29 ก.ค. เวลา 00:08 • ท่องเที่ยว
ออสโล

ออสโล.. เมืองที่ล้อมรอบด้วย ฟยอร์ด ภูเขา และป่า ทำให้สามารถชมวิวธรรมชาติได้ง่ายจากใจกลางเมือง

🌍✨ “ถ้าคุณกำลังมองหาจุดหมายที่ผสานระหว่างธรรมชาติสุดตระการตา ศิลปะอันลึกซึ้ง และชีวิตเมืองที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ – ออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม!”
แน่นอน เมือง ออสโล (Oslo) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่าง ธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมสมัยใหม่ ได้อย่างลงตัว เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ สายศิลปะ ผจญภัย หรือแม้แต่สายชิลล์เดินชมเมือง✨✨ มีอะไรให้ดูเยอะแยะ หากคุณมีเวลาพอ
ท่ามกลางอ้อมกอดของฟยอร์ดและภูเขา เมืองแห่งนี้ซ่อนความน่าค้นหาไว้ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นสวนประติมากรรมกลางแจ้งขนาดยักษ์ อาคารดีไซน์สุดล้ำริมทะเล ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวของนักสำรวจไวกิ้งและศิลปินระดับโลก… ออสโลคือเมืองที่ไม่ได้แค่สวย แต่ยัง เต็มไปด้วยพลังสร้างแรงบันดาลใจ ที่รอให้คุณมาสัมผัสด้วยตัวเอง
นี่คือ 10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในออสโล ที่คุณไม่ควรพลาด ❤️❤️ บางสถานที่ป้าดาวไปบ่อยมาก ทุกครั้งที่ไป ความรู้สึกสนุกสนานแตกต่างกันออกไป มันไม่ใช่แค่สถานที่ มันคือบรรยากาศการเดินทางมากกว่า.. เรามาดูกันว่า 10 สถานที่นี้ ใครเคยมากันละยัง❤️❤️ เขียนคอมเม้นต์กันมาได้นะคะ
1. Vigeland Sculpture Park (Frogner Park)
สวนประติมากรรมโดย Gustav Vigeland มีรูปปั้นกว่า 200 ชิ้น สื่อถึงช่วงชีวิตมนุษย์ เหมาะกับการเดินเล่น ปิกนิก และถ่ายรูปกับประติมากรรมชิ้นเด็ด เช่น Monolith 
2. Oslo Opera House
สถาปัตยกรรมสุดล้ำที่สามารถเดินขึ้นหลังคาเพื่อชมวิวเมืองและฟยอร์ดโดยรอบ แนะนำให้มาช่วงเย็นเพื่อตั้งชมพระอาทิตย์ตก  
3. Munch Museum (“MUNCH”)
พิพิธภัณฑ์รวมงานของ Edvard Munch ซึ่งมีผลงานดังอย่าง The Scream ตั้งอยู่ในย่าน Bjørvika ริมฟยอร์ด 
4. Akershus Fortress
ป้อมปราการยุคกลางตั้งอยู่ริมท่าเรือ ชมวิว Oslofjord ไปพร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงครามโลก  
5. Royal Palace และ Palace Park
พระราชวังสไตล์นีโอคลาสสิกที่ตั้งอยู่ปลายถนน Karl Johans gate พร้อมสวนสวยกว้างใหญ่ และชมพิธีเปลี่ยนเวรรักษาพระองค์ (guard change) ทุกวัน 
6. Bygdøy Peninsula
คาบสมุทรที่รวบรวมพิพิธภัณฑ์ชื่อดัง เช่น Fram Museum, Kon‑Tiki Museum, Norsk Folkemuseum โดยสามารถปั่นจักรยานหรือนั่งเรือเที่ยวได้ 
7. Holmenkollen Ski Museum & Jump
พิพิธภัณฑ์สกีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกพร้อมจุดชมเมืองบนยอดกระโดดสูง (ski jump tower) วิวจากมุมสูงสวยงามมาก  
8. Nobel Peace Center
พิพิธภัณฑ์สันติภาพซึ่งจัดแสดงเรื่องราวของรางวัลโนเบล ภายในอาคารสถานีรถไฟเก่าที่อยู่ติดกับ City Hall และท่าเรือ  
9. Tjuvholmen Sculpture Park และ Astrup Fearnley Museum
สวนประติมากรรมร่วมสมัยโดยศิลปินระดับโลก ตั้งอยู่ใกล้ Aker Brygge มีวิวฟยอร์ดและพิพิธภัณฑ์ศิลป์ร่วมอยู่ในย่านเดียวกัน 
10. เดินเล่นหรือล่องเรือใน Oslofjord / Island‑Hopping
ลองขึ้นเรือเที่ยว หมู่เกาะในฟยอร์ด หรือขี่จักรยานรอบบริเวณนี้ กิจกรรมกลางแจ้งที่เชื่อมธรรมชาติกับเมืองได้อย่างลงตัว  
เริ่ม EP#1 ด้วย สวนหินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
Vigeland Sculpture Park/Forgner Park
  • Vigeland Sculpture Park (Frogner Park) EP#1
สวนหิน Vigeland Sculpture Park ใน Frogner Park กรุงออสโล คือผลงานศิลปะกลางแจ้งที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้ง รวบรวมผลงานของ Gustav Vigeland กว่า 200 ชิ้น ทั้งประติมากรรมหินแกรนิต บรอนซ์ และเหล็กขึ้นรูป ภายใต้แนวคิดการสำรวจชีวิตและความสัมพันธ์ผ่านร่างมนุษย์ในทุกช่วงวัย
สวนประติมากรรมหรือเรียกง่าย ๆ ว่าสวนหินแห่งนี้ เป็นสวนหินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นภาพสะท้อนของความตั้งใจ ความศรัทธา และความลึกซึ้งในชีวิตมนุษย์ ผ่านผลงานศิลปะของ Gustav Vigeland ซึ่งใช้เวลากว่า 20 ปีในการสร้างสรรค์งานกว่า 200 ชิ้น โดยไม่มีผู้ช่วยหลักหรือศิลปินร่วมงานคนใด งานของเขาจึงเปรียบได้กับการเดินทางแห่งชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้สึก และการมองโลกออกมาเป็นรูปธรรมด้วยมือของตนเอง
ในแง่ของการท่องเที่ยว สวนแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่สำคัญอันดับต้นๆ ของออสโล และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ในแต่ละปีมีผู้มาเยือนระหว่าง 1-2 ล้านคน ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและกิจกรรมพิเศษ
รูปปั้นในอริยาบทต่าง ๆ
โดยในช่วงฤดูร้อนซึ่งมีแสงแดดยาวนานและอากาศอบอุ่น สวนจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนทั้งจากนอร์เวย์และต่างประเทศ บ้างมาเดินเล่น ถ่ายภาพ บ้างมานั่งสมาธิใต้ต้นไม้ ออกกำลังกาย ปิกนิค หรือแม้แต่ใช้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงศิลปะของนักเรียนและนักศึกษา สำหรับป้าดาว ที่นี้ถือเป็นที่ยอดนิยมของตัวเอง บางครั้งจะมาแต่เช้า ดูดวงอาทิตย์ขึ้น นำกาแฟ/ชามาดื่มในช่วงฤดูหนาว มาดูดอกไม้ในช่วงหน้าร้อน หรือแม้แต่บางครั้งที่นี้เป็นที่ผ่อนคลายจิตใจได้อย่างดีเยี่ยม
ความน่าสนใจของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มก็มีความหลากหลาย บางคนหลงใหลในรายละเอียดของงานศิลปะ เช่นรูปปั้นเด็กน้อยที่ร้องไห้หรือแสดงความโมโห ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของสวน บางคนชอบการเดินชมประติมากรรมตามเส้นทางสะพานและน้ำพุเพื่อรับรู้เรื่องราวของชีวิตผ่านภาพจำลองของร่างมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย ทั้งความรัก ความขัดแย้ง ความแก่ชรา ความสูญเสีย และการเกิดใหม่
The Monolith แท่งหินแกรนิต
นักท่องเที่ยวเชิงปรัชญาหรือผู้ที่ชอบการตีความจะหยุดมองงานอย่าง The Monolith ซึ่งเป็นแท่งหินแกรนิตสูงกว่า 17 เมตร ที่มีมนุษย์นับร้อยปีนป่ายขึ้นไปสู่ยอด แท่งนี้ไม่ได้เป็นแค่รูปปั้นสูงสง่า แต่คือการแสดงออกถึงการแสวงหาความหมายในชีวิต การเติบโตทางจิตวิญญาณ หรือแม้แต่ความพยายามของมนุษย์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุดของชีวิต
นอกจากงานศิลปะแล้ว Frogner Park ยังเคยเป็นเวทีของประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่นในปี 1914 ที่จัดนิทรรศการฉลองครบรอบ 100 ปีรัฐธรรมนูญนอร์เวย์ มีผู้เข้าชมนับล้านคนภายในไม่กี่เดือน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ใหญ่ของประเทศและเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้สวนนี้เป็นพื้นที่สาธารณะเชิงวัฒนธรรมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวเมืองออสโลหลายรุ่นจึงเติบโตมาพร้อมกับสวนแห่งนี้ในชีวิตประจำวัน เป็นทั้งที่พักผ่อน พื้นที่สร้างแรงบันดาลใจ และแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว
สิ่งที่ทำให้สวนแห่งนี้เป็นมากกว่าสวนทั่วไปคือการที่มันเปิดให้เข้าฟรีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยไม่มีรั้วกั้น ไม่มีข้อห้ามที่ตายตัว นี่คือการแสดงออกเชิงปรัชญาว่าศิลปะควรเป็นของทุกคน ไม่ว่าจะรวยหรือจน วัยใด เชื้อชาติใด ทุกคนมีสิทธิ์เดินท่ามกลางประติมากรรมที่มีพลังเหล่านี้เท่าเทียมกัน
ภาพบรรยากาศ บางช่วงเวลานักท่องเที่ยวจะเยอะมาก
หากมองในภาพกว้าง สวน Vigeland คือการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ ศิลปะ ปรัชญา และชีวิตจริง นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่จึงไม่ได้แค่เดินผ่านงานศิลป์ พวกเขากำลังเดินผ่านคำถามสำคัญในชีวิต กำลังค้นหาความหมายของความรัก การเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือแม้แต่ความเป็นมนุษย์เองในเชิงลึก เมื่อมองด้วยใจที่เปิดกว้าง ทุกคนต่างจะได้แรงบันดาลใจบางอย่างติดตัวกลับไปจากสวนแห่งนี้เสมอ แม้จะเป็นเพียงคำถามสั้นๆ หรือความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้
นักท่องเที่ยวรอถ่ายภาพกับ The Angry Boy
รูปปั้น The Angry Boy หรือในภาษานอร์เวย์เรียกว่า Sinnataggen คือหนึ่งในผลงานที่โด่งดังที่สุดของ Gustav Vigeland และถือเป็นสัญลักษณ์ประจำสวนประติมากรรม Vigeland ที่ตั้งอยู่ภายใน Frogner Park ในกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ แม้จะเป็นเพียงรูปปั้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 1 เมตรเท่านั้น แต่กลับดึงดูดสายตาและหัวใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้อย่างล้นหลาม
รูปปั้นนี้เป็นเด็กชายตัวเปลือย ที่กำลังยกเท้าขวาเหมือนจะกระทืบพื้น แขนทั้งสองข้างกำแน่น ใบหน้าแสดงออกถึงอารมณ์โกรธเกรี้ยวอย่างชัดเจน ถือเป็นผลงานที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ดิบของมนุษย์ออกมาได้อย่างทรงพลังและมีชีวิตชีวา
รูปปั้นต่างๆ
The Angry Boy ช่วงฤดูหนาว
จุดเด่นและความน่าสนใจ🇧🇻✨✨
The Angry Boy กลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย เพราะมันสื่อถึงความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์อย่าง “ความโกรธ” ที่ใคร ๆ ก็เคยสัมผัส โดยเฉพาะในวัยเด็ก รูปปั้นนี้จึงทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับความทรงจำในอดีต หรือแม้แต่แอบอมยิ้มกับพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในเด็กตัวน้อย ๆ นอกจากนี้ ตัวรูปปั้นยังตั้งอยู่บริเวณ “สะพานประติมากรรม” ซึ่งเป็นจุดเชื่อมระหว่างฝั่งหนึ่งของสวนกับอีกฝั่ง ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านมักหยุดถ่ายรูป ลูบคลำ หรือสัมผัส เพื่อความโชคดี
แม้ The Angry Boy จะเป็นที่รักของผู้คน แต่ก็เคยถูกทำร้ายอย่างจริงจังมาแล้ว โดยในเดือนเมษายน ปี 2021 ได้มีผู้ไม่หวังดีพยายาม “ตัดข้อเท้าซ้าย” ของรูปปั้นออก ซึ่งทำให้ต้องถูกรื้อถอนชั่วคราวเพื่อนำไปซ่อมแซมและอนุรักษ์ ก่อนจะนำกลับมาติดตั้งใหม่ในภายหลัง เหตุการณ์นี้ถือเป็นคดีวางเพลิงทำลายสมบัติทางวัฒนธรรม และได้รับความสนใจจากสื่อทั่วประเทศนอร์เวย์
นอกจากนี้ แม้จะไม่ได้เสียหายจากการถูกทำลายโดยเจตนาเสมอไป แต่การที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาสัมผัสโดยเฉพาะที่มือซ้ายของรูปปั้น ก็ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดความเงาวับผิดปกติจากการลูบซ้ำ ๆ เป็นเวลาหลายสิบปี เจ้าหน้าที่จึงต้องทำการเคลือบแว็กซ์เพื่อรักษาสภาพของรูปปั้น และติดป้ายขอความร่วมมือไม่ให้สัมผัส
บทสรุปของ The Angry Boy
The Angry Boy ไม่ใช่เพียงงานศิลป์ แต่เป็น “จุดเชื่อมโยง” ระหว่างคนกับความรู้สึกภายในของตนเอง เป็นตัวแทนของความไร้เดียงสาและอารมณ์อันบริสุทธิ์ที่เราทุกคนเคยสัมผัสในวัยเด็ก แม้จะเคยถูกทำร้ายและต้องการการดูแลรักษา แต่เขายังคงยืนหยัดในสวนอย่างภาคภูมิ พร้อมจะสร้างรอยยิ้ม ความประทับใจ และแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มาเยือนอย่างไม่มีวันหมดสิ้น
สวนประติมากรรมแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่จุดเช็กอินในรูปถ่าย แต่มันคือบทสนทนาระหว่างมนุษย์กับความเป็นมนุษย์ เป็นสถานที่ที่เงียบงันแต่วาจากึกก้อง เป็นภาพนิ่งที่ขยับจิตใจ เป็นพื้นที่ที่อดีต ปัจจุบัน และความใฝ่ฝันบรรจบกันอย่างลึกซึ้งและทรงพลัง
📍 Tips สำหรับการเยี่ยมชม
• จัดเวลาเดินอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง เพื่อแวะชมแต่ละจุดสำคัญอย่างลึกซึ้ง
• ถ่ายภาพโปสการ์ดตัว “The Angry Boy” ซึ่งเป็นที่นิยม และเป็นเอกลักษณ์ของสวนนี้
• เดินชมสวนสวย – มีสวนดอกกุหลาบกว่า 14,000 ต้นจาก 150 สายพันธุ์ และต้นไม้โบราณหลายร้อยปีให้เสริมบรรยากาศการเดินชิลล์
• ถ้าอยากลึกรู้จัก Vigeland มากขึ้น แวะชม Vigeland Museum ซึ่งเป็นสตูดิโอและหอจัดแสดงผลงานต้นแบบของเขา รวมถึงสิ่งของส่วนตัว
นี่คือคำแนะนำการเดินทางจาก สถานีรถไฟ Oslo Central Station (Oslo S หรือ Jernbanetorget) ไปยังสวนประติมากรรม Vigeland ใน Frogner Park อย่างละเอียดที่ง่ายตามแบบนักท่องเที่ยว
ทางเลือกที่แนะนำในการเดินทาง
🚇 ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน (Metro) สาย 1,2,3 และ 4 มุ่งหน้าไปทาง Majorstuen แล้วเดินประมาณ 13 นาที (~950–1000 เมตร) ไปยัง Vigeland Sculpture Park ราคาตั๋วประมาณ 50 โครน และบริการทุก 10–15 นาที 
🚋 รถราง (Tram) สาย 12 ออกจาก Jernbanetorget แล้วเดินไปขึ้น Tram สาย 12 ลงที่สถานี Vigelandsparken ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูเข้าหลักของ Vigeland Park จากนั้นเดินอีกประมาณ 6–10 นาที (~438–750 เมตร) ถึงสวนโดยตรง รถรางมาถึงทุก ๆ 10 นาที ราคาตั๋วหนึ่งเที่ยวประมาณ 50 โครน 
🚌 รถบัสสาย 31 หรือ 20 ขึ้นจาก Jernbanetorget หรือ Wessels plass ลงที่ป้าย Thune หรือ Frogner kirke
เดินประมาณ 10–12 นาที ถึงสวน บริการบ่อยทุก 5–10 นาที ราคาค่าใช้จ่ายในการเดินทางราคาเดียวกัน สามารถใช้รถโดยสารได้ทุกประเภท
🚶 เดินเท้า ระยะทางตรงประมาณ 3.7–3.9 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45–50 นาที ขึ้นกับความเร็วเดิน ป้าดาวเดินประจำ เราจะเห็นบรรยากาศและอาคารที่สวยงาม ตามด้วยสถานที่สำคัญมีสถานทูตหลายแห่ง ถ้าคุณเดินทางในหน้าร้อน ก็จะเห็นความสวยงาม ดอกไม้ ชื่นชมบรรยากาศไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึง
🚕 แท็กซี่
• ภายในเวลาเพียง 7 นาที โดยประมาณ
• ค่าโดยสารอยู่ระหว่าง 190–230 โครน แล้วแต่สภาพการจราจร 
ถ้าท่านใดแวะมาเที่ยวนอร์เวย์ เมืองออสโล ก็น่าสนใจที่ควรแวะมาเดินเล่น เที่ยว กิน ได้อย่างดี ป้าดาวจะทำรายละเอียดร้านอาหารให้ดูเร็ว ๆ นี้ นะคะ ขอทำสถานที่ให้ครบ 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในออสโล และทุกสถานที่ทั้งหมด ป้าดาวไปมาทุกที่และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว🥰❤️❤️
ขอกำลังใจจากทุกท่านที่เข้ามาติดตาม หากน่าสนใจฝากกดไลดกดแชร์ให้ป้าดาวด้วยนะคะ
โดย ป้าดาวนอร์เวย์
#ป้าดาวนอร์เวย์ #visitoslo #ท่องเที่ยว #lifeinnorway
โฆษณา