ระบบการเขียนที่ใช้ในยุคนี้คือ Linear A ซึ่งยังคงเป็นปริศนา เพราะไม่สามารถถอดรหัสได้จนถึงปัจจุบัน ข้อมูลที่บันทึกอยู่ใน Linear A จึงเป็นเหมือนเสียงที่ถูกกักขังในอดีต ไม่เปิดเผยความหมายโดยตรงต่อโลกยุคใหม่
แต่การค้นพบแผ่นหินลวดลายนี้ เปิดมุมมองใหม่ว่า บริเวณนี้อาจมีความหมายและบทบาทที่ลึกซึ้งกว่าที่ตำนานกล่าวถึง ลวดลายบนแผ่นหินมีลักษณะเป็น วงกลมพันกันหลายชั้น ไม่ใช่รูปแบบเชิงเส้นเหมือนระบบเขียนทั่วไป และแม้จะคล้ายกับ Linear A ที่ยังไม่ถอดรหัสได้ แต่รูปแบบนี้ ไม่ตรงกับตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่จัดหมวดหมู่ในระบบ Linear A ก่อนหน้า
▫️ระบบเขียน Linear A แม้จะพบตัวอย่างมากกว่า 1,400 ชิ้นทั่วเกาะครีตและพื้นที่ใกล้เคียง แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถถอดรหัสได้อย่างสมบูรณ์ ข้อจำกัดนี้ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาที่บันทึกใน Linear A ยังคงเป็นปริศนา และจำกัดความสามารถในการเข้าใจระบบความเชื่อและพิธีกรรมของวัฒนธรรมมิโนอันโดยตรง
ในหลายหลุมฝังศพ ยังพบวัตถุคล้าย แท่นหินแนวตั้ง วางไว้ที่ศูนย์กลาง บนแท่นหินบางก้อน มีการสลักลวดลายเป็นเส้นขนานและรูปโค้งซ้ำๆ ลวดลายเหล่านี้ ไม่ตรงกับระบบเขียน Linear A หรือ Linear B ที่เป็นที่รู้จัก และไม่สอดคล้องกับอักษรของกลุ่มอินโด-ยูโรเปียนที่แพร่หลายในยุคหลัง
— ความเห็นของ P. Ramirek, นักโบราณคดีสายอานาโตเลียศึกษา, 2001
▪️การรวมร่าง: จาก “เทพฟ้า” สู่ “เจ้าแห่งโอลิมปัส”
นักวิชาการด้านวัฒนธรรมเปรียบเทียบ เช่น Martin L. West และ Walter Burkert เสนอว่าเทพ ซูส ในตำนานกรีก ไม่ใช่เทพเจ้าที่เกิดขึ้นโดยปริยาย แต่เป็นผลจากกระบวนการ รวมกันของสองสายเทพเจ้า ที่มีรากฐานต่างกันอย่างลึกซึ้ง:
▣ บทที่ 4: ถ้อยคำที่ไม่มีผู้พูด — การล่มสลายของภาษา Linear A
(The Unspoken Script and the Collapse of Memory)
1. Linear A: มากกว่าภาษา
ระบบอักษร Linear A ซึ่งถูกใช้โดยวัฒนธรรมมิโนอันบนเกาะครีตระหว่างราว 1800 ถึง 1450 ปีก่อนคริสต์ศักราช ยังคงเป็นปริศนาใหญ่ของวงการโบราณคดีและภาษาศาสตร์
แม้ว่าจะพบแผ่นจารึกกว่า 1,400 ชิ้น แต่จนถึงวันนี้ นักวิชาการยังไม่สามารถถอดรหัส หรือเข้าใจเนื้อหาที่แท้จริงได้อย่างสมบูรณ์ ความยากลำบากนี้สะท้อนถึงความซับซ้อน และเอกลักษณ์ของ Linear A ที่แตกต่างจากระบบอักษรอินโด-ยูโรเปียนโดยสิ้นเชิง
แนวคิดใหม่ที่กำลังได้รับการพิจารณาคือ Linear A ไม่ใช่เพียง “ภาษาที่ตายแล้ว” หรือเครื่องมือสื่อสารแบบธรรมดา แต่เป็นตัวแทนของโลกทรรศน์ ที่บรรจุองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบความเชื่อ พิธีกรรม และปรัชญาทางจิตวิญญาณของชุมชนมิโนอัน ภายในสัญลักษณ์และรูปแบบของ Linear A มีความหมายซ่อนเร้นที่เกินกว่าการบันทึกข้อมูลธรรมดาล
การศึกษา Linear A จึงไม่ได้เป็นแค่การถอดรหัสภาษาโบราณ แต่เป็นการพยายามเข้าถึง “วิถีคิด” ของมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่เคยครองอำนาจความรู้และจิตวิญญาณ ก่อนที่จะถูกกลืนหายไปในประวัติศาสตร์
.
2. การลบเลือนของภาษาในประวัติศาสตร์เปรียบเทียบ
ปรากฏการณ์การสูญหายของภาษา Linear A ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดดเดี่ยว หรือไม่เคยมีที่เปรียบเทียบในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ กระบวนการลบเลือนภาษาเก่าและแทนที่ด้วยภาษาของผู้มีอำนาจหรือผู้รุกราน เป็นรูปแบบซ้ำซากที่เกิดขึ้นในหลายภูมิภาคและยุคสมัย
จึงกล่าวได้ว่า การสูญหายของ Linear A ไม่ใช่แค่เรื่องของภาษา แต่คือการลบเลือนโลกทัศน์และจิตวิญญาณของอารยธรรมมิโนอันที่เคยรุ่งเรือง ซึ่งสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงลึกซึ้งในโครงสร้างทางวัฒนธรรมที่ถูกแทนที่อย่างสมบูรณ์
.
3. การถอดรหัสสัญลักษณ์: เบาะแสจากจารึกบางชิ้น
แม้ว่า Linear A จะยังไม่ถูกถอดรหัสอย่างสมบูรณ์ และยังคงเป็นปริศนาในวงการโบราณคดี การศึกษาลักษณะสัญลักษณ์และการเปรียบเทียบกับ Linear B ซึ่งเป็นภาษาที่ถอดรหัสได้แล้ว เปิดเผยเบาะแสสำคัญที่ชี้นำถึงความหมายเชิงพิธีกรรมและโลกทัศน์ของผู้ใช้ Linear A
บางสัญลักษณ์ในแผ่นจารึก Linear A ถูกวิเคราะห์ว่าแสดงถึงแนวคิดที่ลึกซึ้งและซับซ้อน กว่าแค่คำศัพท์พื้นฐาน เช่น สัญลักษณ์ที่สามารถตีความได้ว่าเป็น “ผู้เฝ้าดาว” (guardian of stars) ซึ่งอาจบ่งบอกถึงบทบาทของกลุ่มบุคคลหรือสถานที่ ที่มีหน้าที่เฝ้าสังเกตและบันทึกการเคลื่อนที่ของดวงดาว การเชื่อมโยงนี้สะท้อนความสำคัญของดาราศาสตร์ในพิธีกรรมและการรับรู้จักรวาลของวัฒนธรรมมิโนอัน
ในช่วงเวลานี้ เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเขียน จากการใช้ Linear A ที่ยังคงเป็นปริศนา สู่การนำ Linear B ซึ่งเป็นภาษาของชาวไมซีนีที่มีรากศัพท์อินโด-ยูโรเปียน มาใช้แทนที่อย่างสมบูรณ์
จากการศึกษาข้อมูลและหลักฐานโบราณคดี รวมถึงการวิเคราะห์เชิงสัญลักษณ์ของระบบอักษร Linear A เราสามารถสรุปได้ว่า Linear A ไม่ใช่เพียงแค่ระบบการเขียนธรรมดา แต่เป็น “โครงสร้างสัญลักษณ์” ที่สะท้อนถึงโลกทัศน์เชิงพิธีกรรม ปรัชญา และความเชื่อของอารยธรรมก่อนยุคโอลิมปัสอย่างลึกซึ้ง
การสูญหายของ Linear A จึงไม่ใช่แค่การสาบสูญของภาษาโบราณ แต่เป็นการ “ลบเลือน” ระบบความเชื่อและพิธีกรรมดั้งเดิมที่ใช้ภาษานี้เป็นพาหนะ
นับเป็นการทำลายอัตลักษณ์และพลังทางวัฒนธรรมของกลุ่มชนที่อยู่ก่อนกรีกคลาสสิก ซึ่งมีรากฐานเกี่ยวพันกับตำนาน “ผู้เฝ้าดาว” (guardians of the stars) และ “สายเลือดที่ตกลงมาจากฟ้า” (fallen lineage)
แนวคิดเหล่านี้สะท้อนในตำนานไททันที่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ถูกกลืนหาย การแทนที่ Linear A ด้วยระบบเขียน Linear B ของไมซีนี ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนเครื่องมือสื่อสาร แต่เป็นกลไกของการยึดครองอำนาจทางวัฒนธรรมและศาสนา ระบบใหม่ที่มาพร้อมกับภาษา Linear B นั้นบรรจุความเชื่อแบบเทพเจ้าบุคคล ซึ่งช่วยเสริมสร้างอำนาจและความชอบธรรมของผู้ครอบครองอำนาจใหม่ และส่งผลให้ความทรงจำเดิมถูกรื้อถอนอย่างเป็นระบบในช่วงเวลานั้น
ด้วยเหตุนี้ การศึกษา Linear A และบริบทการลบเลือนที่เกิดขึ้น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจประวัติศาสตร์เชิงลึก ของการเปลี่ยนผ่านระหว่างอารยธรรมในทะเลอีเจียน ซึ่งมากกว่าเรื่องเล่าของเทพเจ้าผู้ชนะ แต่คือประวัติศาสตร์ของ “ผู้ถูกลืม” ที่เสียงของพวกเขายังรอการค้นพบ
❝ถ้อยคำที่ไม่มีผู้พูด ยังสะท้อนความทรงจำที่ไม่เคยดับสูญ แม้ถูกจารึกไว้ในเงามืดของประวัติศาสตร์❞— บันทึกของ L. Manousakis, นักภาษาศาสตร์และโบราณคดี