แผลสงคราม
เกมแย่งชิงดินแดน ที่เดิมพันด้วยเลือดเนื้อมนุษย์ หยุดลงชั่วคราวหลังเที่ยงคืนของวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘
เส้นตายที่คู่กรณีระหว่างไทยกับกัมพูชาและมาเลเซียที่อาสาเป็นคนกลางในฐานะประธานกลุ่มประเทศอาเซียน รวมสามฝ่าย ทำข้อตกลง “หยุดยิง” โดยมีทูตอเมริกาและจีน สองมหาอำนาจของโลกร่วมเป็นสักขีพยาน ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย
ก่อนถึงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ ๒๘ จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของการประจันบาน มีเท่าไหร่ทั้งสองฝ่ายใส่กันหมดแม็ก เหมือนมวยไทยปลายยก ๕ ที่ต่างประเคนหมัดเท้าเข่าศอกใส่เข้าหากันไม่ยั้ง แบบลืมตาย
กติกาการหยุดยิงสากลนี่ก็แปลก เหมือนกับเอื้อให้เร่งการฆ่า เพราะใครบุกตะลุยเข้าไปในดินแดนของอีกฝ่ายได้ลึกเท่าไร ถือว่าได้เป็นผู้ครอบครองโดยชอบธรรม อีกฝ่ายไม่สามารถโต้แย้งได้
ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ที่เป็นชนวนให้เกิดการยิงปะทะกันในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘
ขณะที่ทหารไทยเดินลาดตระเวน ได้เหยียบกับระเบิดขาขาด ๑ นาย บาดเจ็บสาหัส ๓ นาย เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ที่เนิน ๔๘๑ ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
เหตุการณ์คล้ายกัน เกิดซ้ำอีกครั้งในวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘ บริเวณช่องอานม้า อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดอุบลราชธานี ทหารเหยียบกับระเบิดที่ทหารกัมพูชาเพิ่งวางใหม่ ขาขาดเพิ่มอีก ๑ นาย บาดเจ็บ ๕ นาย
กัมพูชาทำการละเมิดข้อตกลงออตตาวา อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ประเทศทั่วโลกลงนามไปตั้งแต่วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
หากปล่อยให้กัมพูชาใช้วิธีสกปรก ลอบกัดทหารไทยแบบนี้ต่อไป เราจะสูญเสียกำลังพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งพิการและเสียชีวิต
ฝ่ายทหารไทยจึงสั่งปิดด่านช่องทางติดต่อตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา และล้อมรั้วกั้นบริเวณปราสาทตาเมือนทม ในเช้าวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘
หลังจากนั้นไม่นานกัมพูชาก็เริ่มเปิดฉากยิงเข้ามาก่อนบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ในระยะประมาณ ๒๐๐ เมตร เป็นครั้งแรก
ผลปรากฎเป็นอย่างที่เห็นในภาพข่าว สภาพร้านค้าปลีกในปั้มน้ำมัน ถูกทำลายยับเยิน กลายเป็นซากปรักหักพังที่เหลือเพียงรอยไหม้จากไฟสงคราม คร่าชีวิตเด็กนักเรียนและผู้ปกครองที่กำลังซื้อของอยู่ในร้านค้าทันที ๗ ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย
บ้านเรือนพี่น้องชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน ถูกยิงด้วยจรวด เสียหายไปหลายหลัง
ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งโรงพยาบาล ที่ห่างจากชายแดนถึง ๒๐ กิโลเมตร ยังถูกถล่มด้วยลูกระเบิดจากปืนใหญ่ ที่ยิงมาจากกัมพูชา
ทั้งที่กติกาสากลของการทำสงคราม ถือเป็นสิ่งต้องห้าม ที่คู่สงครามต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
แต่ผู้นำของกัมพูชา ยังกล้าละเมิด โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ทหารหาญทั้งสองฝ่าย ที่ถูกแบ่งแยกออกจากกันด้วยเสื้อผ้าคนละสี ทั้งที่ความเป็นจริงเมื่อถอดเครื่องแบบออก เขาก็คือมนุษย์ที่มีหนังหุ้มเนื้อเหมือนกัน เลือดสีแดงสีเดียวกัน
ร่างอันไร้วิญญาณของมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าทหาร คนแล้วคนเล่าที่ถูกสังเวยด้วยคมกระสุนและสะเก็ดระเบิด ร่วงหล่นเหมือนใบไม้แห้งลงสู่พื้นดิน เพียงเพื่อสนองตัณหาของผู้นำที่ไร้จริยธรรม ที่รับคำสั่งจากผู้ที่มีอำนาจมากกว่ามาเป็นทอดๆ
การเจรจาหยุดยิง หาใช่คำตอบของความขัดแย้งไม่ หากแต่เป็นแค่เพียงกลยุทธของสงคราม เพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบ และเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่ต่อไป ต่อไป และต่อไป
ตราบใดที่สาเหตุอันแท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ใข ด้วยความถูกต้อง เป็นธรรม และจริงใจ
ประชาชนและกองทัพต้องร่วมมือกันกำหราบผู้นำการก่อเหตุให้สิ้นซาก ศึกนอกประเทศให้เป็นหน้าที่ของทหาร ส่วนศึกภายใน ที่แฝงตัวอยู่ในรูปผู้นำทางการเมืองที่ฉ้อฉล ผู้กำหนดกฎระเบียบการใช้ทรัพยากรของชาติ สมคบคิดกับต่างชาติเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวก ให้เป็นหน้าที่ของประชาชนช่วยกันกำจัด
ทุกฉากทางการเมืองที่เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ มีการวางแผนล่วงหน้า อย่างเป็นขั้นเป็นตอน หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ล้วนเป็นความตั้งใจของคนพวกนี้ทั้งสิ้น
โดยมีมหาอำนาจของโลกคอยกำกับ บีบบังคับด้วยกำลัง กดดันด้วยภาษีการค้า เพียงหวังผลประโยชน์จากทรัพยากรก้อนมหึมาใต้ท้องทะเลไทย
ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจ จากพลเมืองทั้งประเทศเพียงทางเดียวเท่านั้น จึงจะรักษาเยียวยา แผลสงครามอันโหดร้ายนี้ได้
…
โดย.. พี่ชื่อวิช
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
