31 ก.ค. เวลา 10:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

GDP สหรัฐโต 3% จริง… หรือแค่เคลียร์ของในโกดัง ? ระวัง ตัวเลขสวยอาจกำลังหลอกทุกคนทั้งโลก ???

จับพิรุธ! GDP 3% สหรัฐฯ โตจริงหรือหลอก?
คุณรู้จัก 'Poker Face' ไหม? เล่าแบบเข้าใจง่ายๆ มันคือ สีหน้าเรียบเฉยที่ผู้เล่นโป๊กเกอร์ใช้เพื่อซ่อนไพ่ในมือ ไม่ให้คู่ต่อสู้รู้ว่าตัวเองกำลังถือไพ่อะไรอยู่ และบางทีสหรัฐอเมริกาก็กำลังทำแบบนี้กับทุกคนในโลกอยู่ก็ได้
รายงานล่าสุดบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ โตแรงถึง 3% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ฟังดูดีใช่ไหม? เพราะไตรมาสก่อนหน้านี้ยังติดลบอยู่เลย แถมยังโตแบบพุ่งพรวดจนนักเศรษฐศาสตร์ต้องขยี้ตาสามรอบ
🔸 ตัวเลขที่ดูสวยหรูนี้ กำลังหลอกอะไรเราอยู่หรือเปล่า?
ถ้ามองให้ลึกเราจะเห็นว่า การโตขึ้นแบบก้าวกระโดดนี้ ไม่ได้มาจากพื้นฐานที่แข็งแรงอย่างที่เราคิด แต่เป็นเพราะ บริษัทในสหรัฐฯ พากันหยุดนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ แล้วหันมาใช้ของที่ตัวเองสต็อกไว้แทน เพื่อหนีมาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นำมาใช้
เมื่อการนำเข้าสินค้าที่เคยพุ่งสูงในต้นปี กลับลดลงฮวบฮาบกว่า 30% ในไตรมาสถัดมา นี่ไม่ใช่การเติบโตที่แท้จริงจากการค้าขายที่คึกคัก แต่เป็นเหมือนกับการ ‘เคลียร์ของในโกดัง’ จนตัวเลขดูดีขึ้นมาเฉย ๆ
1
🔸 ทีนี้ลองมาคิดกันว่า ถ้าสหรัฐฯ ลดการนำเข้าสินค้าแบบนี้ แล้วไทยที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกจะเป็นอย่างไร?
สำหรับเรามองว่า การลดนำเข้าในไตรมาส 2 นี้ เป็นเพียง ‘การปรับตัวทางยุทธวิธี’ ของภาคธุรกิจ ที่ซื้อของตุนไว้เยอะแล้วในไตรมาสก่อนหน้าเพื่อเลี่ยงภาษี ไม่ได้แปลว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันไม่มีกำลังซื้อ หรือความต้องการสินค้าหายไปโดยสิ้นเชิง
เราอาจได้รับอานิสงส์ของเกมนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะจากข่าวบอกไว้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถึง 70% นั้น กลับมาฟื้นตัวได้ดีในไตรมาส 2 นั่นหมายความว่าความต้องการซื้อยังมีอยู่ เมื่อสินค้าในสต็อกถูกใช้ไปเรื่อย ๆ การนำเข้าก็ย่อมต้องกลับมา และนี่คือโอกาสที่ผู้ส่งออกไทยจะคว้าเอาไว้ได้ โดยเฉพาะหากมีการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานจากนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ
แต่ถ้าเกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุด เมื่อสหรัฐฯ ตัดสินใจ เก็บภาษีนำเข้าจากไทยในอัตรา 36% เหมือนที่เพิ่งประกาศเก็บภาษีจากอินเดียในอัตรา 25% นั่นหมายถึงพายุเฮอริเคนของจริงที่เตรียมพัดทำลายเศรษฐกิจไทยแน่นอน
เพราะไทยจะไม่ใช่แหล่งนำเข้าทางเลือกที่น่าสนใจอีกต่อไป เมื่อราคาที่เพิ่มขึ้น 36% จะทำให้สินค้าของเราแพงเกินกว่าจะแข่งขันกับคู่แข่งที่ไม่โดนภาษี ส่งผลให้การส่งออกของเราไปยังสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง กระทบต่อเนื่องถึงภาคการผลิต การจ้างงาน และรายได้ของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลจะต้องเร่งเปิดการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหาทางออก หรือหามาตรการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นให้ได้
ส่วนเศรษฐกิจจริง ๆ ของสหรัฐฯ นั้น แม้ผู้บริโภคจะยังพอจับจ่ายใช้สอยได้ แต่การลงทุนของภาคธุรกิจกลับชะลอตัวลงชัดเจนกว่าเดิม และที่น่ากังวลที่สุดคือ ‘แกนหลักของเศรษฐกิจ’ หรือตัวเลขที่บอกความต้องการซื้อขายจริง ๆ ในประเทศ กลับอ่อนแอที่สุดในรอบเกือบสองปี มันเหมือนคนป่วยที่ภายนอกดูสดใส แต่ข้างในยังไม่หายดี
🔸 เกมนี้นอกจากทำให้เราหนาว ๆ ร้อน ๆ แล้ว ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ก็ปวดหัวหนักพอกัน เพราะตัวเลข GDP ที่ดูดีเหมือนจะบอกว่า “เศรษฐกิจฉันแข็งแกร่ง ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องลดดอกเบี้ยก็ได้” แต่สัญญาณจากภายในกลับบอกว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง
นี่จึงกลายเป็นการถกเถียงครั้งสำคัญของ Fed ที่ถึงขั้นมีกรรมการบางคนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักในรอบกว่า 30 ปี มันแสดงให้เห็นว่า ขนาดคนในเองก็ยังมองไม่ตรงกัน
สุดท้ายคงเป็นคำถามที่ชวนคุณมาช่วยกันคิดต่อว่า ตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังบอกอะไรเรา? อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องการเติบโต แต่มันคือเรื่องของความซับซ้อน กลยุทธ์ที่ซ่อนอยู่ และอนาคตที่ยังคลุมเครือที่เราทุกคนต้องจับตาดูให้ดียิ่งขึ้น
#BusinessTomorrow #เศรษฐกิจสหรัฐ #กำแพงภาษี #สงครามการค้า #ส่งออกไทย #นโยบายทรัมป์
โฆษณา