31 ก.ค. เวลา 10:59 • ข่าวรอบโลก

ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาในบริบทภูมิรัฐศาสตร์ - Blockdit Originals โดย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร

ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาที่ลุกลามต่อเนื่องจนเกิดการปะทะกันทางทหาร สะท้อนถึงความเปราะบางและความซับซ้อนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ในเชิงภาพลักษณ์จากข่าวในต่างประเทศ หลายคนมองความขัดแย้งไทย-กัมพูชาเป็นเหมือนอีกหนึ่งสงครามตัวแทน (Proxy War) โดยไทยเป็นพันธมิตรทางการทหารของสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียวในอาเซียนภาคพื้นและใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ เช่น เครื่องบิน F16 ส่วนกัมพูชานั้นถูกมองว่าเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับจีนในทางเศรษฐกิจและความมั่นคง
1
แน่นอนว่าในความเป็นจริงย่อมซับซ้อนกว่านั้นมาก จีนเองก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดอย่างมากกับไทย ส่วนฮุน มาเน็ต ผู้นำกัมพูชาเองก็จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสพอยท์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาทางการทหารอันดับ 1 ของสหรัฐฯ และที่ผ่านมา กัมพูชาเองก็มีความพยายามที่จะดึงสหรัฐฯ เข้ามาถ่วงดุลอิทธิพลของจีนในกัมพูชาด้วย
ประธานาธิบดีทรัมป์นั้นชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ความขัดแย้งบานปลายและเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง ส่วนจีนเองก็เรียกร้องให้เกิดสันติภาพโดยเร็วเช่นกัน เพราะจีนก็น่าจะกังวลว่าหากสถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ อาจเป็นการเปิดทางที่จะขยายเป็นสงครามตัวแทนได้จริงๆ จนอาจเปิดโอกาสให้มหาอำนาจอื่น (หมายถึงสหรัฐฯ) เข้ามาแทรกแซงความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งก็จะกระทบกับผลประโยชน์ของจีนในประเด็นทะเลจีนใต้และไต้หวันต่อไปได้
2
ครั้งนี้เรายังเห็นความเชื่อมโยงระหว่างเรื่องการค้ากับความมั่นคง เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ภาษีศุลกากรมาเป็นตัวกดดันให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง ไม่เช่นนั้นทรัมป์จะระงับการเจรจาเรื่องภาษีการค้ากับทั้งสองประเทศ นี่เป็นความพิสดารของเกมการเจรจาในยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ใช้ไพ่หลากหลายทั้งทางเศรษฐกิจและเรื่องอื่นๆ มากดดันเรื่องความมั่นคง ทำให้แต่เดิมเรื่องเหล่านี้ที่ไม่สัมพันธ์กันกลับกลายมาผูกโยงกันหมด
1
อัตราภาษีที่ทรัมป์ขู่ไว้ที่ร้อยละ 36 สำหรับไทย และที่สูงถึงร้อยละ 49 สำหรับกัมพูชา ย่อมจะสร้างผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อเศรษฐกิจภายในของทั้งสองประเทศ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม
ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นความเสี่ยงมหาศาล หากการหยุดยิงสุดท้ายเกิดการยั่วยุจนกลับมาสู้รบหรือขยายความขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง หากส่งผลให้ทรัมป์ไม่พอใจหรือรู้สึกเสียหน้า ทรัมป์ก็อาจประกาศหรือกลับมาลงโทษทั้งสองประเทศด้วยกำแพงภาษีสุดโหดจริงๆ เพื่อทำให้โลกเห็นเป็นตัวอย่างด้วยว่าทรัมป์พร้อมทำจริง หากประเทศคู่เจรจาไม่โอนอ่อนตามเงื่อนไขที่ท่านประธานาธิบดีเรียกร้อง
สุดท้าย ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นเหมือนอาการแสดงของโลกที่ไร้ระเบียบ และโลกที่กลไกองค์การระหว่างประเทศเช่นสหประชาชาติอ่อนแอและลดบทบาทลง แต่ในขณะเดียวกัน โลกก็ไม่ได้ย้อนกลับไปยุคตัวใครตัวมันให้ดีลกันเองแบบทวิภาคีเช่นกัน แม้ว่าฝ่ายไทยจะบอกต้องการให้เรื่องนี้เป็นเรื่องทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชา แต่สุดท้ายอาเซียน และมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ต่างก็เข้ามามีส่วนร่วมและกดดันให้เกิดการเจรจาหยุดยิง
ก่อนหน้านี้ เราไม่เคยคิดว่าความขัดแย้งที่สามารถปะทุขึ้นเป็นสงครามร้อนจะอยู่ใกล้ตัวเพียงนี้ และครั้งนี้ไทยเองก็เห็นชัดเจนถึงความยากและซับซ้อนของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นเกมการชิงความได้เปรียบในข้อมูลข่าวสาร เกมการโทษกันไปมาว่าใครเริ่มก่อน ใครละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และใครปล่อยข่าวเท็จ และที่สำคัญทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าเมื่อไฟความขัดแย้งปะทุขึ้น การจะดับไฟนั้นยากยิ่งนัก จึงไม่แปลกที่จนบัดนี้สมรภูมิตะวันออกกลางหรือสมรภูมิรัสเซีย-ยูเครน ก็ไม่สามารถปิดฉากลงได้ง่ายๆ ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์หวังให้จบ
เพราะความขัดแย้งระหว่างสองชาติ ยังมีปัจจัยการเมืองภายใน ปัจจัยความสูญเสียจากการรบ และปัจจัยชาตินิยมช่วยเติมและโหมเชื้อไฟ ยังโชคดีที่ในกรณีของไทย-กัมพูชานั้น ดูเหมือนมหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างเห็นว่าได้ไม่คุ้มเสียที่จะเกิดจุดร้อนนี้ขึ้น ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงขยายเป็นสงครามตัวแทนของจริง ทำให้ต่างต้องการให้ความขัดแย้งยุติโดยเร็ว
2
สหรัฐฯ อาจเดินเกมโฉ่งฉ่างกดดันผ่านทวีตของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนจีนก็อาจเดินเกมการทูตเงียบเพื่อกดดันทั้งไทยและกัมพูชา ซึ่งจีนบอกว่าเป็นมิตรประเทศที่ดีกับตนทั้งคู่ให้หาทางลงที่สันติระหว่างกันให้สำเร็จ
1
โฆษณา