Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
REVERILLA
•
ติดตาม
29 ก.ค. เวลา 04:46 • การเมือง
Chiangmai, Thailand
งบมี แต่ทำไมยังขอบริจาค?
คำตอบที่อยู่ลึกกว่าตัวเลข
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีคำถามที่สะเทือนโซเชียลและสะกิดความคิดหลายคน นั่นคือ “ทำไมกระทรวงกลาโหมของไทย ที่มีงบหลายแสนล้านต่อปี ถึงยังต้องเปิดรับบริจาคเวลาเกิดสงคราม?”
คำถามนี้อาจฟังดูเป็นข้อสงสัยของหลายๆคน แต่ก็นับว่าเป็นคำถามที่จริงใจ และสมควรได้รับคำตอบอย่างจริงใจเช่นกัน
และนั่นคือสิ่งที่เพจทหารบกพยายามตอบในโพสต์ล่าสุด
ไม่ได้โกรธ ไม่ได้อธิบายด้วยศัพท์เทคนิคให้ยิ่งห่างคนดู แต่เลือกจะอธิบายด้วยภาษาง่าย ๆ ว่า "ไม่ใช่เพราะงบไม่พอ... แต่เพราะน้ำใจไม่จำกัดงบประมาณ”
ฟังแล้วอบอุ่น แต่ถ้าจะเข้าใจเรื่องนี้ให้ลึกกว่าคำสวย ๆ เราคงต้องลองสำรวจคำว่า “งบประมาณ” ว่าคืออะไร มีข้อจำกัดอย่างไร และทำไมแม้จะมีงบ ก็ยังต้องอาศัยน้ำใจคนไทย
งบมีจริง แต่ระบบราชการคือโลกของขั้นตอน
ลองนึกถึงงบประมาณราชการเหมือนกับ “เงินในตู้นิรภัย” ที่ต้องใช้กุญแจสามดอก ไขพร้อมกันโดยสามคนจากคนละแผนกถึงจะเปิดได้ แล้วก่อนจะเปิด ยังต้องยื่นเรื่อง ทำบันทึก ขออนุมัติ แสดงเหตุผลแนบเอกสาร รอลายเซ็น รออนุมัติซ้ำ รอเบิก รออนุมัติการใช้ รอเช็ค รอโอน...
และเรากำลังพูดถึง ขั้นตอนในภาวะปกติ
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ อย่างเช่น การถูกโจมตีจากกัมพูชาตามแนวชายแดนแบบฉับพลัน ทหารต้องเข้าพื้นที่ทันที ต้องกิน ต้องนอน ต้องรักษาบาดแผล ต้องเคลื่อนพล ต้องตั้งฐาน ต้องใช้เวชภัณฑ์เฉพาะทาง ต้องการของเฉพาะจุด จะมีเวลาไป “ยื่นเรื่องตามระเบียบ” ไหม?
คำตอบคือ: ไม่ทัน
ระบบราชการไทยไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คล่องตัวในยามวิกฤต และแม้จะมีงบจริง แต่การจะดึงเงินออกมาใช้เฉพาะกิจแบบทันทีกลับกลายเป็นเรื่องที่ยากมาก
ดังนั้น ต่อให้กระทรวงกลาโหมมีงบ แต่ไม่ได้แปลว่า “จะใช้เมื่อไรก็ใช้ได้ทันที”
ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่เตรียมงบฉุกเฉินไว้?
นี่ก็เป็นคำถามที่ดี ...แล้วทำไมไม่วางระบบให้เบิกได้ทันทีกว่านี้?
คำตอบอาจอยู่ในคำว่า “โครงสร้างของระบบราชการ” ที่ค่อนข้างเคร่งครัดกับงบฉุกเฉิน เพราะกลัวการรั่วไหล การใช้ผิดวัตถุประสงค์ และความไม่โปร่งใส
ระบบราชการไทยจึงมัก “อั้นไว้ก่อน” โดยไม่อนุญาตให้มีงบก้อนใดที่ใครดึงใช้ได้เองแบบรวดเร็ว เพราะนั่นเท่ากับเปิดช่องให้ใช้เงินภาษีโดยไม่มีการตรวจสอบ
ถ้าจะให้ทำแบบนั้นได้ ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ตั้งกองทุนฉุกเฉินเฉพาะกิจสำหรับ “สงครามที่อาจเกิด” ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะถูกถามจากอีกฝ่ายทันทีว่า
“ทำไมต้องกันงบไว้กับสิ่งที่ยังไม่เกิด?”
และคำถามนี้เอง ที่ทำให้หลายหน่วยงานรวมถึงกลาโหม เลือกที่จะ “ยึดตามระบบ” ไปก่อน จนถึงวันที่เหตุการณ์เกิดขึ้นจริง แล้วจึงใช้กลไก “น้ำใจประชาชน” มาเติมเต็มระหว่างรอระบบเคลื่อนตัว
ในอีกมุมหนึ่ง การบริจาคไม่ได้หมายความว่ารัฐล้มเหลวเสมอไป แต่มันอาจเป็นช่องทางที่มนุษย์ใช้เพื่อสื่อสารความห่วงใยถึงกัน...น้ำใจที่ไม่อยู่ในแผนงบประมาณ
ลองคิดดูว่า คุณมีญาติอยู่แนวหน้า คุณรู้อยู่เต็มอกว่าเขามีอาหาร มีน้ำดื่ม มีอุปกรณ์ครบถ้วนตามงบของกองทัพ แต่คุณจะไม่ส่งเสื้อกันหนาวไปให้เหรอ? จะไม่ส่งของกินที่เขาชอบ? จะไม่ส่งพระเครื่อง? จะไม่แปะกระดาษเขียนคำว่า “ขอให้ปลอดภัยนะลูก” ใส่ไปในกล่องด้วยไหม?
มนุษย์ไม่ได้ใช้เหตุผลเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจ เราใช้ “ความรู้สึก” ประกอบด้วย และการบริจาคให้ทหาร ไม่ได้สะท้อนว่า “รัฐไม่มีอะไรให้” แต่มันสะท้อนว่า “เรายังรู้สึกว่าเขาเป็นลูกหลานของเรา”
ทหาร...คือมนุษย์ ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์
ข้อความจากเพจทหารบกยังบอกอีกว่า “เราไม่เคยห้าม หากประชาชนจะส่งของที่ทหารชอบ” ประโยคนี้ฟังแล้วเหมือนเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมีพลังมาก
1
เพราะมันทำให้ทหารไม่ใช่แค่ “เครื่องมือของรัฐ” หรือ “ตัวแทนฝ่ายความมั่นคง”
แต่มันบอกว่า ทหารก็คือ “คน” คนหนึ่ง เป็นลูกหลาน เป็นผู้ชายที่พ่อแม่ห่วงใย เป็นเด็กที่เคยเล่นซน เป็นผู้ใหญ่ที่อยู่แนวหน้าเพื่อคนที่เขาไม่เคยรู้จักชื่อ
1
การส่งของให้ทหาร จึงไม่ใช่แค่การช่วยเหลือทางกายภาพ แต่เป็นการ “รับรองสถานะความเป็นมนุษย์” ของเขา ผ่านน้ำใจเล็ก ๆ ที่ส่งจากบ้านไกล
1
แต่...ถึงจะเข้าใจ ยังมีอีกเรื่องที่เราควรถาม
แม้จะเข้าใจแล้วว่า “ทำไมต้องขอบริจาค” แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่ควรหยุดตั้งคำถามว่า “แล้วจะทำอย่างไรให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น?”
บางประเทศมี “กองทุนเฉพาะกิจ” สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยสามารถเบิกได้ทันทีโดยมีคณะกรรมการเฉพาะรับรอง และตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างโปร่งใส
บางประเทศใช้ระบบ “งบเงา” หรือ “กองสำรอง” (contingency funds สำหรับกรณีสงครามหรือภัยพิบัติที่เบิกได้ทันทีโดยรัฐมนตรี) ที่ไม่เปิดเผยล่วงหน้า แต่เตรียมไว้เฉพาะสำหรับภัยสงครามหรือเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย
1
คำถามคือ ทำไมประเทศไทยไม่ลองมองไปรอบด้าน และวางแผนแบบนี้บ้าง?
หากเราจะฝากชีวิตของลูกหลานในแนวหน้าไว้กับใคร ควรมีการบริหารจัดการงบที่ทั้งคล่องตัวและโปร่งใส ไม่ใช่เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
สรุป: รัฐมีงบ ประชาชนมีหัวใจ และเราควรพัฒนาทั้งสอง
สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ไม่ควรจบด้วยการด่าทอ หรือหาคนผิด แต่ควรเป็นโอกาสที่จะเข้าใจว่า
ระบบราชการมีข้อจำกัดจริง
น้ำใจคนไทยมีพลังจริง
แต่การพัฒนาโครงสร้างงบประมาณให้เหมาะกับโลกที่เปลี่ยนเร็ว ก็เป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน
เพราะถ้าเราพร้อมทั้ง “ทรัพยากร” และ “หัวใจ”
ลูกหลานของแผ่นดินจะไม่ต้องรบเพียงลำพังอีกต่อไป
#น้ำใจไม่จำกัดงบประมาณ
#ระบบราชการที่พร้อมรับมือวิกฤต
#งบมีแต่ขั้นตอนก็มี
#ทหารคือคนของเรา
#ลูกหลานของแผ่นดิน
เรื่องเล่า
ข่าว
ไลฟ์สไตล์
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย