจว๋อเป็นผู้บัญชาการทหารองครักษ์ หน้าที่ปกติคือ ถวายอารักขาและฝึกทหาร ต่อมามีโอกาสนำทัพออกรบกับจินอู้จู๋ 金兀朮 องค์ชายสี่รัชทายาทแห่งต้าจิน 大金 เสียชีวิตกลางศึกที่ไหวยซี 淮西
จูถงผู้บัญชาการทหารเมืองเป่าติ้ง ได้ออกรบใต้บังคับบัญชาของหลิวกวงสื้อ 刘光世 ขับไล่ทัพต้าจินให้ล่าถอยไปได้ ต่อมาได้เลื่อนยศเป็นเจี๋ยตู้สื่อเมืองไท่ผิงจวิน 太平军节度使
ฮวาหยงพาภรรยาและน้องสาว (ภรรยาหม้ายของฉินหมิง) ไปรับหน้าที่ที่เมืองอิงเทียนฝู่ 应天府
อู๋ย่งนั้นตัวคนเดียว นำศิษย์ไปรับหน้าที่ที่เมืองอู่เสิ้งจวิน 武胜军
หลี่ขุยอยู่ลำพังเช่นกัน นำคนรับใช้สองคนติดตามไปรับหน้าที่ที่เมืองยุ่นโจว 润州
อย่าเพิ่งถามว่าสามคนนี้มีบั้นปลายเยี่ยงไร
ขุนพลโท 偏将 สิบห้านายนั้น
ซ่งชิงสมัครใจกลับไปทำการเกษตรที่บ้านเดิม
ตู้ซิงติดตามไปอยู่กับหลี่อิ้งที่ภูมิลำเนา
หวงซิ่นไปรับหน้าที่ที่ชิงโจว
ซุนลี่พาซุนซินน้องชาย กู้ต้าเส่าน้องสะใภ้กลับไปรับราชการที่เติงโจวตามเดิม
โจวยุ่นไม่ต้องการรับราชการ กลับขึ้นเขาเติงซาน
ไฉ้ชิ่งติดตามกวนเสิ้งกระทั่งมาเป็นราษฎรสามัญที่เป่ยจิง
เผยเซวียนกับหยางหลินตกลงกันว่ากลับไปปลีกวิเวกอยู่ที่ธารให้น้ำม้า 饮马川 (อิ๋นหม่าชวน)
เจี่ยงจิ้งกลับบ้านเกิดที่ถานโจวไปเป็นราษฎรสามัญ
จูอู่ฝากตัวศึกษาพรตธรรมกับฝานยุ่ย ทั้งคู่ท่องวงนักเลงเป็นอาจารย์นิกายเฉวียนเจิน 全真先生 ท้ายสุดไปขอออกบวชเป็นนักพรตอยู่กับกงซุนเสิ้งจนสิ้นอายุขัย
มู่ชุนกลับบ้านเดิมที่เจียหยางเป็นราษฎรสามัญ
หลิงเจิ้นเชี่ยวชาญปืนใหญ่ปืนไฟ กลับมาดูแลคลังแสงที่ค่ายทหารองครักษ์
ขุนพลโท 偏将 ห้านายที่ถูกรั้งตัวไว้ที่เมืองหลวงแต่แรก
อันเต้าเฉวียน รับราชการในสำนักหมอหลวงตำแหน่ง 金紫医 จินจื่อยี
หวงฝู่ตวน เป็นผู้ดูแลคอกม้าหลวง
จินต้าเจียน รับราชการเป็นช่างสลักหลวง
เซียวย่าง เป็น อาจารย์สังกัดจวนราชครูไฉ้
เยว่เหออยู่สุขสบายในจวนราชบุตรเขยจนสิ้นอายุขัยด้วยวัยชรา
ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ต่างแยกย้ายไปรับหน้าที่ของตน หลูจวิ้นอี้ไม่มีครอบครัวแล้ว มีเพียงผู้ติดตามไปยังหลูโจว ซ่งเจียงมีบ่าวทางบ้านติดตามไปยังฉู่โจว
ในรัชสมัยพระเจ้าซ่งฮุยจง 徽宗 แม้พระองค์จะทรงพระปรีชาสามารถ แต่นับเป็นยุคที่ขุนนางกังฉินเรืองอำนาจโดยมีสี่ขุนนางโฉดชั่วเป็นตัวการใหญ่ในการฉ้อราษฎร์บังหลวง คือ ไฉ้จิง 蔡京 ถงก้วน 童贯 เกาฉิว 高俅 หยางเจี่ยน 杨戬
เกาฉิว หยางเจี่ยนเห็นพวกซ่งเจียงได้ดีทั้งลาภยศสรรเสริญแล้วย่อมอิจฉาริษยาตามกมลสันดาน ทั้งสองคุยกันว่า
“ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้นับเป็นคู่อาฆาตของพวกเรา บัดนี้มีผลงานใหญ่ได้เป็นขุนนาง ทรงพระกรุณาให้
ขึ้นม้าบัญชาทหาร ลงม้าอภิบาลประชา
上马管军 ,下马管民
ข้ามหัวเสิ่งย่วน 省院官 อย่างพวกเราให้ได้อายขายหน้า โบราณว่า
ไม่เหี้ยมเกรียมหาใช่วิญญูชน ไร้พิษสงหาใช่ลูกผู้ชาย
恨小非君子,无毒不丈夫”
หยางเจี่ยนว่า “ข้ามีแผน ลงมือเล่นงานหลูจวิ้นอี้ก่อน หากลงมือกับซ่งเจียงก่อน ทางนี้เขาจะรู้ตัว ฝีมือเข้มแข็งห้าวหาญ รับมือยาก”
เกาฉิวว่า “ข้าขอฟังแผน”
หยางเจี่ยนว่า “หาทหารชาวหลูโจวสักสองสามคน มาฟ้องร้องที่สำนักเสิ่งย่วนว่าหลูอันฝู่ซ่องสุมกำลังสะสมเสบียงมีเจตนาก่อขบถ จากนั้นผ่านเรื่องไปที่จวนราชครู หลอกทั้งราชครูด้วย พอราชครูเพ็ดทูลเหนือหัวให้มีพระราชโองการเรียกตัวกลับกรุง ในอาหารที่ทรงพระราชทานเลี้ยง ใส่ปรอทลงไปผสม พอพิษปรอทลงไปถึงเอวก็จะทำอะไรไม่ได้หรือได้ก็ไม่ถนัด จากนั้นก็ส่งสุราพระราชทานไปให้ซ่งเจียง ผสมยาสั่งลงไป ยาออกฤทธิ์ช้า ใช้เวลาครึ่งเดือน พอรู้ตัวก็หมดหนทางเยียวยา”
เกาฉิวว่า “แผนยอดเยี่ยม”
自古权奸害善良,不容忠义立家邦。
皇天若肯明昭报,男作俳优女作倡。
ขุนนางโฉดเรืองรุ่งมุ่งร้ายคนดี
กีดกันผู้มีใจภักดิ์พ้นเขตขัณฑ์
หากสวรรค์สนองผลกรรมอย่างเท่าทัน
ชายชั่วนั้นหุ่นละคร หญิงนั้นโสเภณี
สองขุนนางโจรตกลงกันแล้ว ก็ให้คนสนิทไปเสาะหาคนพื้นที่หลูโจวสองคนมายื่นคำร้องยังซูมี่ย่วน 枢密院 กล่าวหาว่าหลูอันฝู่ซ่องสุมกำลังสะสมเสบียงมีเจตนาก่อขบถ และไปมาระหว่างฉู่โจวสมคบคิดกับอันฝู่ซ่งเจียง เจ้าสำนักซูมี่ย่วนถงก้วนคู่แค้นของซ่งเจียงย่อมรีบนำคำร้องไปหาไฉ้จิงที่จวนราชครูเพื่อหารือเรื่องนำความขึ้นกราบทูล เกาฉิว หยางเจี่ยน นั่งรออยู่ด้วยแล้วรีบยุส่ง
ไฉ้จิงพาผู้ฟ้องจากหลูโจวทั้งสองเข้าวังกราบทูลเหนือหัวในที่ประชุม ฮ่องเต้ตรัสว่า
“เจิ้นเห็นว่าซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้มีผลงานปราบโจรรอบทิศ จึงแต่งตั้งให้มีอำนาจทหารนับแสน ไม่คิดว่าจะกลับมามีใจคิดขบถ หากยังไม่ไต่สวนให้ถ่องแท้ ยากที่จะเชื่อได้”
เกาฉิว หยางเจี่ยนทูลว่า “ฝ่าบาททรงปรีชา ทว่า ใจคนนั้นยากจะหยั่ง หลูจวิ้นอี้อาจเกี่ยงว่าตำแหน่งหน้าที่ไม่สมผลงาน จึงมีใจคิดขบถ แต่มีผู้รู้เห็นเสียก่อน”
ฮ่องเต้ว่า “ให้ตามตัวมาพบ กว่าเหยินจะสอบถามด้วยตัวเอง”
ไฉ้จิง ถงก้วนทูลว่า “หลูจวิ้นอี้ดุดันปานสัตว์ร้าย หากรู้ตัวแล้วหนีไปเสียก่อนจักตามจับตัวยาก ฝ่าบาทควรให้เข้าวังมา พระราชทานเลี้ยงแล้วเลียบเคียงถาม หากเรื่องไม่มีมูล ก็จักไม่เสียขวัญข้าราชบริพาร”
ฮ่องเต้จึงทรงมีพระราชโองการให้ตามตัวหลูจวิ้นอี้จากหลูโจวมาเข้าพบ
หลูจวิ้นอี้มาจากหลูโจวเข้าพำนักที่ศาลพระเสื้อเมืองตงจิง วันรุ่งขึ้น ราชครูไฉ้จิง ถงซูมี่ เกาไท่เว่ย หยางไท่เว่ย พาเข้าเฝ้า โอรสสวรรค์ตรัสถามว่า
“กว่าเหยิน 寡人 เพียงอยากพบหน้าชิง 卿 ราชการที่หลูโจวเป็นอย่างไร”
หลูจวิ้นอี้ทูลว่า “ด้วยพระบารมีของพระองค์ ราษฎรและทหารล้วนอยู่เย็นเป็นสุข”
ทรงชวนสนทนาจนถึงเที่ยงจึงเลี้ยงพระกระยาหาร เกาฉิว หยางเจี่ยนจัดแจงผสมปรอทลงในอาหารส่วนของหลูจวิ้นอี้ไว้แล้ว หลังอาหาร หลูจวิ้นอี้ทูลลากลับ
ฮ่องเต้ทรงรับสั่งว่า “ชิง 卿 กลับหลูโจวแล้ว พึงตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ บำรุงทหารและราษฎร อย่าได้มีใจเป็นอื่น”
หลูจวิ้นอี้ถวายบังคมลา หารู้เรื่องอุบายสองโจรชั่ว เกาฉิว หยางเจี่ยนลอบสบตาว่า “งานใหญ่ลุล่วง”
หลูจวิ้นอี้ออกเดินทางกลับในวันนั้นแต่รู้สึกปวดเอวไม่อาจขี่ม้าจึงกลับทางเรือล่องมาทางแม่น้ำไหวยเมืองสื้อโจว 泗州淮河 ถึงคราวสิ้นอายุขัย คืนนั้นเมาสุรามายืนอยู่หัวเรือ พิษปรอทลงถึงเอวมือเท้าอ่อนพลัดตกน้ำ
可怜河北玉麒麟,屈作水中冤抑鬼
กิเลนหยกแห่งเหอเป่ยให้เสียดาย
ถูกใส่ร้ายกลายพรายน้ำตายโหง
ร่างหลูจวิ้นอี้ถูกงมขึ้นมาบรรจุโลงนำไปฝังไว้ยังที่ราบสูงเมืองสื้อโจว ขุนนางท้องที่ทำรายงานไปยังสำนักเสิ่งย่วน
สี่ขุนนางโฉดรับรายงานจากสื้อโจวแล้ว นำความทูลโอรสสวรรค์ว่า
“กรมการเมืองสื้อโจวรายงานมาว่า หลูอันฝู่เดินทางทางเรือมาตามแม่น้ำไหวย เมาสุราพลัดตกน้ำถึงแก่ความตาย พวกกระหม่อมทราบความแล้วมิอาจปิดบัง จึงกราบทูลให้ทรงทราบ การตายของหลูจวิ้นอี้นี้อาจสร้างความระแวงให้แก่ซ่งเจียง ขอฝ่าบาทมอบสุราพระราชทานเป็นการปลอบขวัญ”
ถึงวาระของซ่งเจียง ทำให้ฮ่องเต้ทรงคล้อยตามความเห็นของสี่ขุนนางชั่ว พระราชทานสุราสองขวดให้ทูตนำไปมอบให้ซ่งเจียงที่ฉู่โจว ราชทูตนั้นรู้กันกับเกาฉิว หยางเจี่ยน ให้ทั้งสองวางยาสั่งออกฤทธิ์ช้าลงในสุรา
ตอนก่อนหน้า : อวยยศ
ตอนถัดไป : จารึกนามกัลปาวสาน
โฆษณา