การลงทุน กับ ภาษี >>>
การลงทุนที่เราพบเห็นกันได้บ่อย ๆ คงจะหนีไม่พ้น การลงทุนในหุ้นสามัญ และ การลงทุนในหุ้นกู้ กันใช่มั้ยคะ แล้วทำไม เราถึงได้พบการลงทุน 2 ประเภทนี้บ่อยๆ นั่นก็เพราะว่า การระดมเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในกิจการ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือ บริษัทมหาชน เงินทุน ดังกล่าว จะมาจากสูตร สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน
เท่ากับว่า เงินทุน (เงินสดที่จะใช้ในกิจการ) = หนี้สิน (จัดหาเงินทุนโดยการออกหุ้นกู้) + ทุน (จัดหาเงินทุนโดยการออกหุ้นจำหน่ายหรือออกหุ้นเพิ่มทุน) ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือ อาจจะเป็นทั้ง 2 ทาง เพื่อจัดหาเงินทุนมาใช้ในกิจการ ซึ่งจำนวนเงินลงทุนที่ต้องการจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับ ขนาดของโครงการ ที่จะไปลงทุน
นักลงทุน (บุคคลธรรมดา) ที่ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท จะได้รับผลตอบแทนเป็น ดอกเบี้ยรับ ปีละครั้ง หรือ 2 ครั้ง ตามหลักเกณฑ์ ข้อกำหนด ซึ่งการลงทุนในหุ้นกู้ ตามหลักการลงทุน ถือว่า เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงระดับน้อยไปถึงระดับปานกลาง นักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาเมื่อได้รับดอกเบี้ยรับ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
นักลงทุน (บุคคลธรรมดา) ที่ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจำกัด และบริษัทมหาชน จะได้รับผลตอบแทนเป็น เงินปันผล ปีละครั้ง หรือ 2 ครั้ง ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลและผลประกอบการของกิจการ ซึ่งการลงทุนในหุ้นสามัญ ตามหลักการลงทุน ถือว่า เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางไปถึงระดับสูง
นักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาเมื่อได้เงินปันผล จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% เว้นแต่ นักลงทุน ลงทุนในหุ้นของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษี เช่น การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และ การจ่ายเงินปันผล อยู่ในช่วงที่กิจการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น
การลงทุน ทั้งในหุ้นกู้ และ หุ้นสามัญ ผู้ถือหุ้น สามารถเลือก เสียภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่าย 15% (หุ้นกู้) หรือ 10% (หุ้นสามัญ) ได้ โดยไม่ต้องนำดอกเบี้ยรับ หรือ เงินปันผล ไปรวมคำนวณกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี
การเป็นนักลงทุนที่ยอดเยี่ยม นอกจาก รู้หลักการ ด้านการลงทุนแล้ว การมีความรู้ด้านกฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน จะช่วยทำให้ การลงทุนของท่านมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นด้วยนะคะ
ขอบคุณรูปภาพประกอบบทความจาก Pixabay
#VIStylebyMooduang #สำนักงานกฎหมายภาษีสยามลอว์ #นักลงทุน #ภาษีการลงทุน #เงินปันผล #ดอกเบี้ยรับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
