Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ด.ดล Blog
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 15:05 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อชิปตัดสินผลแพ้ชนะในสนามรบ กับสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าสงครามไปตลอดกาล
คุณเคยสงสัยไหมว่า วัตถุชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่า “ชิป” ในสมาร์ทโฟนของเรา มันมีพลังมากพอที่จะกำหนดทิศทางของโลก และชี้ขาดผลแพ้ชนะในสนามรบได้อย่างไร?
เรื่องราวนี้มันคือสมรภูมิที่เกิดขึ้นจริงของการปะทะกันระหว่างมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซีย
ทุกฝ่ายต่างจับจ้องไปที่อนาคตของวงการคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมรภูมิด้านการทหาร ที่ซึ่งเซมิคอนดักเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทในการกำหนดดุลอำนาจของโลก
เพื่อที่จะเข้าใจว่าชิปสำคัญขนาดไหน เราอาจต้องย้อนกลับไปในยุคที่สงครามยังวัดกันด้วย “ปริมาณ” ไม่ใช่ “คุณภาพ”
ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่หนึ่งหรือสอง ชัยชนะมักเป็นของฝ่ายที่มีกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือทรัพยากรมากกว่าเสมอ
ภาพนี้ยังคงชัดเจนมาจนถึงสงครามเวียดนาม ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้กองทัพสหรัฐฯ ต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์ของตนเองครั้งใหญ่
ในตอนนั้น แม้สหรัฐฯ จะมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก แต่ระบบนำวิถีส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่า “หลอดสุญญากาศ” ซึ่งมีขนาดใหญ่และขาดความแม่นยำ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจรของทหารเวียดนามเหนือ อาวุธที่ทรงพลังของอเมริกาก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สหรัฐฯ ทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับการทิ้งระเบิดปูพรม แต่ระเบิดจำนวนมากก็พลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถเอาชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ความพ่ายแพ้ครั้งนั้น กลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ Pentagon ตระหนักว่า ยุคของสงครามที่วัดกันด้วยปริมาณกำลังจะจบลง และยุคใหม่ของ “ความแม่นยำ” กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
จังหวะนั้นเอง การปฏิวัติแห่ง Silicon Valley ก็ได้เริ่มต้นขึ้นพอดี และกลุ่มบริษัทชิปที่เพิ่งตั้งไข่ในแคลิฟอร์เนีย ก็ได้พบกับลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของพวกเขา
Pentagon ต้องการเทคโนโลยีชิปชั้นสูง เพื่อเปลี่ยนอาวุธธรรมดาให้กลายเป็น “อาวุธอัจฉริยะ” ที่สามารถนำวิถีเข้าหาเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
จุดเริ่มต้นของการนำเซมิคอนดักเตอร์มาพลิกโฉมการทหารก็ได้อุบัติขึ้น และมันได้จุดชนวนการแข่งขันครั้งใหม่ที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
เมื่อสหรัฐฯ เดินหน้าพัฒนาอาวุธที่ขับเคลื่อนด้วยชิปอย่างเต็มกำลังในช่วงท้ายของสงครามเย็น มหาอำนาจอีกขั้วหนึ่งอย่างสหภาพโซเวียต ก็เริ่มมองเห็นภัยคุกคามที่น่ากลัวนี้
โซเวียตตระหนักในทันทีว่า หากปล่อยให้สหรัฐฯ ทิ้งห่างด้านเทคโนโลยีไปเรื่อยๆ ดุลอำนาจทางทหารของโลกจะเปลี่ยนไปอย่างถาวร
พวกเขาจึงเริ่มทุ่มเททรัพยากรเพื่อสร้างอุตสาหกรรมชิปของตนเองขึ้นมาบ้าง แต่เส้นทางกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
พูดง่ายๆ ก็คือ โซเวียตเลือกใช้วิธีทางลัด ผ่านการส่งสายลับและหน่วยข่าวกรอง KGB เข้าไปขโมยและลอกเลียนแบบเทคโนโลยีชิปของสหรัฐฯ
แม้พวกเขาจะประสบความสำเร็จในการได้พิมพ์เขียวและตัวอย่างชิปมามากมาย แต่ปัญหาที่แท้จริงก็คือ การสร้างชิปนั้นซับซ้อนกว่าการลอกเลียนแบบพิมพ์เขียว
เพราะหัวใจของอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวชิปเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ “ระบบนิเวศ” หรือ Ecosystem ทั้งหมดที่ใช้ในการผลิต
ระบบนิเวศนี้ประกอบไปด้วยองค์ความรู้ในการออกแบบ, บุคลากรที่เชี่ยวชาญ, วัสดุที่บริสุทธิ์ และที่สำคัญที่สุดคือ “เครื่องมือ” ที่ใช้ในการผลิตชิปขั้นสูง
ซึ่งเครื่องมือที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก ณ เวลานั้น ถูกควบคุมโดยบริษัทในกลุ่มประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ หรือเยอรมนี
นี่คือยุทธศาสตร์ที่เฉียบแหลมของอเมริกา เพราะถึงแม้ในตลาดผู้บริโภค พวกเขาจะเริ่มพ่ายแพ้ให้กับบริษัทจากเอเชีย แต่ในสมรภูมิด้านการทหาร พวกเขากลับควบคุมเทคโนโลยีต้นน้ำไว้อย่างเหนียวแน่น
โซเวียตและกลุ่มพันธมิตรคอมมิวนิสต์ ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือการผลิตขั้นสูงเหล่านี้ได้ ทำให้ชิปที่พวกเขาผลิตขึ้นมามีคุณภาพต่ำและมีต้นทุนสูงกว่าของโลกตะวันตกหลายเท่า
ความพยายามของโซเวียตในการไล่ตามให้ทันจึงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แม้จะทุ่มเงินมหาศาลและใช้หน่วยข่าวกรองที่ดีที่สุด ก็ไม่สามารถถมช่องว่างทางเทคโนโลยีนี้ได้
และแล้ว วันที่โลกจะได้เห็นผลลัพธ์ของการปฏิวัติครั้งนี้ก็มาถึง มันถูกนำมาจัดแสดงให้ประจักษ์แก่สายตาทุกคนในสมรภูมิสงครามอ่าวเปอร์เซีย
คืนวันที่ 17 มกราคม ปี 1991 ฝูงบินทิ้งระเบิดล่องหน F-117 Nighthawk ได้ทะยานขึ้นจากฐานทัพในซาอุดีอาระเบีย โดยมีเป้าหมายคือกรุงแบกแดด
ภารกิจของพวกเขาคือการทำลายศูนย์บัญชาการและระบบสื่อสารของอิรักให้เป็นอัมพาตตั้งแต่ชั่วโมงแรกของสงคราม
ภาพจากกล้องบนเครื่องบินได้บันทึกวินาทีประวัติศาสตร์ เมื่อระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ Paveway พุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำราวกับจับวาง
ระเบิด Paveway นี้ผลิตโดยบริษัท Texas Instruments ซึ่งได้ปรับปรุงมันมาหลายครั้ง โดยการแทนที่วงจรอิเล็กทรอนิกส์เก่าๆ ด้วยชิปที่ทันสมัยกว่าเดิม
ผลลัพธ์ที่ได้คืออาวุธที่มีความแม่นยำสูงมาก ว่ากันว่าเครื่องบินที่ใช้อาวุธนำวิถีเพียงครั้งเดียว สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดธรรมดาถึง 30 เท่า
สงครามอ่าวเปอร์เซียจึงเป็นการทดสอบครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกของการปฏิวัติทางทหารด้วยซิลิกอน มันแสดงให้เห็นถึงพลังของความแม่นยำที่มากกว่าในสงครามเวียดนามถึง 6 เท่า
นักวิเคราะห์การทหารคนหนึ่งได้ให้คำนิยามเหตุการณ์นี้ไว้อย่างคมคายว่า “มันคือชัยชนะของซิลิกอน เหนือเหล็กกล้า” (It was a victory of silicon over steel)
ภาพของอาวุธอัจฉริยะที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก และได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังมอสโคว ว่าเกมการแข่งขันทางทหารได้เปลี่ยนไปแล้ว
ชัยชนะอันง่ายดายในสงครามอ่าวเปอร์เซีย ไม่เพียงแต่จะปลดปล่อยคูเวต แต่ยังเป็นการประกาศศักดาทางเทคโนโลยีของอเมริกันยุคใหม่
มันคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้รัสเซียรู้ตัวว่า พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับแสนยานุภาพทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้อีกต่อไปในสนามรบแบบดั้งเดิม
มรดกของเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลมาจนถึงความขัดแย้งในยุคปัจจุบันที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ นั่นก็คือสงครามในยูเครน
ภาพที่เราเห็นในยูเครน คือการตอกย้ำทฤษฎี “ซิลิกอนเหนือเหล็กกล้า” ได้อย่างชัดเจนที่สุด
รัสเซีย ซึ่งมีกองทัพขนาดใหญ่และยุทโธปกรณ์จำนวนมหาศาล กลับต้องดิ้นรนอย่างหนักในการต่อสู้กับยูเครน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กกว่ามาก
เหตุผลสำคัญก็คือ ยูเครนได้รับการสนับสนุนอาวุธที่ทันสมัยจากชาติตะวันตก ซึ่งล้วนแต่เป็นผลผลิตจากการปฏิวัติทางทหารด้วยชิปทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Javelin (จาเวลิน) หรือระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS (ไฮมาร์ส) ที่โจมตีเป้าหมายในแนวหลังของรัสเซียได้อย่างแม่นยำ
ในทางกลับกัน รัสเซีย ซึ่งอุตสาหกรรมชิปของตนเองยังคงล้าหลัง ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย จนมีรายงานว่าต้องแกะชิปจากเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ในอาวุธ
เรื่องราวทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมชิปคือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสถานการณ์ในสงครามยุคใหม่ และสมรภูมินี้ก็ไม่ได้จบลงแค่ที่รัสเซีย
เพราะในปัจจุบัน สนามรบได้ย้ายมาสู่การแข่งขันครั้งใหม่ที่ใหญ่และซับซ้อนกว่าเดิม นั่นคือ “สงครามชิป” หรือ Chip War ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
จีนมองเห็นบทเรียนจากความล้มเหลวของโซเวียต และตระหนักดีว่าการจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกได้อย่างแท้จริง พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์ให้ได้
รัฐบาลจีนทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับนโยบายอย่าง “Made in China 2025” เพื่อสร้างอุตสาหกรรมชิปของตนเองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
สหรัฐฯ เองก็มองว่าความทะเยอทะยานของจีนคือภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุด จึงใช้มาตรการกีดกันทางการค้าอย่างเข้มข้นเพื่อสกัดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีและเครื่องมือในการผลิตชิปขั้นสูง
โดยเฉพาะเครื่องจักร EUV Lithography จากบริษัท ASML ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเครื่องมือเพียงชนิดเดียวในโลกที่สามารถผลิตชิปที่ทรงพลังที่สุดได้
สงครามชิปครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนภาคต่อของสงครามเย็นแห่งซิลิกอน แต่มีความซับซ้อนและเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจโลกมากกว่าครั้งก่อนอย่างมหาศาล
ท้ายที่สุดแล้ว มันได้แสดงให้เห็นว่าเซมิคอนดักเตอร์ไม่ใช่เป็นแค่ส่วนประกอบในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกต่อไป แต่มันคือทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งยุคสมัย
มันคือหัวใจของนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ คือสมองของแสนยานุภาพทางการทหาร และเป็นตัวกำหนดดุลอำนาจของโลกในศตวรรษที่ 21
และเจ้าวัตถุเล็กๆ ชิ้นนี้ จะยังคงเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของโลกเราต่อไปอีกนานแสนนาน
References : หนังสือ CHIP WAR : The Fight for the World’s Most Critical Technology โดย Chris Miller
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
The original article appeared here
https://www.tharadhol.com/when-chips-determine-victory-on-the-battlefield/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย -->
https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
คลิกเลย -->
https://www.blockdit.com/articles/5cda56f1e5eac0101e278c73
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
Website :
www.tharadhol.com
Blockdit :
www.blockdit.com/tharadhol.blog
Fanpage :
www.facebook.com/tharadhol.blog
Twitter :
www.twitter.com/tharadhol
Instragram :
instragram.com/tharadhol
TikTok :
tiktok.com/@geek.forever
Youtube :
www.youtube.com/c/mrtharadhol
Linkedin :
www.linkedin.com/in/tharadhol
เทคโนโลยี
ความรู้รอบตัว
ข่าวรอบโลก
2 บันทึก
10
1
2
10
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย