Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Future Perfect
•
ติดตาม
26 ก.ค. เวลา 23:45 • ธุรกิจ
ภาษีคาร์บอน – Carbon Tax ตอนที่ 2: จากภาษีสรรพสามิตของไทย สู่ภาษีคาร์บอนเต็มรูปแบบ
ปี 2568 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เมื่อภาษีคาร์บอนเริ่มใช้เป็นครั้งแรกด้วยอัตรา 200 บาทต่อตันคาร์บอน ทำให้เราเป็นประเทศที่สองในอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ที่มีภาษีคาร์บอน แม้เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์น้ำมันเท่านั้นและยังไม่กระทบราคาโดยตรง แต่ก้าวแรกนี้มีความหมายมาก เพราะภาคพลังงานและขนส่งของไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 70% ของทั้งประเทศ ในขณะที่เรามีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30-40% ภายในปี 2030
หลังจากบทความก่อนหน้านี้ Future Perfect ได้พูดถึงสถานการณ์ภาพรวมของ Carbon Tax ในระดับโลกไปแล้ว ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกกันเรื่องภาษีคาร์บอน หรือ Carbon Tax ในประเทศไทยบ้าง มีประเด็นใด ความคืบหน้าใด หรือสิ่งใดในอนาคตที่จะเกิดขึ้นและน่าสนใจบ้างนั้น Future Perfect มีคำตอบมาอัพเดตและเปิดมุมคิดให้กับทุกคนครับ
Cr. Image by NicoElNino
จริง ๆ แล้วไทยไม่ได้เริ่มต้นเรื่องนี้ในปี 2025 เราได้ทดลองใช้หลักการคล้ายกันมาแล้วตั้งแต่ปี 2017 ผ่านการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยนำปริมาณการปล่อย CO2 มาเป็นเกณฑ์กำหนดอัตราภาษี รถที่ปล่อยก๊าซน้อยจ่ายภาษีน้อย รถไฟฟ้าได้รับการยกเว้นภาษี และในปี 2020 ก็ขยายไปยังรถจักรยานยนต์ด้วย
ภาษีคาร์บอนอย่างเป็นทางการ ระยะแรก: ผ่านภาษีสรรพสามิต (2025)
เมื่อเดือนมกราคม 2025 คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เริ่มจัดเก็บภาษีคาร์บอนอย่างเป็นทางการผ่านระบบภาษีสรรพสามิตในผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง ครอบคลุมน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน และก๊าซ LPG
สิ่งที่น่าสนใจคือ การเก็บภาษีนี้ไม่ได้เพิ่มราคาหน้าปั๊มทันที แต่เป็นการปรับสัดส่วนในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเดิม กล่าวคือ บางส่วนของภาษีสรรพสามิตที่เคยเก็บจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "ภาษีคาร์บอน" แทน
ทำไมเริ่มจากน้ำมันก่อน?
การเลือกเริ่มจากผลิตภัณฑ์น้ำมันก่อนนั้นมีเหตุผลที่ชัดเจน:
1. แหล่งปล่อยก๊าซหลัก - น้ำมันเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักของประเทศ การเริ่มจากจุดนี้จึงให้ผลกระทบสูงสุด
2. ดำเนินการได้ทันที - ไม่ต้องตรากฎหมายใหม่ เพียงปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่มีอยู่แล้ว ทำให้สามารถเริ่มได้เร็ว
3. รับมือ CBAM - เตรียมความพร้อมรับมือมาตรการ Carbon Border Adjustment Mechanism ของสหภาพยุโรปที่จะมีผลปี 2026 (ที่ผ่านมาเป็นการทดลองใช้ และยังไม่ได้มีการเก็บค่าธรรมเนียมกันจริง ๆ)
4. สร้างความตระหนัก - ช่วยให้สาธารณะเริ่มเห็นต้นทุนที่แท้จริงของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และกระตุ้นให้เปลี่ยนพฤติกรรมไปใช้พลังงานสะอาด
ตัวอย่างการบังคับใช้อัตราภาษี เช่น น้ำมันเบนซิน E10 มีภาษีคาร์บอน 0.64 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนน้ำมันดีเซล B7 อยู่ที่ 0.62 บาทต่อกิโลกรัม
การออกแบบระบบนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ได้แก่ (1) สร้างความตระหนักให้ผู้บริโภคเลือกใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม; (2) เตรียมพร้อมสำหรับ CBAM ที่ภาษีคาร์บอนไทยสามารถหักลบได้ และ (3) ทดลองระบบเพื่อเตรียมสำหรับ Carbon Tax เต็มรูปแบบในอนาคต
ภาษีคาร์บอนระยะยาว: ผ่าน พ.ร.บ. เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเดินทางไม่จบเพียงแค่ภาษีสรรพสามิต ประเทศไทยกำลังเตรียมร่าง พ.ร.บ. เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ.ลดโลกร้อน) 14 บท ที่จะครอบคลุมเครื่องมือการกำหนดราคาคาร์บอนต่าง ๆ รวมถึงภาษีคาร์บอนแบบใหม่ คาดว่าจะส่งร่างกฎหมายเพื่อขออนุมัติในปี 2025 และมีผลบังคับใช้ในปี 2027 โดยร่าง พ.ร.บ. เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนี้จะเป็นกรอบสำคัญในการจัดตั้งระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซ (ETS) และระบบรายงานก๊าซเรือนกระจกแบบบังคับ
ความแตกต่างของภาษีคาร์บอน ปัจจุบันกับแบบใหม่
1. ขอบเขตที่กว้างขึ้น – ครอบคลุมสินค้าที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่น้ำมันเชื้อเพลิง แต่รวมถึงถ่านหิน ถ่านโค้ก ลิกไนต์ และสินค้าอื่น ๆ ที่เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำคัญ สินค้าที่มีการปล่อยคาร์บอนระหว่างการใช้งาน เช่น สินค้าที่ใช้พลังงานสูง หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
2. อัตราภาษีที่สูงขึ้น - น้ำมันเบนซินอาจมีภาษีคาร์บอนสูงถึง 80 บาทต่อลิตร ในขณะที่น้ำมันดีเซลพื้นฐานอาจอยู่ที่ 100 บาทต่อลิตร (จากเอกสารบัญชีพิกัดอัตราภาษีคาร์บอนในร่าง พ.ร.บ.) ซึ่งต้องมีการประเมินวงจรชีวิตของสินค้าอย่างครอบคลุม
3. กระทบราคาโดยตรง - ต่างจากระยะแรกที่ "ซ่อน" ไว้ในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ระบบใหม่จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงการเพิ่มขึ้นของราคาได้จริง
แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองโลกและปัญหาเศรษฐกิจจะทำให้การให้ความสำคัญกับเรื่องการกำหนดราคาคาร์บอนลดลงในระดับหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากที่สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง (ลงนาม 20 ม.ค. 2025 และมีผลจริงในอีก 1 ปีถัดไป) แต่ไทยยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากความจำเป็นในการเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป
อัตราภาษีคาร์บอนของไทยที่ 200 บาทต่อตัน (ประมาณ 5.6 ดอลลาร์สหรัฐ) ยังถือว่าต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับระดับสากล ซึ่งตามรายงาน State and Trends of Carbon Pricing 2024 ของธนาคารโลก พบว่าราคาคาร์บอนเฉลี่ยโลกอยู่ที่ประมาณ 19 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นด้วยอัตราที่ไม่สูงจนเกินไปถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อให้ภาคธุรกิจมีเวลาปรับตัว
การดำเนินการด้านการกำหนดราคาคาร์บอนของไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมถึงการขาดความชัดเจนในรายละเอียดของกฎหมาย ความพร้อมของระบบสนับสนุนต่าง ๆ และความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจให้กับภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ยังต้องพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการระบบเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ต้องเตรียมตัว
สำหรับผู้บริโภค ราคาน้ำมัน ก๊าซ และสินค้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงนี้จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้บริโภคหันไปสู่วิถีชีวิตแบบคาร์บอนต่ำ อาทิ รถยนต์ไฟฟ้าที่จะกลายเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น ระบบขนส่งมวลชนที่จะได้รับความสนใจมากขึ้น การปรับรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น เลือกที่อยู่ใกล้แหล่งงาน หรือใช้บริการที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ
สำหรับภาคธุรกิจ จะเผชิญการปรับโครงสร้างต้นทุนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานมาก เช่น ปิโตรเคมี เหล็กกล้า ปูนซีเมนต์ และกระดาษ แต่อีกด้านหนึ่ง ความท้าทายนี้กลับเป็นโอกาสทองสำหรับธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็ว การลงทุนในเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน พลังงานทดแทน หรือนวัตกรรมใหม่ จะกลายเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
จากการประเมินของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดว่าภาษีคาร์บอนระยะแรกอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมพลังงานหนัก เช่น ปิโตรเคมีและปูนซีเมนต์ ราว 2-5% ขึ้นอยู่กับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ลงทุนในเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนหรือระบบจับเก็บคาร์บอน อาจลดต้นทุนภาษีได้ถึง 30% และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะเมื่อเผชิญ CBAM ในปี 2026 ซึ่งกำหนดให้สินค้าส่งออกไปสหภาพยุโรปต้องเสียภาษีคาร์บอนเพิ่มหากไม่มีระบบภาษีคาร์บอนในประเทศ
ระบบสนับสนุนที่ต้องเตรียมความพร้อม ที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจรับมือได้นั้น ประกอบด้วย
1. ระบบรายงานก๊าซเรือนกระจก (2026) - ธุรกิจต้องส่งรายงานการปล่อยก๊าซประจำปีที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรป
2. ระบบคาร์บอนเครดิต - กลไกที่ให้ธุรกิจสร้างรายได้จากการลดการปล่อยก๊าซ โดยเฉพาะโครงการพลังงานทดแทน การปลูกป่า หรือเทคโนโลยีจับเก็บคาร์บอน
3. ระบบการซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (มีแผนเริ่มดำเนินการในปี 2029) - ตลาดให้ธุรกิจซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซ สร้างกลไกตลาดที่มีประสิทธิภาพ
4. การจัดการ CBAM - ระบบติดตาม คำนวณ และรายงานปริมาณคาร์บอนในสินค้าตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของคู่ค้า
โดยสรุปแล้ว ภาษีคาร์บอนไม่ใช่เพียงภาษีใหม่ แต่เป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้พลังงานของประเทศเพื่อความยั่งยืนระยะยาว การทำความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้เราเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงและใช้เป็นโอกาสสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต
การเดินทางจากภาษีสรรพสามิตสู่ระบบคาร์บอนเต็มรูปแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาโลกร้อน พร้อมทั้งเตรียมพร้อมสำหรับเศรษฐกิจโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ผู้อ่านสามารถกดติดตามเพจ Future Perfect และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนผ่านการแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ กันได้เลยครับ
3 มุมคิดที่ Future Perfect ขอฝากไว้
1) ไทยเลือกแนวทาง "ค่อยเป็นค่อยไป" ด้วยภาษีสรรพสามิต - การเริ่มต้นผ่านระบบภาษีสรรพสามิตที่ไม่กระทบราคาน้ำมันในระยะแรก เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการสร้างความเข้าใจและยอมรับจากสังคม
2) การเตรียมความพร้อมรับ CBAM คือเป้าหมายสำคัญ - Carbon Tax ของไทยไม่ใช่แค่การตอบสนองต่อวิกฤติสภาพภูมิอากาศ แต่เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการปรับคาร์บอนข้ามพรมแดนของ EU ที่จะเริ่มในปี 2026
3) ธุรกิจและผู้บริโภคไทยต้องปรับตัวในระยะยาว - เมื่อ Carbon Tax เต็มรูปแบบมีผลใช้ ราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การลงทุนในพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีประหยัดพลังงานจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่ทางเลือก
#FuturePerfect #FuturePerfectExpert #อนาคตกำหนดได้ #เปิดมุมคิดใหม่สู่ความยั่งยืน #Sustainovation #InnovateForSustainableFuture #CarbonTax #ภาษีคาร์บอน
ทุกท่านสามารถติดตามสาระดี ๆ จาก Future Perfect ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
Blockdit: Future Perfect [
blockdit.com/futureperfect
]
Medium:
https://futureperfectexpert.medium.com/
Facebook: Future Perfect - อนาคตกำหนดได้ [
facebook.com/futureperfect.expert
]
Reference
หลักการและนโยบาย
1. กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม. ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ. 2024.
2. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ. แผนแม่บทการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2558-2593. 2015.
ข้อมูลสถิติและเป้าหมาย
3. Thailand's 2nd Updated Nationally Determined Contribution. UNFCCC. 2022.
4. Climate Action Tracker. Thailand Targets. 2022.
5. UNDP Climate Promise. Thailand. 2023.
ระบบภาษีและการกำหนดราคาคาร์บอน
6. กรมสรรพสามิต. ประกาศเรื่องกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต. 2025.
7. Kasikorn Research. Thailand to impose an initial carbon tax on oil and petroleum products. 2025.
8. มติคณะรัฐมนตรี เรื่องการจัดเก็บภาษีคาร์บอน. 21 มกราคม 2568.
มาตรการสากลและการเปรียบเทียบ
9. European Commission. Carbon Border Adjustment Mechanism. 2025.
10. World Bank. State and Trends of Carbon Pricing 2024. 2024.
11. Singapore Ministry of Sustainability and Environment. Carbon Pricing (Amendment) Bill. 2022.
ระบบ ETS และตลาดคาร์บอน
12. International Carbon Action Partnership. Thailand ETS Factsheet. 2025.
13. องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก. ระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก. 2024.
การประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน
14. Climate Change Performance Index. Thailand Ranking 2025. 2024.
15. Thailand Development Research Institute. Transforming Thailand into a Low-Carbon Economy and Society. 2023.
16. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย. (2567). CBAM กลไกการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป.
17. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย. (2567). ภาพรวมมาตรการภาษีคาร์บอนและ CBAM ที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทย.
18. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, ส.อ.ท., และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง. (2567). การเตรียมพร้อมรับมือภาษีคาร์บอนและมาตรการ CBAM ปี 2568-2569.
ธุรกิจ
สิ่งแวดล้อม
1 บันทึก
4
3
1
4
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย