* Google เองก็ประกาศในปี 2024 ว่าให้ความสำคัญกับ “Self-Driven Problem Solving” มากกว่าชื่อมหาวิทยาลัย เพราะเชื่อว่าโลกของ AI ต้องการคนที่สามารถ “ตั้งคำถามใหม่” มากกว่าคนที่ “ตอบคำถามเก่าได้ดี”【2】
* ในระดับประเทศ สิงคโปร์ ได้เดินหน้า SkillsFuture โดยวาง AI เป็นหัวใจของการจัดการทักษะแห่งชาติ
* รัฐบาลได้ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีและภาคการศึกษา จัดทำ National Skills Passport—คล้ายสมุดพกทักษะดิจิทัล ที่อัปเดตตามแนวโน้มอุตสาหกรรม
* ทุกกระทรวงมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับ SkillsFuture ผ่าน Data Lake กลาง ทำให้สามารถวางแผนนโยบายแรงงานและการศึกษาร่วมกันได้อย่างแม่นยำตาม Demand-Supply ของตลาดในปี 2030【3】
บทเรียนจากกรณีเหล่านี้คือ องค์กรหรือประเทศที่ "ใช้ AI แต่ไม่ยอมเปลี่ยนระบบความคิด" กำลังเตรียมตัวเจอกับภาวะ Kodak Moment แบบใหม่—ล่มสลายโดยที่ไม่รู้ตัว
====
🚨 "ความเสี่ยง” ถ้าคุณไม่ปรับ...อะไรจะเกิดขึ้น?
ระดับบุคคล?
1. ยึดติดกับตำแหน่งงาน = ตกงานก่อน
* เพราะ AI ไม่แคร์ Title หรือยศศักดิ์อีกต่อไป มันไม่สนว่าคุณเป็น “ผู้จัดการ” หรือ “รองผู้อำนวยการ” เพราะสิ่งที่วัดกันจริงคือ Output และ Speed ของการเรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำอีก คนที่ไม่สามารถ “เปลี่ยนบทบาท” ได้เร็ว จะค่อยๆ หลุดออกจากวงจรคุณค่าในองค์กร
2. ไม่กล้าผิด = ไม่กล้าเรียน = ไม่เคยโต
* ความผิดพลาดคือห้องเรียนของโลกยุคใหม่ แต่คนจำนวนมากยังมองความผิดเป็นเรื่องน่าอาย ขณะที่ AI และ Tools ต่างๆ พร้อมให้คุณลองผิดได้ 100 ครั้งโดยไม่มีใครเห็น คนที่ยังกลัวจะไม่กล้าใช้ AI อย่างเต็มที่ และจะกลายเป็น "Digital Illiterate" โดยไม่รู้ตัว