27 ก.ค. เวลา 10:48 • หนังสือ

วิธีจัดการเวลาเพื่อการเรียนที่มีประสิทธิภาพ

ในยุคที่ทุกอย่างเดินไปอย่างรวดเร็ว นักเรียนและนักศึกษาหลายคนมักประสบปัญหากับการจัดการเวลา บางคนมีเวลาเพียงพอแต่ไม่สามารถใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ บางคนเรียนจนดึกดื่นแต่ผลลัพธ์กลับไม่ดีเท่าที่ควร บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจและเรียนรู้วิธีจัดการเวลา เพื่อให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังมีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ
1. ทำความเข้าใจกับคุณค่าของเวลา
เวลามีค่าเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน แต่สิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์แตกต่างคือ วิธีการใช้เวลา ถ้าคุณเรียนแบบไม่มีแผน อาจเสียเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่ได้อะไรกลับมา ในขณะที่บางคนเรียนเพียง 2-3 ชั่วโมงต่อวัน แต่ได้ผลลัพธ์ดีกว่า เพราะพวกเขาใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
ลองถามตัวเองว่า แต่ละชั่วโมงในหนึ่งวัน คุณใช้ทำอะไรบ้าง? แล้วจดบันทึกไว้สัก 1 สัปดาห์ คุณจะเห็นว่าเวลาส่วนหนึ่งหายไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น การเล่นโทรศัพท์ หรือการนั่งเลื่อนโซเชียลมีเดียโดยไม่มีจุดหมาย
2. จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ
การเรียนหลายวิชาพร้อมกันอาจทำให้สับสนและรู้สึกว่าทำไม่ทัน วิธีแก้คือ จัดลำดับความสำคัญ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก
1. สำคัญและด่วน – งานหรือบทเรียนที่ใกล้สอบหรือต้องส่งภายในไม่กี่วัน
2. สำคัญแต่ไม่ด่วน – เนื้อหาที่ควรค่อย ๆ ทบทวนเพื่อสร้างความเข้าใจลึกซึ้ง
3. ไม่สำคัญและไม่ด่วน – สิ่งที่ทำได้ในเวลาว่างหรือไม่ทำก็ได้
เมื่อจัดลำดับแบบนี้ คุณจะโฟกัสสิ่งที่สำคัญจริง ๆ และไม่รู้สึกกดดันจนเกินไป
3. วางตารางเวลาอย่างเหมาะสม
หลังจากรู้ลำดับความสำคัญแล้ว ให้สร้างตารางเวลาเรียนที่เหมาะกับคุณ
✅ แบ่งเวลาเรียนเป็นช่วงสั้น ๆ เช่น 40-50 นาทีต่อครั้ง แล้วพัก 10 นาที
✅ ไม่ควรเรียนวิชาเดียวติดต่อกันนานเกิน 2 ชั่วโมง เพราะสมองจะล้าและจำได้ไม่ดี
✅ กำหนดเวลาเรียนในช่วงที่สมองปลอดโปร่งที่สุด เช่น ตอนเช้าหรือหลังตื่นนอน
ตัวอย่างตารางเรียนสำหรับนักเรียนมัธยม/มหาวิทยาลัย:
• 08:00 - 08:50 : ทบทวนคณิตศาสตร์
• 09:00 - 09:50 : อ่านชีววิทยา
• 10:00 - 10:30 : พักผ่อนหรือออกกำลังกายเล็กน้อย
• 10:30 - 11:30 : ทำแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ
4. ลดสิ่งรบกวนสมาธิ
หนึ่งในปัญหาหลักของการจัดการเวลาเรียนคือ สิ่งรบกวน เช่น โทรศัพท์ เสียงรบกวน หรือแม้แต่ความคิดที่ฟุ้งซ่าน
• ปิดการแจ้งเตือนโทรศัพท์ หรือใช้โหมด ห้ามรบกวน (Do Not Disturb)
• เลือกมุมที่เงียบสงบในการเรียน
• ถ้าคิดฟุ้งซ่านบ่อย ลองหายใจลึก ๆ 1-2 นาทีหรือจดสิ่งที่คิดลงกระดาษแล้วค่อยกลับมาโฟกัส
5. ใช้เทคนิค “Time Blocking”
เทคนิคนี้คือการ จองเวลาเฉพาะสำหรับแต่ละกิจกรรม เช่น
• 1 ชั่วโมงสำหรับการอ่านทบทวน
• 30 นาทีสำหรับการทำแบบฝึกหัด
• 20 นาทีสำหรับการพักสมอง
เมื่อถึงเวลาที่กำหนดแล้วให้ทำตามนั้นโดยเคร่งครัด วิธีนี้ช่วยให้คุณไม่เผลอใช้เวลายืดเยื้อเกินจำเป็น
6. อย่าลืมให้เวลาพักผ่อนและดูแลตัวเอง
การจัดการเวลาที่ดีไม่ใช่การเรียนตลอดทั้งวัน แต่ต้องมีเวลาพักเพื่อให้สมองได้ฟื้นตัว
• พักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
• กินอาหารครบ 5 หมู่และดื่มน้ำเพียงพอ
• ออกกำลังกายหรือยืดเส้นยืดสายวันละ 10-20 นาที
เมื่อร่างกายสดชื่น สมองจะทำงานได้ดีและเรียนรู้ได้เร็วกว่า
7. ประเมินและปรับปรุงตารางเวลา
หลังจากใช้ตารางเรียนไปสัก 1 สัปดาห์ ให้ลองประเมินว่า ตารางนั้นเหมาะกับคุณหรือไม่
• ถ้ามีบางช่วงที่เรียนแล้วไม่เข้าใจ อาจต้องปรับให้เรียนช่วงที่สมองตื่นตัวมากกว่า
• ถ้ารู้สึกเหนื่อยล้าบ่อย อาจต้องเพิ่มเวลาพักหรือเปลี่ยนวิธีการเรียนให้น่าสนใจขึ้น
สรุป
การจัดการเวลาเพื่อการเรียนที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่การเรียนทั้งวันทั้งคืน แต่คือการใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีคุณค่า เรียนอย่างตั้งใจในเวลาที่กำหนด และพักผ่อนอย่างเพียงพอ หากคุณสามารถวางแผนและปรับตารางเรียนให้เหมาะกับตัวเองได้ ผลลัพธ์ในการเรียนจะค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างแน่นอน
โฆษณา