1 ส.ค. เวลา 15:22 • การเมือง

ชายแดนไม่เคยเงียบ: การเมืองกัมพูชาและเดิมพันของไทย

ในโลกแห่งการทูต… ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร
มีเพียง “ผลประโยชน์” ที่ไม่เคยหลับใหล…
และ “ความอยู่รอด” ที่ต้องแลกกับบางอย่างเสมอ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้… สงครามไม่ได้มาในรูปของรถถังหรือระเบิดเสมอไป
แต่มันมาในรูปของการเดินเกม… การเลือกข้าง… และการเปลี่ยนใจในจังหวะที่โลกไม่ทันตั้งตัว
วันนี้ ประเทศเล็กอย่าง "กัมพูชา" กำลังเปลี่ยนทิศทางอย่างเงียบงัน แต่รุนแรง...
จากการแนบแน่นกับ “จีน”… ไปสู่การเปิดประตูต้อนรับ “สหรัฐฯ”
คำถามคือ… ทำไม? และอะไรคือเดิมพัน?
ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน...
ฐานทัพเรือเรียม ซึ่งจีนช่วยบูรณะและขยาย ถูกจับตาว่าอาจกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ของจีนในอ่าวไทย
สหรัฐฯ กล่าวหาว่า จีนต้องการใช้ที่นี่เป็นฐานทัพถาวรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่ “ฮุนเซน” นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขณะนั้น ตอบโต้ทันควันว่า ...
“ไม่มีทหารจีนในกัมพูชา อธิปไตยของกัมพูชาเป็นของกัมพูชา”
แต่เมื่อ ฮุนมาเนต ลูกชายของเขา ก้าวขึ้นสู่อำนาจในฐานะผู้นำรุ่นใหม่…
ทิศทางของกัมพูชาก็เริ่ม “ส่ายหัวจากปักกิ่ง ไปพยักหน้าให้วอชิงตัน”
2025 กัมพูชาประกาศซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
สนามบินดาราซากอร์ ซึ่งจีนเคยมีส่วนในการลงทุน กลับมีข่าวว่าจะถูกใช้โดยฝ่ายตะวันตก
นี่ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนพันธมิตร
แต่มันคือการส่งสัญญาณว่า “กัมพูชากำลังปรับสมดุลเชิงยุทธศาสตร์”
ในโลกที่การแข่งขันระหว่าง จีน กับ สหรัฐฯ ไม่ใช่แค่สงครามการค้า... แต่เป็นสงครามอิทธิพล ที่ขยายครอบคลุมทั้งภูมิภาค
แน่นอน จีนไม่พอใจ... แต่นี่คือเกมการทูต
กัมพูชารู้ดีว่าต้องไม่วางเดิมพันไว้กับฝ่ายใดฝ่ายเดียว
เพราะในเกมนี้… ผู้ที่ฉลาด คือผู้ที่ “ขายใจ” โดยไม่เคย “ขายตัว”
แต่ท่ามกลางการเปลี่ยนขั้วทางยุทธศาสตร์…
เสียงปืนกลับดังขึ้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชาอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้น? ...
นักรัฐศาสตร์จำนวนไม่น้อยเชื่อว่า ทุกครั้งที่กัมพูชากำลังมีแรงกดดันภายใน...
ไม่ว่าจะเป็นเสียงวิจารณ์ฮุนมาเนต ความไม่พอใจทางเศรษฐกิจ หรือข้อสงสัยในความชอบธรรมของอำนาจ
เสียงปืนที่ชายแดน… กลายเป็นเครื่องมือเบี่ยงเบนความสนใจจากประชาชน
“ชายแดน” กลายเป็นเวทีของการเบี่ยงประเด็น
“ทหารไทย” กลายเป็นหมากในกระดานที่เราไม่ได้วางเอง
“ประชาชนชายแดน” กลายเป็นตัวประกันของสงครามที่ไม่มีใครอยากเล่น
... สหรัฐฯ อาจมองว่าการเข้าหากัมพูชาคือการเจาะตะเข็บจีน ...
... จีนอาจมองว่าการถอยของพนมเปญคือการแทงข้างหลัง
แต่คนที่ต้องเฝ้าระวังให้ดี… คือ "ประเทศไทย"
เพราะไทยเอง…
ก็มีความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ ผ่านการซ้อมรบ “คอบร้าโกลด์”
แต่ในด้านเศรษฐกิจ ไทยพึ่งพาการค้ากับจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไทยจึงเหมือน “เดินอยู่บนเชือกเส้นบาง ๆ” ที่พาดข้ามเหวลึกระหว่างสองมหาอำนาจ
และตอนนี้... มีเพื่อนบ้านกำลังเขย่าเชือกเส้นนั้นด้วยจังหวะที่เราไม่ได้เลือก
แล้วแนวโน้มของไทยคืออะไร?
หนึ่ง...ไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากทั้งสองฝ่ายในการ “เลือกข้าง”
สหรัฐฯ จะคาดหวังมากขึ้นว่าประเทศพันธมิตรต้องมีจุดยืน
ขณะที่จีนจะจับตาและตอบโต้หากไทยขยับเข้าใกล้ตะวันตกมากเกินไป
สอง... เกมชายแดนจะทวีความซับซ้อน
เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องไทย - กัมพูชา
แต่กลายเป็น “สนามสะท้อนความสัมพันธ์ระดับโลก”
หากไทยตอบโต้แรง อาจถูกลากเข้าสู่เกมที่ใหญ่เกินตัว
หากไทยนิ่งเงียบ ก็อาจถูกตีความว่าอ่อนแอและไร้น้ำยา
และสาม...ไทยต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์ของตัวเอง
จะเป็นเพียง “เบี้ย” ในกระดานของมหาอำนาจ?
หรือจะกลายเป็น “คนเล่นเกม” ที่รู้จังหวะถอย รุก และต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง?
... เพราะในสงครามอิทธิพล ไม่มีใครยืนเฉยแล้วรอด ...
และในเกมภูมิรัฐศาสตร์…
การนิ่งเฉย คือการเลือกข้างแบบไม่รู้ตัว
นี่คือเสียงจากชายแดน...เสียงที่ไม่ใช่แค่เสียงปืน
แต่คือเสียงของโลก…
ที่กำลังถามว่า ไทย…จะไปทางไหน?
โฆษณา