30 ก.ค. เวลา 15:54 • ความคิดเห็น
ก็คงได้ความรู้เหมือนกับที่ จ่าโอ อดีตทหาร US ฝากถึงรัฐบาลไทย แบบที่พูดแทนคนไทยเลย ประมาณว่า.. https://youtu.be/Sm0v045lXII?si=hqXvUoRU0uUTZd3x
เราไม่ได้อยู่ในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่รัฐบาลไทยยังทำตัวเหมือนต้องส่งโทรเลขผ่านนกพิราบสื่อสาร
ช้า…ช้า...ช้า... แบบวิญญาณพึ่งออกจากร่าง รอให้กัมพูชาแซงซ้าย แซงขวา แล้ววกกลับมาตบหัวเฉย
1
"การเฉื่อยชา" ไม่ได้เป็นแค่นิสัยส่วนบุคคล แต่มันสามารถกลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติได้อย่างกลมกลืน ฝ่ายเขาเดินหมากรุก ฝ่ายเรายังหาคู่ไพ่ป๊อกเด้งอยู่เลย ฝ่ายเขาส่งนักการทูตประสานทั่วโลก ฝ่ายเรานั่งเชื่อมจิต สื่อสารกับจักรวาล รอให้บุญส่งมาเคาะประตู
เราไม่ได้แพ้ในสนามรบ
แต่มักแพ้ตั้งแต่การ “รอให้เขาพูดก่อน”
เพราะทุกครั้งที่กัมพูชาออกมาให้ข่าว บิดเรื่อง หรือปั้น narrative เราก็เอาแต่ “รอ”
รอ..... ให้เขาพูดก่อน แล้วค่อยตั้งโต๊ะแก้ข่าว ค่อยหาข้อมูลมาหักล้าง ค่อยหาคำมาอธิบาย
ซึ่งในโลกยุคนี้ มันไม่ใช่แค่ใครพูดจริง แต่ใครพูดก่อน และ พูดได้ชัดกว่า ต่างหากที่ชนะ
แล้วถามจริงเถอะทำไมเราต้องรอ ทำไมไม่ proactive ตั้งแต่ต้น หรือเราคิดว่า "ความเงียบ" คือกลยุทธ์ใหม่แห่งศตวรรษที่ 21
1
ในขณะที่ชาวต่างชาติเดินชมซากหิน ใส่หมวกปีกกว้าง ถ่ายเซลฟี่กับพื้นที่พิพาท รัฐบาลไทยกำลังนั่งประชุม (แบบไม่แถลง) เพื่อพิจารณาแนวทางการไม่ทำอะไรเลย
กัมพูชาทำงานเร็ว ไม่ใช่เพราะเขาเก่งเวทมนตร์อะไรหรอกครับ แต่เพราะ "เขาทำ" ส่วนเรา "แค่คิด" และบางทีก็ยังไม่คิดด้วยซ้ำ
1
เมื่อประเทศโดนรุกทางการทูต ทางสื่อ ทางภูมิศาสตร์
รัฐบาลไทยเลือกใช้ยุทธศาสตร์ “เงียบเข้าไว้ เดี๋ยวอะไรๆ จะดีเอง” ไม่มีศูนย์ข่าวสาร ไม่มีการให้ข้อมูลต่อสื่อโลก ไม่มี Task Force
มีแต่ silence ที่ดังกว่าระเบิด
เราเป็นบ้าอะไรกันก็ไม่รู้
1
โฆษณา