4 ส.ค. เวลา 03:11 • ความคิดเห็น
แถวบ้าน มีเสียงตามสาย ประกาศ เกือบทุกวัน บอกชื่อเล่นชื่อจริง ว่าได้จากไปแล้ว จะบำเพ็ญกุศล รดน้ำศพ สวดกี่วัน เผาวันไหน ให้คนที่เค้ารู้จักนับถือกัน ได้รับรู้ เวลาไปงานศพ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว บางงานวันสวดศพ ก็มีคนมามาร่วมงานมากมาย แต่พอวันจะเผา .มีแต่ลูกหลานไม่กี่คน ..ก็ต้องช่วยกัน ยกขึ้นเมรุ ยกเข้าเตาเผา .. เรื่องความตาย มันเกิดมาแล้ว ต้องตายทุกคน
..เรื่องความตาย มันเป็นเรื่องเตือนสติ ..ว่าเมื่อยังมีลมหายใจ ร่างกายแข็งแรง จะทำอะไรก็รีบใช้กายนี้ให้เป็นประโยชน์ ..เพราะร่างกายเค้าก็เดินตามทางของเค้า สู่ความแก่เฒ่าชราตาย ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ..อีกทั้งมันก็เป็นเรื่องเตือนสติ..ไม่ประมาทในกายที่จ้ตอาศัย ..กายนี้ไม่เที่ยง ให้จิตได้อาศัยชั่วขณะหนึ่ง ..จะทำอะไรก็รีบทำ เพราะเวลามีกายเป็นมนุษย์นั้นมันไม่ยาวนาน .เพียงแค่ลมไม่เข้าออก ก็ตาย ..ตายกันทุกคน .ไม่มีใคร หนีความตายไปได้
แล้วเรื่ิองความตาย ..เราก็เรียนรู้ขึ้นมา ว่า จิตเมื่อไม่มีกายนั้น ..จิตนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร ..เราก็เรียนรู้ขึ้นมา ตระเตรียมการไว้ เตรียมเสบียงในการเดินทาง ..อีกยาวนานยาวไกล . ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ จะได้กายเป็นมนุษย์กับเค้าอีกครั้งหนึ่ง เวลาเราไปงานศพ เค้าก็สวเให้คนเป็นฟัง กุศลาทำมา อกุสลาทำมา อัพพยากตา ไม่รู้ดีชั่วได้ ก็ทำมา .. เราก็นำมาทบทวน ..ว่าเราเลือกทำอะไร ..ตอนที่ยังมีลมอยู่..
แล้วประเเภทกรรมตัดรอนบั่นทอนอายุขัย มันก็มี เมื่อตายแล้วก็ไม่มีแรงไปไหนได้ นอนร้องครวญครางที่นั้น ร้องเท่าไหร่ก็ไม่มีใครได้ยิน ..ที่เค้าว่า เหลือแต่จิต ..ไม่มีกาย
เรื่องความตาย ..มันก็ไม่ใช่เรื่ิองจะพูดได้ทั่วไป มีครั้งหนึ่ง น้องบอกว่าจะส่งรูปอสุภะส่งมา เราว่า..ไม่ต้องส่ง เพราะไม่อยากดู เค้าก็ส่งมาให้ พอกลับมาบ้าน นั่งกลิ่นข้าว รูปอสุภะ ก็มาลอยอยู่ตรงหน้า ที่เรากินข้าว ..เราบอกว่า คนจะกินข้าว ..ไม่ดูหรอก.. จะกินข้าว (ขืนไปมอง ก็ไม่ต้องกินข้าวกัน)
เรื่ิองอสุภะ นั้น เวลาเค้าสอนให้ เค้าดึงจิตออกไปยืนดู ..กาย .
แล้วกายนั้น ก็ลอกเนื้อหนังออก เลือดชะโลมกาย ค่อยลอกไป ที่ละชั้นๆ น้ำเลือดน้ำหนองไหลมา ตัวหนอน ขึ้นมา ..แล้วเค้าก็ทำให้กายนั้นกลับมาเหมือนเดิม แล้วก็บอกว่า ..เอ้ามุดเข้าไปอาศัยในกายที่ เพิ่งเห็นสภาพนั้นมา
..นั้นแหละที่ เค้าว่า จิตมาอาศัยในกายที่สกปรก กินของเอร็ดอร่อย ..น้ำเลือดน้ำหนองของผู้ที่มีกรรม แล้วก็มีตัวกินเลือดกินเนื้อ ชอนไชอยู่ในสังขารกรรม กัดกินน้ำหนองเอร็ดอร่อย .อ้วนท้วนสมบูรณ์..ก็เลยต้องมาเกิดแก่เจ็บตาย ผลัดกันกินน้ำหนอง หล่อเลี้ยงสังขารกรรม
แล้วคนเรานั้น เมื่อเกิดมา มันต้องตาย เมื่อยังไม่ตาย เค้าก็แนะนำให้่สร้างบุญกุศลบารมี มันทำได้ตอนร่างกายสมประกอบครบอาการสามสิบสอง ต้องอาศัยกายนั้นที่ใช้ไปหาปัจจัยมาหล่อเลี้ยงสังขาร ก็แบ่งปันมาสร้างให้เป็นทาน สร้างให้เป็นบุญ ด้วยกายวาจาใจ
.สร้างให้เป็นบุญ แล้วทำอย่างไรให้เกิดเป็นบุญติดไปกับจิต กับธาตุทั้งสี่ เป็นบุญหนุนนำจิตเมื่อหมดกายนี้ไป การที่ได้ได้เจอเรื่องราวขิงคนที่รู้จักบ้าง เมื่อไม่มีกาย ..แล้วกลับต้องการบุญ ..นี่ท่านเค้ร ว่า ตอนเป็นคนไม่สนใจ ไม่ใส่ ..พอหมดกาย ก็เรียกร้องหาบุญ ..ช่วยด้วยๆ ..ทุกข์ทรมานเหลือเกิน ..นั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ในการเรียนรู้ มะโนทะศึกษา เพื่อให้จิตรู้จักกรรม แล้วก็สร้างบุญกุศลบารมี หนีกรรม ..หนีทุกข์ ..ด้วยคำว่า สร้างบุญกุศลบารมี
โฆษณา