29 ก.ค. เวลา 05:31 • ความคิดเห็น

3 เหตุผลที่เราไม่ควรย้ายงานบ่อยๆ

ข้อเสียของการเปลี่ยนงานบ่อยๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้กันดี คือมันทำให้เราเป็น job hopper ดูเป็นคนไม่ค่อยมีความอดทน และไม่เคยได้อยู่ที่ไหนนานพอจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งส่งผลให้ไม่เคยได้รับการโปรโมตที่ไหนเลย ได้ปรับตำแหน่งตอนย้ายงานเท่านั้น
ผมมาขอเขียนเพิ่มอีก 3 เหตุผลที่อาจจะยังไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก เพื่อให้เราเห็นภาพชัดขึ้นก่อนตัดสินใจเรื่องสำคัญแบบนี้ครับ
-----
ข้อ 1 เราต้องเริ่มพิสูจน์ตัวเองใหม่
เมื่อเราย้ายไปที่ทำงานใหม่ ต้องทำงานกับหัวหน้าใหม่ กับเพื่อนร่วมงานที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน บางคนอาจจะตั้งคำถามในความสามารถของเรา ยิ่งถ้าเราประสบการณ์น้อยกว่าแต่ต้องมาคุมทีมที่เต็มไปด้วยคนที่อยู่มานานกว่า ก็ยิ่งต้องเหนื่อยกับการพิสูจน์ตัวเอง ต้องทำงานหนักกว่าปกติเพื่อสร้างการยอมรับ
1
การที่ต้องคอยพิสูจน์ตัวเองทุกหนึ่งหรือสองปีจึงไม่ใช่เรื่องสนุก น้องคนหนึ่งที่เคยย้ายงานสองครั้งภายในหนึ่งปีเคยบอกผมว่า ตอนนี้อยากหางานที่ทำแล้วอยู่ได้ยาวๆ ไม่อยากต้องมาเหนื่อยกับการพิสูจน์ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าอีกต่อไป
-----
ข้อ 2 เราไม่มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นพอ
1
ทุกวันนี้คนกลัวว่า AI จะมาแย่งงาน เพราะ AI เริ่มทำงานแทนเด็กจบใหม่ได้แล้ว
เราเองก็น่าจะเริ่มคุยกับ AI มากขึ้นเรื่อยๆ มีอะไรไม่รู้หรือไม่แน่ใจก็ถาม AI ไว้ก่อน จนน่าคิดว่าในอนาคตจะยังมีเรื่องไหนที่คนยังเชื่อตัวเองมากกว่า AI อยู่หรือไม่
สำหรับผม คงจะมีคำถามหนึ่งที่ผมจะเลือกเชื่อตัวเองมากกว่า AI
คำถามนั้นก็คือ "ผมควรจะชวนใครมาทำงานด้วย?"
คำถามนี้ยากเกินกว่าที่ AI จะตอบในหลายมิติ
หนึ่ง เพราะ AI ปัจจุบันเป็น Large Language Model ที่ต้องอ่านข้อมูลมหาศาล ในอินเทอร์เน็ตและในสื่อต่างๆ
แต่ข้อมูลที่ว่าใครเป็นคนทำงานที่เก่งนั้น ไม่ได้ถูกบันทึกอยู่ในสื่อประเภทใด มันถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำของคนที่เคยทำงานด้วย ซึ่งความทรงจำเหล่านี้เป็นสิ่งที่ LLM ยังเข้าไม่ถึง
สอง แน่นอนว่า AI อาจจะเข้าไปอ่านโปรไฟล์ออนไลน์ของคนคนหนึ่งได้ และบอกได้ว่าเขาคนนี้เป็นคนเก่งแค่ไหน แต่การเป็นคนเก่งอย่างเดียวไม่ได้แปลว่าเขาจะทำงานกับเราได้ดี มันยังมีอีกหลายปัจจัยเช่นนิสัยใจคอ ความเชื่อและทัศนคติที่ตรงกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ AI ไม่สามารถตอบแทนเราได้
และสาม เวลาเราเลือกคนไปทำงาน เราไม่ได้เลือกแค่ความเก่งหรือความเข้ากันได้ แต่เราเลือกเพราะว่าเขาเป็นคนที่ "ใช้ได้" ด้วย
ใช้ได้ในความหมายที่ว่าเป็นคนน่ารัก จิตใจดี วางใจได้ ซึ่งของแบบนี้รู้สึกได้ผ่านประสบการณ์ตรงที่ได้ทำงานด้วยกันและได้ใช้ชีวิตนอกเวลางานด้วยกันเท่านั้น
เมื่อเราอายุมากขึ้น ตำแหน่งสูงขึ้น งานดีๆ ไม่อาจได้มาด้วยการร่อนใบสมัครแล้วภาวนาว่าจะมีใครสักคนมาสนใจเรา
1
เมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิต งานที่ดีจะมาจากการแนะนำปากต่อปาก ว่าคนนี้ทำงานโอเค คนนี้เคยล่มหัวจมท้ายมาด้วยกัน มันคือความสัมพันธ์ที่ก่อเกิดเมื่อเราใช้เวลาอยู่กับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือผู้บริหารบางคนได้นานพอเท่านั้น
1
แต่ถ้าเราเปลี่ยนงานทุกปีหรือทุกสองปี โอกาสที่เราจะสร้างความสัมพันธ์และความไว้ใจให้มากพอที่เขาจะคิดถึงเราในอนาคตย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ง่ายนัก
-----
ข้อ 3 คุณค่าทางธุรกิจที่เกิดจากความไว้ใจจะอันตรธานไปเมื่อเราย้ายงาน
เวลาเราไว้ใจกัน อะไรๆ ก็ง่าย แต่พอเราไม่ไว้ใจกัน อะไรๆ ก็ยาก
ผมรู้จักกับหัวหน้าคนปัจจุบันมา 20 ปี เคยทำงานด้วยกันปี 2005-2008 และอีกครั้งตอนปี 2017 ถึงปัจจุบัน
พอรู้จักกันมานาน รู้นิสัยใจคอและสไตล์ ก็ทำให้พอรู้ว่าแต่ละงานเราจะคุยกับเขาอย่างไรให้งานสำเร็จลุล่วง
1
ดังนั้นการมีหัวหน้าที่ไว้ใจเรา และการมีทีมงานที่ไว้ใจกันจึงเป็นลาภอันประเสริฐ
เมื่อไว้ใจ ทุกอย่างก็สามารถพูดคุยและตกลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วในการตัดสินใจและลงมือทำจนเกิดผลลัพธ์นั้นเป็น competitive advantage ที่หลายคนอาจมองข้าม
1
ทีมผู้บริหารที่รู้ใจและเชื่อใจกัน ย่อมทำงานได้รวดเร็วและ productive กว่าทีมผู้บริหารที่ไม่ไว้ใจกันเพราะมัวแต่ใช้เวลาไปกับการถกเถียงและการระวังหลัง
ความไว้ใจซึ่งกันและกันในบริษัทจึงเป็น intangible asset หรือทรัพย์สินทางธุรกิจที่จับต้องไม่ได้แต่มีคุณค่าและมูลค่ามหาศาล
คราวนี้ลองคิดภาพว่า คนที่ไว้ใจกันมากต้องมาลาออกไป คุณค่าทางธุรกิจนั้นก็จะหายวับไปกับตา ต่อให้ได้คนใหม่ที่เก่งไม่น้อยกว่าคนเดิม ก็ยังต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือกระทั่งหลายปีถึงจะสร้างความคุ้นเคยหรือไว้ใจเท่ากับคนก่อนได้
การย้ายงานจึงเป็นการทำลายคุณค่าทางธุรกิจ เพราะความไว้ใจที่เคยทำให้ทุกอย่างมันเร็วกว่านี้มันหายไปแล้วนั่นเอง
-----
แน่นอนว่าในบางสถานการณ์เราก็ควรจะย้ายงานจริงๆ เช่นโครงสร้างองค์กรหรือสภาพธุรกิจไม่เอื้อให้เราโตไปกว่านี้ หรือเจอสภาพการทำงานที่ทำให้ชีวิตพัง (โดยไม่ลืมสำรวจตัวเองว่าเรามีส่วนทำให้มันพังเองด้วยรึเปล่า) ถ้าคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว การย้ายงานก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมก็เป็นได้
แต่ถ้าเราอยู่ในองค์กรที่ดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดีและไว้ใจกัน เราก็ควรจะเอาปัจจัยเหล่านั้นมาร่วมพิจารณาก่อนตัดสินใจครับ
1
โฆษณา