30 ก.ค. เวลา 04:21 • ไลฟ์สไตล์
WealthMagik

กองทุนรวมเสียภาษีไหม? เข้าใจง่ายใน 5 นาที

เมื่อพูดถึงการลงทุนใน "กองทุนรวม" หลายคนมองว่าเป็นวิธีที่ง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ และไม่ต้องคอยจับตาตลาดเองตลอดเวลา แต่ทันทีที่เริ่มซื้อกองทุน ก็มีคำถามตามมาทันทีว่า "ลงทุนกองทุนรวม ต้องเสียภาษีไหม?" หรือ "ปันผลจากกองทุนต้องยื่นภาษีหรือเปล่า?" ถ้าคุณกำลังสงสัยอยู่ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องภาษีกับกองทุนรวมแบบง่าย ๆ ภายใน 5 นาที
🚀 กองทุนรวมคืออะไร และมีผลตอบแทนแบบไหนบ้าง?
กองทุนรวม คือการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) รวบรวมเงินของนักลงทุน และนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือทองคำ ตามนโยบายที่กองทุนรวมนั้นๆ กำหนดไว้ โดยมี “ผู้จัดการกองทุน” ที่เป็นมืออาชีพช่วยบริหารจัดการเงินของกองทุน จากนั้นนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนหลัก ๆ ใน 2 รูปแบบ คือ
  • 1.
    กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain): เกิดขึ้นเมื่อเราขายหน่วยลงทุนได้ในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา
  • 2.
    เงินปันผล (Dividend): คือส่วนแบ่งกำไรที่กองทุนจ่ายคืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน
ซึ่งในแง่ภาษี ทั้งสองประเภทนี้มีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
🚀 กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนและปันผล เสียภาษีอย่างไร?
สำหรับกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน
  • กองทุนรวมทั่วไป เช่น เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมผสม และกองทุนรวมตราสารทุนกำไรที่ได้จะได้รับการยกเว้นทางภาษี
  • กองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี หากลงทุนใน RMF (Retirement Mutual Fund) หรือ TESG (Thailand ESG Fund) แล้วถือครองครบตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด กำไรที่ได้จะได้รับการยกเว้นทางภาษีทั้งหมด
สำหรับรายได้จาก เงินปันผล ไม่ว่าจะเป็นกองทุนประเภทไหน หากมีการจ่ายปันผลให้คุณ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% ทันที ตัวอย่างเช่น หากได้รับเงินปันผล 1,000 บาท จะถูกหักภาษี 100 บาท เหลือรับจริง 900 บาท โดยสามารถเลือกได้ ดังนี้
  • ให้ภาษี 10% ที่ถูกหักไปนั้น "จบในตัว" (Final Tax) คือไม่นำไปรวมคำนวณภาษีตอนปลายปีอีก
  • นำไปรวมคำนวณในตอนยื่นภาษีปลายปี กรณีที่คุณอยู่ในฐานภาษีที่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี คุณอาจได้รับเงินภาษีคืนบางส่วนหรือทั้งหมด
🚀 วางแผนลดหย่อนภาษีด้วย RMF และ TESG
เมื่อพูดถึงการวางแผนภาษีกับการลงทุนกองทุนรวม หลายคนคงคุ้นชื่อ RMF และ TESG ซึ่งเป็นกองทุนที่ออกแบบมาให้ใช้ลดหย่อนภาษีได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
✅ RMF (Retirement Mutual Fund)
  • ลดหย่อนภาษี: สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ เช่น กบข. ประกันบำนาญ)
  • เงื่อนไข: ต้องถือครองหน่วยลงทุนไว้ถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม (นับวันชนวัน)
✅ TESG (Thailand ESG Fund)
  • ลดหย่อนภาษี: สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 300,000 * บาท
  • เงื่อนไข: ต้องถือครองหน่วยลงทุนไว้ครบ 5 ปีเต็ม นับตั้งแต่วันที่ซื้อ (นับวันชนวัน)
*สำหรับ Thai ESG ในช่วงปี 2566 ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ในช่วงปี 2567-2569 ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท และ ในช่วงปี 2570-2575 ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
🚀 เลือกกองทุนอย่างไรให้เหมาะกับเป้าหมายและแผนภาษีของคุณ
การเลือกกองทุนให้เหมาะกับเป้าหมาย และเข้าใจเรื่องภาษีเป็นเรื่องสำคัญ
  • ต้องการเงินปันผลสม่ำเสมอ ควรเลือกกองทุนที่มีนโยบาย จ่ายปันผล
  • ต้องการวางแผนภาษีและลดหย่อนภาษี ควรเน้น TESG หรือ RMF ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีชัดเจน
  • ไม่อยากเสียภาษีจากปันผล อาจเลือกกองทุนที่ ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล ซึ่งกองทุนประเภทนี้จะนำกำไรไปลงทุนต่อ ทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนเติบโตขึ้น และคุณจะได้รับกำไรเมื่อขายคืนหน่วยลงทุนเท่านั้น
การลงทุนกองทุนรวมมีโอกาสเสียภาษีในบางกรณี โดยเฉพาะกำไรจากการขายคืน (สำหรับกองทุนทั่วไป) และเงินปันผล แต่คุณสามารถวางแผนได้ เช่น ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีผ่าน TESG หรือ RMF และเลือกรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะลงทุนเพื่ออนาคต หรือเพื่อลดหย่อนภาษี ก็ทำให้เงินของคุณทำงานได้อย่างคุ้มค่าแน่นอน
โฆษณา