เมื่อวาน เวลา 05:14 • ประวัติศาสตร์

เขมรแดงฆ่าคนฉลาดเสียหมด

ในยุคเขมรแดง (Khmer Rouge) ภายใต้การนำของ พล พต (Pol Pot) ที่ปกครองประเทศกัมพูชาระหว่างปี พ.ศ. 2518–2522 (1975–1979) โดยใช้ลัทธิคอมมิวนิสต์แบบสุดโต่งเพื่อสร้าง “สังคมไร้ชนชั้น” และ “อารยธรรมใหม่” ซึ่งนำไปสู่ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) ที่คร่าชีวิตผู้คนประมาณ 1.7 ถึง 2 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดราว 8 ล้านคนในเวลานั้น
1
เขาได้ไอเดียจากเหมา เจ๋อตง (Mao Zedong): โดยเฉพาะ “ปฏิวัติวัฒนธรรม” ของจีน (Cultural Revolution, 1966–1976) ที่มุ่งกำจัด “ศัตรูชนชั้น” และปัญญาชนในจีน ซึ่งพล พตเห็นเป็นแบบอย่างที่ดี เลยเอามาทำบ้าง ด้วยความที่เชื่อว่า คนฉลาดปกครองยาก และความรู้แบบตะวันตก และวิธีคิดวิทยาศาสตร์ เป็นอาวุธของจักรวรรดินิยม
1
ด้วยความเชื่อในลัทธิมาร์กซ์และเลนินอย่างเต็มที่ เขมรแดงมีความเกลียดชังต่อชนชั้นสูง เมืองหลวง คนมีการศึกษา และวัฒนธรรมต่างชาติ เพราะมองว่าเป็นรากเหง้าของความไม่เท่าเทียมและการกดขี่
2
เป้าหมายของพวกเขาคือการ รีเซ็ตประเทศ สู่ “ปีศูนย์” (Year Zero) ที่ทุกคนเริ่มต้นเท่ากัน ไม่มีชนชั้น ไม่มีการศึกษา ไม่มีศาสนา ไม่มีเงินตรา แต่เขมรแดงมีความเชื่อมั่นใน “อารยธรรมขอมโบราณ” อย่างสุดโต่ง และต้องการคืนความยิ่งใหญ่ให้กัมพูชาแบบดั้งเดิม แต่ในรูปแบบใหม่ที่ “บริสุทธิ์” และปราศจากอิทธิพลจากตะวันตก เวียดนาม หรือศาสนา
2
ผู้นำเขมรแดงเชื่อว่า “คนฉลาด” หรือ “ผู้มีการศึกษา” เป็นภัยคุกคามต่ออุดมการณ์ของพวกเขา เพราะอาจ ตั้งคำถามหรือวิพากษ์วิจารณ์ การปกครอง
คนที่ถือว่า “ฉลาด” ไม่ได้หมายถึงแค่ผู้ที่เรียนสูงเท่านั้น แต่รวมถึง:
  • ครู อาจารย์ แพทย์ วิศวกร นักวิชาการ
  • คนพูดภาษาต่างประเทศได้
  • ผู้สวมแว่นตา (เพราะมักเชื่อว่าเป็นคนชอบอ่านหนังสือ)
  • พระสงฆ์ หรือผู้มีบทบาททางศาสนา
  • อดีตข้าราชการ รัฐบาลยุคก่อน
  • แม้แต่ญาติของคนที่ถูกกล่าวหา
1
คนเหล่านี้จึงกลายเป็นเป้าหมายของการกำจัดคนเป็นจำนวนมากดังกล่าว โดยสถานที่ที่ขึ้นชื่อคือ
สถานที่โด่งดังที่สุดคือ:
ทุ่งสังหาร (Killing Fields)
เช่นที่ Choeung Ek ใกล้พนมเปญ ซึ่งมีหลุมศพจำนวนมหาศาล และหลายแห่งยังมี กระโหลก หรือ กระดูกมนุษย์ ปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน
คุกตวลสแลง (Tuol Sleng Prison, S-21)
เป็นโรงเรียนเก่าที่ดัดแปลงเป็นเรือนจำลับ คนที่ถูกส่งไปมักถูกทรมานจนตายหรือถูกนำไปสังหารต่อ
ตอนผมไปทำ due diligence ที่บริษัท startup แห่งหนึ่งกัมพูชาเมื่อหลายสิบปีก่อน ผมได้มีเวลาไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ Tuol Sleng Genocide Museum ที่เล่าถึงเรื่อง killing field นี้เลย เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย และดูน่าหดหู่มากๆ และสงสารคนกัมพูชามาก
1
ภาพดังกล่าวบางส่วนยังคงติดตา และจำได้จนถึงปัจจุบันว่าได้เคยไปดูที่นั่น และผมเองนึกว่า มันจะทำให้คนในประเทศเกลียดสงคราม เกลียดความไม่สงบ เกลียดคอมมิวนิสต์ เกลียดเผด็จการ แต่เปล่าเลย พวกเขายังคงวนเวียนกับสิ่งเดิมๆ มาจนถึงทุกวันนี้ได้ จนผมแอบอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า พวกเขาคิดอะไรอยู่
6
โฆษณา