21 ก.ย. เวลา 15:15 • การศึกษา

มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา

มีวิธีที่ใช้ในการตรวจหาอายุ และความเก่าแก่ของอินทรียวัตถุ ด้วยการตรวจหาความเสื่อมของธาตุคาร์บอนที่อยู่ในสิ่งนั้นๆ วิธีที่กล่าวถึงนี้เรียกว่า radiocarbon dating คือ การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี โดยได้จากการวัดการสลายตัวของธาตุคาร์บอน เพราะอินทรียวัตถุทั้งหมดในโลก มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ในการใช้ความเสื่อมของธาตุมาทำประโยชน์ หากต้องการจะสังเกตกระบวนการการแก่ และเสื่อมสลายของอวัยวะต่างๆทั้งในคนและสัตว์ ต้องทำการสังเกตดูกันในระดับเซลล์จึงจะเห็นชัด ในด้านวิทยาการ เช่น ศิลปะ วัฒนธรรม ภาษา ความรู้ในด้านต่างๆ ก็สามารถเสื่อมลง จากการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
บางอย่างก็พัฒนาขึ้นบางอย่างก็เสื่อมลง บางอย่างก็ล้มหายตายจากเพราะขาดผู้สืบทอด ไม่มีอะไรอยู่คงเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดกาล สิ่งที่กล่าวถึงข้างต้น ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความเสื่อม
ในทุกๆขณะที่ผันผ่าน เราเองก็กำลังเสื่อมสลายลงไปในระดับโมเลกุล เราแก่มาตั้งแต่เกิดไม่ใช่อายุมากจึงแก่ ไม่งั้นเราจะโตไม่ได้ แต่ที่ไม่อาจสังเกตเห็นความแก่ เพราะมีเซลล์เกิดขึ้นทดแทนอยู่ตลอดเวลา แต่เซลล์ที่เกิดขึ้นทดแทนนั้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยคือ ขาโครโมโซมจะสั้นลงทุกๆครั้งที่แบ่งตัวใหม่ และสิ่งนี้คือคำอธิบายความแก่ของเซลล์
เมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นเรื่อยๆ ความแตกต่างของโครโมโซมจากเซลล์ออริจินอล เริ่มมีมากขึ้นทุกที จนเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ตัวเราในปัจจุบันหน้าตาแตกต่างจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วอย่างชัดเจน
ยิ่งเวลาผ่านไปมากหน้าตายิ่งเปลี่ยนแปลงไป สังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น จึงเห็นความเสื่อมชัดเจน แต่เพราะไม่รู้ถึง “ความแก่แบบปิดบัง” นี้ ผู้คนจึงคิดว่าคนเราแก่ เมื่ออายุเลยวัยกลางคนไปแล้ว จากผิวหนังเหี่ยวย่น ผมหงอกขาว ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต แม้แต่ดวงดาว ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ในจักรวาลนี้ และจักรวาลอื่นๆ มีความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา และจะถึงการแตกดับในที่สุด สิ่งของต่อให้อยู่เฉยๆโดยไม่ได้ใช้งาน หรือทำอะไรเลย ก็เสื่อมได้เองโดยธรรมชาติ ซึ่งจะแสดงออกมาในรูปแบบของ “ความเก่า”
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้ความเสื่อม เป็นไปได้มากหรือน้อยไม่เท่ากันด้วย เฉพาะสภาวะแวดล้อมเพียงอย่างเดียว ก็สามารถเป็นปัจจัยในการทำให้เสื่อมเร็วหรือช้าได้แล้ว เราแค่มองเห็นความเปลี่ยนแปลงด้วยตาเปล่าไม่ชัด เพราะต้องอาศัยเวลานานเป็นเดือนเป็นปี หรือเป็นสิบๆปีกว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน จึงอาจทำให้หลงเข้าใจผิดคิดว่าไม่ได้เสื่อม มีความคงทนถาวร
แต่ความถาวรอย่างแท้จริงก็คือ “อนิจจัง” ความไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา
ในทางพุทธศาสนา การมีกิเลสหนาหนักเกาะอยู่ในจิตใจนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเสื่อมถอยของธรรม ครูบาอาจารย์กล่าวว่า จิตเดิมแท้สว่างไสวประภัสสร แต่ถูกทำให้ขุ่นมัวด้วยกิเลสที่จรเข้ามา เพราะกำลังของศีล สมาธิ ปัญญาเสื่อมถอย จึงทำให้กิเลสมีอำนาจเหนือกว่า หากเทียบกิเลสเป็นเหมือนสนิมของใจ เป็นอนุมูลอิสระที่มาเกาะแล้วทำให้จิตใจตกต่ำลง มีความทุกข์ มีความเสื่อมถอยเกิดขึ้น
เสื่อมถอยในที่นี้คือ เกิดอกุศลเป็นที่มาของการลงอบายทางใจ หากอยากเจริญในธรรม ก็ต้องหมั่นขัดเกลาสนิมออกจากหัวใจ คือขัดเกลากิเลส อันเป็นที่มาแห่งความทุกข์ เราหนีความเสื่อมไม่พ้นเพราะเป็นอนิจจัง แต่เจริญสติเพื่อรู้เท่าทันความเสื่อมได้ เรารู้ทุกข์เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์
ในทางโลกเราจะอยู่กับความเสื่อมได้โดยไม่ทุกข์ ด้วยความเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเสื่อมไปเป็นธรรมดา เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ทำใจยอมรับ และควรที่จะให้คุณค่าแก่การส่งต่อความรู้ และสิ่งดีๆทั้งหลายให้คงอยู่สืบไป ส่วนสิ่งที่ไม่ดีก็สมควรเลิกทำเสีย ในการที่เราจะส่งไม้ต่อ ถ่ายทอดสิ่งดีๆให้กับคนรุ่นหลัง ก็ให้วางใจไว้ว่า หากสิ่งดีๆเหล่านี้จะต้องเสื่อมก็ขอให้เสื่อมช้าลง สงวนรักษาอย่างเต็มที่เต็มความสามารถ แล้วก็ปล่อยวาง อุเบกขา หากสิ่งเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนหรือหายไปตลอดกาล
หากมีเหตุปัจจัยให้เสื่อม มันก็เสื่อม หากมีเหตุปัจจัยให้พัฒนาดีขึ้น ก็จะพัฒนาดีขึ้น เราควบคุมปัจจัยความเสื่อมไม่ได้ แต่เราทำอย่างดีที่สุดที่จะส่งต่อสิ่งที่ดีงามให้รุ่นต่อไปได้ แม้กระทั่งศาสนาพุทธ ก็ไม่อาจพ้นจากกฎของไตรลักษณ์ คืออนิจจังนี้ด้วยเช่นกัน แต่ถึงแม้พุทธศาสนาเสื่อมลงไปจากความเชื่อ ความศรัทธา และจากใจของผู้คน แต่ธรรมะยังคงอยู่คู่โลกอย่างเป็นอมตะ
แม้โลกนี้แตกดับก็ยังคงอยู่เป็นอนันตกาล เพียงแต่ความจริงถูกบิดเบือนจนหาเค้าเดิมไม่ได้ หรือถูกลืมเลือนลบหายไปจากความรับรู้ของผู้คน เหมือนกับภาษาที่ตายไปแล้ว ไม่มีคนใช้ ไม่มีใครสามารถอ่านเขียน หรือรู้ความหมายได้ รอวันมีผู้ค้นพบวิธีเขียนอ่าน และการบอกเล่าความหมายใหม่อีกครั้ง คือ การอุบัติของพระพุทธเจ้าองค์ใหม่นั่นเอง แล้วธรรมะและทางดับทุกข์ ก็จะกลับมาอยู่ในความรับรู้ของผู้คน เป็นทางที่จะช่วยให้สัตว์โลกพ้นจากทุกข์ได้อีกครั้ง
เพราะรู้ว่าไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า จงให้คุณค่ากับการส่งต่อ
ศานสติ
กิเลส = Master of disguise = free radical of the mind
Sansati
ฟิสิกส์กับโบราณคดี ตอนที่ 3 การกำหนดอายุหลักฐานทางโบราณคดี
การหาอายุด้วยวิธีคาร์บอน-14
ขอขอบคุณภาพจาก
โฆษณา