ทฤษฎีย้อนเวลา มีจริงหรอ? ทำได้จริงหรอ?
บทความเรื่องเวลาที่ไม่เท่ากัน ใครยังไม่ได้อ่านผมอยากให้อ่านก่อนนะครับ
![[Peerapong Ariyakawee] เรื่องเวลาของไอน์สไตน์ที่ไม่มีใครเข้าใจ ผมอธิบายได้แล้วครับ (รวมถึงฉาก 3 ชม. = 23 ปี ด้วย)
วันนี้เป็นวันนึงที่ผมค้นพบบางอย่าง ที่ผมก็ไม่รู้นะครับว่ามีใครคิดแบบนี้มาก่อนไหม หรือว่าความคิดของผมจะก่อเกิด](https://t1.blockdit.com/photos/2025/07/6889c383601e2a9a0074afb1_800x0xcover_CyYm_3dI.jpg)
จากบทความที่แล้ว ด้านบน
ที่ผมพบว่าเวลา มันเกิดคือความถี่ของอะตอม ซึ่งก็หมายความว่าเราอาจจะสามารถควบคุมการสั่นของอะตอมได้ เท่ากับเราสามารถบีบเวลาให้เร็วขึ้นหรือขยายเวลาให้นานขึ้นได้ด้วยการสร้างสภาวะต่างๆ แล้วมันเลยเป็นคำถามต่อมา แล้วถ้าเราควบคุมเวลาได้ เราย้อนเวลาได้ไหม
ผมเองก็คิดอยู่นานครับ และคำตอบที่ผมได้อาจจะทำให้คุณอาจจะผิดหวัง หรืออาจจะตื่นเต้นกว่าเดิม ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ เพราะในความรู้เดิมของผมพบว่า เราไม่สามารถ “ย้อนเวลา” ได้ครับ …แต่ …. เราอาจจะทำบางสิ่งได้ที่น่าทึ่งได้จากความรู้นี้ครับ
วันนี้ผมจะอธิบายให้คุณฟังในแนวคิดที่ผมพบนะครับว่ามันคืออะไร และอะไรที่คิดว่าเราอาจจะสามารถทำได้ โดยจะแบ่งการย้อนเวลาเป็น 2 แบบครับ คือ 'การย้อนเวลา' (Time Travel) กับ 'การย้อนสภาพ' (State Reversal)"
1. การย้อนเวลา (Time Travel)
การย้อนเวลาในที่นี้ คือการย้อนกลับทั้ง timeline - เหมือนกด rewind ทั้งจักรวาล ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเมื่อวาน ทุกคนจำไม่ได้ว่าเกิดอะไร คุณกลับไปแก้ไขอดีต อาจสร้างความแปรปรวน หรือ timeline ใหม่ แต่ถ้าคิดจากทฤษฎีความถี่ - นี่แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องควบคุมอะตอมทั้งจักรวาลให้ "สั่นย้อนกลับ" พร้อมกัน
2. การย้อนสภาพ (State Reversal)
การย้อนสภาพในที่นี้ คือการ "undo" เฉพาะวัตถุ - เหมือน Ctrl+Z ในคอมพิวเตอร์ ผลไม้เน่ากลับสด เหล็กเป็นสนิมกลับใหม่ ร่างกายแก่กลับหนุ่ม นี่ก็เป็นแนวคิดที่อาจจะเป็นไปได้ในแนวทางนี้ครับ
แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างที่เป็นไปได้บางกรณีเท่านั้นครับ
ผมอธิบายเพิ่มเติมนิดนึงครับว่าอะตอมสั่นถอยหลังคืออะไร ปกติแล้วอนุภาคอะตอมจะมีการเคลื่อนที่และการสั่นตลอดเวลา ซึ่งจะมีทิศทางเดียวในและทิศทางนั้นก็จะมีพลังงานบางอย่างออกมาด้วยและพลังงานนั้นก็จะแลกเปลี่ยนไปกับอากาศหรือสภาพแวดล้อมตามสภาวะปกติของมันตลอดเวลาครับ ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งใดๆ คือเสื่อมตามเวลา เช่น
สภาวะเหล็กที่เกิดสนิมจากการที่เกิดปฏิกิริยาระหว่างความชื้นกับอากาศ ทำให้เหล็กมีการเปลี่ยนสถานะแลกเปลี่ยนพลังงานบางอย่างออกมาแล้วกลายเป็นสนิม แต่เมื่อเกิดปฏิกิริยาย้อนกลับ เหล็กสนิมจะมีการคายพลังงานบางอย่างออกมาย้อนกลับอะตอมและโมเลกุลที่คายออกเป็นดึงเข้าแทน และอาจจะกับสภาพกลายเป็นเหล็กได้ แต่ก็อาจจะไม่สามารถกลับไปเป็นก้อนเหล็กก้อนแบบเดิมได้แล้วอาจจะกลายเป็นผงเหล็กเฉยๆ ครับ
ทีนี้พบลองคิดอีกด้านครับ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ในความเข้าใจของผมว่าอาจจะสามารถทำได้ แต่ก็คงต้องอาศัยเวลาในการทดลองและพิสูจน์ความจริง คือการย้อนกลับของอวัยวะครับ
โดยปกติแล้วอวัยวะของสิ่งมีชีวิต จะอาศัยพลังงานในการดำรงอยู่มีการแลกเปลี่ยนอะตอมหรือสสารอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากอวัยวะถูกตัดออกจากร่างกายเช่น แขนขาด พลังงานที่ทำให้แขนคงสภาพก็จะขาดหายไป ส่งผลให้แขนของเราเริ่มเน่าเสียหายเสื่อมลงเกิดแก๊ส รวมถึงของเหลวต่างๆ ที่ไหลออกจากอวัยวะครับ
ซึ่งถ้าเราสามารถสร้างเครื่องมือที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับได้ ก็อาจจะทำให้การเสื่อมนี้มีปฏิกิริยาย้อนกลับ คือแทนที่แขนที่ขาดนี้จะเปลี่ยนสภาวะแล้วคายสิ่งต่างๆ ออกมาไม่ว่าจะเป็นของเหลวหรือแก๊ส มันจะทำหน้าที่ดูดแทนครับ ซึ่งแปลว่าเราก็จำเป็นต้องมีสารตั้งต้นที่แขนที่เน่าแล้วดูดกลับไปเพื่อคืนสภาพ
โดยความเข้าใจของผมเองแนวคิดนี้มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ครับ มีข้อจำกัดมากมายครับ แต่มีแนวโน้มสูงว่าสามารถทำได้ครับ
ข้อจำกัดสำคัญ :
- ต้องเป็นระบบปิด (อะตอมไม่หนี)
- ต้องมีองค์ประกอบของสสารที่เปลี่ยนไป เป็นเปลี่ยนกลับครบถ้วน
- พลังงานที่ใช้ในการย้อนการสั่นของอะตอม อาจจะใช้มหาศาล
- ความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิต
การย้อนสภาพอาจไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นความเป็นไปได้ที่รอการพิสูจน์ และระหว่างที่ผมเขียนถึงตรงนี้ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามันอาจมีนัยสำคัญ ที่มากกว่าการย้อนสภาพ...
#วิทยาศาสตร์ #ย้อนเวลา #ฟิสิกส์ #เทคโนโลยี #StateReversal
หมายเหตุ :
แนวคิดหลักของคุณเรื่อง "การย้อนสภาพ" นั้น มีเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องอยู่สองเรื่องหลักๆ ครับคือ ทฤษฎีจลน์ของสสาร และทฤษฎีเอนโทรปี ซึ่งผมจะมีมุมมองใหม่อีกมุมที่น่าสนใจและอาจจะย้อนให้นักวิทยาศาสตร์ได้เห็นสิ่งที่น่าเพ่งเล็งอีกมุมได้ครับ ในบทความหน้าครับ
(แก้ไขเพิ่มเติม 31 กรกฎาคม 2025)
พีรพงษ์ อริยะกวี | Peerapong Ariyakawee
30 กรกฎาคม 2025
"...negative energy ซึ่งมีหลักฐานจาก Casimir Effect¹" ¹ดูเพิ่มเติม: [Casimir Effect - Wikipedia] หรือ: Lamoreaux, S.K. (1997). Physical Review Letters, 78(1), 5-8.
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
