25 ก.ค. เวลา 13:33 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

📌 Framework ที่ใหญ่ขึ้น จะไม่ช่วยอะไร ถ้าทีมไม่กล้าพูดว่า ‘มันไม่ work ยังไง?’

🧭 เมื่อ AI ทำพิธีกรรมได้ แต่ 'ความกล้าพูดความจริง' ยังต้องใช้คน?
ในยุคที่ Agile หรือคำว่า Scrum ไม่ได้ใหม่อีกต่อไป แถมยังไม่ค่อย work โดยเฉพาะในองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ — คำถามที่เราควรถามไม่ใช่แค่ "เราทำตาม Framework หรือยัง" แต่คือ
"เรากำลังใช้มัน เพื่อสร้างความคล่องตัว หรือแค่ทำพิธีกรรมให้ดูคล่องตัว?"
บทความนี้ไม่พูดถึงรายละเอียดเชิงเทคนิค, ไม่สอนวิธีใช้ ScrumExpansion Pack 2025, ไม่แจกแผนภาพใหม่ๆ ให้โหลด...แต่จะพาเราย้อนกลับไปยังแก่นแท้ของ Agile และยืนหยัดในสิ่งที่กำลังหายไป คือ
“ความกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ไม่สะดวกใจ ในวันที่ AI ทำได้หลายอย่างแทนคน แต่ยังไม่มีใครแทนความซื่อสัตย์ทางอารมณ์และวุฒิภาวะของมนุษย์ได้”
และบางครั้ง การยอมรับว่า "สิ่งนี้มันไม่ work แล้ว" คือ 'ความกล้า' ที่แท้จริงของทีมยุค AI
====
☕️ Expansion Creep จาก 'กาแฟดำ' สู่ 'คาปูชิโน่ใส่ท็อปปิ้งสามชั้น'
เมื่อเข้าสู่ยุค Expansion Pack ที่กลายเป็นกระแสใหม่ เราเริ่มเห็น Scrum ที่มีองค์ประกอบซ้อนทับมากขึ้น มี Role ใหม่เพิ่มเข้ามา เช่น Sprint Buffer, Flow Advisor, Retrospective Coach และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งอาจดูเหมือนการพัฒนาให้ครบถ้วนขึ้น แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาหลัก
เหมือนเรากำลังปรุงแต่งกาแฟไปเรื่อยๆ เพราะเรากลัวที่จะพูดว่า "จริงๆ แล้วเราใช้ของเดิมยังไม่เข้าใจเลยหรือเปล่า??”
🎯 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า องค์กรจะเริ่มเต็มไปด้วย “Scrum เวอร์ชันบวมเทอะทะ” มีบทบาทเสริมจำนวนมาก แต่ขาดคำถามพื้นฐาน เช่น "ทีมเราเข้าใจ Definition of Done จริงหรือยัง?" หรือ "Retrospective รอบนี้ เราได้เปลี่ยนอะไรที่จับต้องได้บ้าง?" เป็นต้น
====
🌊 จาก Sprint สู่ Stream เมื่อทีมระดับโลก...ไม่เรียกตัวเองว่า Scrum อีกต่อไป
Google, Spotify, Atlassian, Amazon — ทีมระดับโลกหลายทีมไม่ได้หลงใหลในคำว่า Sprint (เผลอๆ ไม่เคยใช้แบบที่ consult มาเร่ขายเราด้วย) หลายทีมในยุค AI กลับขยับไปใช้แนวคิด Flow-based Delivery Model ที่เน้นการทำงานลื่นไหลมากกว่าการยึดติดรอบเวลา 1-3 สัปดาห์ หรือที่คนไทยเรียก Sprint อีกต่อไป
Flow-based คืออะไร?
* เน้นจำกัดจำนวนงานที่ทำ (WIP Limit)
* ใช้ Kanban ผสม Data Analytics ในการวางแผน
* ติดตามผลด้วย Time to Learn และ Time to Deliver แทนที่จะใช้ Story Point
* วัดผลด้วยผลกระทบต่อลูกค้า มากกว่าการไล่ให้ Burn-down Chart ดูสวยงาม
พวกเขาไม่ได้ถามว่า "ใช้ Scrum อยู่หรือเปล่า" แต่ถามว่า "ลูกค้าได้ของที่ดีกว่าเร็วขึ้นไหม?"
🔥 ในขณะที่บางองค์กรยังถกเถียงกันเรื่องชื่อบทบาท ว่า Dev ควรเปลี่ยนชื่อเป็น Engineer หรือ Team Member ดีไหม?…ทีมที่ส่งของจริงกลับใช้คำง่ายๆ ว่า "เราทำงานร่วมกัน สื่อสารดี ส่งของเร็ว และเรียนรู้ตลอดเวลา" — ไม่มีคำหรู ไม่มีศัพท์แสง แต่มีผลลัพธ์
====
🤖 AI จะ Automate ได้ทุกอย่าง...ยกเว้น 'ความเป็นมนุษย์'
AI ทำได้เร็วกว่า ชัดเจนกว่า และไม่มีวันเหนื่อย มันสามารถ
* สร้างแผน Sprint จาก Velocity เดิมได้
* วิเคราะห์บทสนทนาใน Slack เพื่อดึง Insight ไปใช้ใน Retrospective
* ตรวจสุขภาพ Backlog และเสนอ Prioritization โดยไม่ลำเอียง
แต่สิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้ และอาจไม่มีวันทำได้ คือ
* เข้าใจว่าเวลาเพื่อนร่วมทีมพูดว่า "ไม่ไหวแล้ว" มันคือเสียงขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ความขี้เกียจ
* มองออกว่าการเงียบในห้องประชุม คือสัญญาณของความไม่ปลอดภัย ไม่ใช่สัญญาณว่าไม่มีปัญหา
* สร้างความไว้วางใจและความกล้าให้คนออกความเห็นตรง ๆ โดยไม่กลัวผลลัพธ์
"AI จัดพิธีกรรมได้ดี แต่ยังสร้าง Trust ไม่ได้ — และ Trust นั่นแหละคือรากของ Agile/Scrum หรือ whatever ที่คุณเรียกเวลาบอกองค์กรต้องการ transform”
====
💪 ถ้าจะเปลี่ยนทีม...ต้องเริ่มจากความกล้าที่จะพูดว่า 'มันไม่ work ยังไง?’
Framework ใดก็ไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็น Scrum, SAFe, Kanban หรือ XP แต่ถ้าองค์กรยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง — ว่าเรากำลัง 'ใช้มันเพื่อปิดบังปัญหา' มากกว่าใช้มันเพื่อสร้างคุณค่า — เราก็จะไม่มีวันเห็นการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมที่เปลี่ยนทีม ไม่ใช่ชื่อ Framework
* กล้ายอมรับว่า "เราไม่รู้" ใน Planning ไม่ใช่พยักหน้าเพื่อผ่านไป
* กล้ายกมือค้าน Timeline ที่ไม่สมเหตุสมผล แม้จะรู้ว่าจะโดนมองว่า Negative
* กล้าช่วยเพื่อนที่เงียบให้พูดออกมา ในห้อง Retrospective ที่เคยเงียบมาตลอด
* กล้าแสดงจุดยืนเมื่อ KPI ไม่สะท้อนคุณค่าที่แท้จริง แม้จะขัดกับผู้บริหาร หรือที่ปรึกษาที่องค์กรจ้างมาราคาแพง เป็นต้น
“นี่คือวุฒิภาวะของทีมที่ไม่ต้องการ Framework ใหม่ — แต่ต้องการความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น”
====
📌 อย่ารอ Framework ถัดไป — ให้เริ่มจากความกล้าที่จะซื่อสัตย์กับกันและกัน
หลายคนถามว่า แล้วเราควรปรับใช้ Expansion Pack 2025 อย่างไร? คำตอบคือ...
ก่อนจะขยายขอบเขตของ Framework ควรขยาย 'ระดับความกล้า' ในทีมก่อน
ลองถามคำถามนี้กับทีม
* อะไรคือสิ่งที่เราทำอยู่...แต่ทุกคนรู้ว่ามันไม่เวิร์ค?
* อะไรคือพิธีกรรมที่เราทำเพราะเคยมีคนสั่งให้ทำ...แต่ไม่มีใครเชื่อมันแล้ว?
* อะไรคือสิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย โดยไม่ต้องรอไฟเขียวจากใคร?
“หากเรากล้าตอบคำถามเหล่านี้อย่างซื่อสัตย์กับกันและกัน...Scrum หรืออะไรก็ตามที่คุณพยายามใช้อยู่จะ work ขึ้นทันที — ไม่ว่าคุณจะใช้เวอร์ชันไหน หรือจะเรียกมันว่าอะไรก็ตาม!!!”
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#ScrumIsNotTheProblem
#AgileNeedsCourage
#FutureOfWork
#HumanCenteredAgile
โฆษณา