เมื่อวาน เวลา 00:01 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สันติภาพชายแดนเดิมพันภาษีไทย | บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ

ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สายตาประชาคมโลกต่างจับจ้องไปที่การเจรจาหยุดยิง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ภายใต้บทบาทประธานอาเซียนของนายกรัฐมนตรี “อันวาร์ อิบราฮิม” การพูดคุยที่ยกระดับสู่ผู้นำระหว่างรักษาการนายกรัฐมนตรี “ภูมิธรรม เวชยชัย” ของไทย และนายกรัฐมนตรี “ฮุน มาเนต” ของกัมพูชา
มีเป้าหมายเร่งด่วนเพื่อยุติการสู้รบและปกป้องชีวิตพลเรือนที่ได้รับผลกระทบ แม้จะมีมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนเสนอตัวเป็นผู้สังเกตการณ์ แต่คำถามใหญ่ที่ยังคงค้างอยู่ในใจคนไทยคือ “สันติภาพชายแดน” จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ เมื่ออดีตได้พิสูจน์แล้วว่าข้อตกลงมักไม่ถูกปฏิบัติตาม
ข้อตกลงจะระบุให้หยุดยิงหลังเที่ยงคืน ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของประเทศไทยที่ยึดมั่นในสัญญา และเสริมภาพลักษณ์ของ “สุภาพบุรุษ” ที่รักษาคำพูด เหตุการณ์เหล่านี้เป็นที่ประจักษ์ต่อสหรัฐฯ และทั่วโลก ทว่า การเป็น “สุภาพบุรุษ” ของไทยนี้ กำลังถูกจับตาในอีกเวทีหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการเผชิญหน้ากับเส้นตายภาษีจากสหรัฐอเมริกาในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่สหรัฐฯ ยื่นคำขาดว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 36% หากไทยไม่สามารถยุติการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้ทันท่วงที
ความหวังของภาคเอกชนไทยจึงอยู่ที่ท่าทีของสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณเปิดทางให้มีการเจรจาภาษีอีกครั้ง การที่ประเทศไทยได้แสดงออกถึงความจริงใจในการปฏิบัติตามกติกาและข้อตกลง โดยเฉพาะในประเด็นความมั่นคงชายแดน จึงถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ผลตอบแทนอันเป็นธรรมในการเจรจาภาษี และพลิกวิกฤติสู่โอกาสในการสร้าง “แต้มต่อ” บนเวทีการค้าโลก
ทั้ง “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ“พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่างมีความหวังว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะให้รางวัลตอบแทนความจริงใจของไทยด้วยการพิจารณาอัตราภาษีที่ต่ำลง
การที่ภาคเอกชนไทยมองว่า สหรัฐฯ ในฐานะหุ้นส่วนสำคัญ จะพิจารณานโยบายภาษี การค้า และการลงทุนกับไทยอย่างเป็นธรรมโปร่งใส และมั่นคง จึงเป็นความหวัง และเชื่อลึกๆว่าการยึดมั่นในสัญญาและกฎกติกายังเป็นการสร้าง ต้นทุนทางความน่าเชื่อถือที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็น “แต้มต่อ” ที่สำคัญของประเทศไทย ในการสร้างพันธมิตรและบทบาทนำบนเวทีการค้าโลกในระยะยาว
ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะพิสูจน์ความ “ความสุจริตใจ” ของทั้งสองฝ่ายในการยึดมั่นหลักกฎหมายระหว่างประเทศและการอยู่ร่วมกันโดยสันติได้จริงหรือไม่
โฆษณา