เพิ่มความเร็วเว็บไซต์ พร้อมกระตุ้น SEO
โดย
ในยุคที่ผู้ใช้ต้องการความรวดเร็ว "ความเร็วเว็บไซต์" (Page Speed) ไม่ใช่แค่เรื่องประสบการณ์ผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อ SEO และ อันดับในผลการค้นหา!
Google ใช้ความเร็วหน้าเว็บ เป็นหนึ่งในปัจจัยจัดอันดับ (Ranking Factor) โดยเฉพาะหลังอัปเดต Core Web Vitals ที่เน้นประสิทธิภาพการโหลดหน้าเว็บเป็นหลัก
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Page Speed แบบเจาะลึก ตั้งแต่ความหมาย วิธีการทำงาน ไปจนถึงเทคนิคเพิ่มความเร็วเว็บไซต์แบบมืออาชีพ พร้อมตัวอย่างการปรับแต่งจริง!
- ★Page Speed คืออะไร
Page Speed หมายถึง ความเร็วในการโหลด และ แสดงผลหน้าเว็บไซต์ โดยวัดจากช่วงเวลาเริ่มต้นที่ผู้ใช้คลิกเข้าเว็บ จนถึงหน้าเว็บโหลดเสร็จสมบูรณ์
- ★ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Page Speed
1) ขนาดไฟล์ (File Size)
– HTML, CSS, JavaScript, รูปภาพ
2) ประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์ (Server Response) – เวลาในการประมวลผล
3) การโหลดทรัพยากร (Resource Loading)
– การเรียกใช้ไฟล์ภายนอก
4) การแสดงผลบนเบราว์เซอร์ (Rendering Performance)
- ★Page Speed ทำงานอย่างไร
เมื่อมีผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ ระบบจะทำงานตามขั้นตอนต่อไปนี้
1) ส่งคำขอ (Request) – ผู้ใช้คลิกหรือพิมพ์ URL
2) DNS Lookup – แปลงชื่อโดเมนเป็น IP Address
3) เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ (Server Connection) – สร้างการเชื่อมต่อผ่าน HTTP/HTTPS
4) โหลดข้อมูล (Download Resources) – ดึงไฟล์ HTML, CSS, JS, รูปภาพ
5) แสดงผลหน้าเว็บ (Rendering) – เบราว์เซอร์ประมวลผลและแสดงผล
หากขั้นตอนใดช้า Page Speed จะลดลงส่งผลให้ผู้ใช้รอนาน และ อาจปิดเว็บก่อนโหลดเสร็จ (Bounce Rate สูงขึ้น)
- ★ประเภทของ Page Speed
1) First Contentful Paint (FCP)
- เวลาแรกที่เนื้อหาเริ่มแสดงบนหน้าจอ
2) Largest Contentful Paint (LCP)
- เวลาโหลดองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดในหน้า (เช่น Hero Image, บทความหลัก)
3) Time to Interactive (TTI)
- เวลาที่หน้าเว็บตอบสนองการคลิกได้
4) Total Blocking Time (TBT)
- เวลาที่ JavaScript ขัดขวางการทำงานหลัก
- ★ประโยชน์
✅ SEO แรงขึ้น – Google ชอบเว็บโหลดเร็ว
✅ ลดอัตราการออก (Bounce Rate) – ผู้ใช้ไม่รอแล้วปิดเว็บ
✅ เพิ่ม Conversion Rate – ยอดขายหรือการลงทะเบียนดีขึ้น
✅ ประสบการณ์ผู้ใช้ดี (UX) – ลูกค้าพึงพอใจ
✅ ประหยัด Bandwidth – ลดการใช้ทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์
- ★7 วิธีเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ (พร้อมตัวอย่าง)
1) บีบอัดรูปภาพ (Image Optimization)
- ใช้ WebP แทน JPEG/PNG
- ตัวอย่าง:
```html
<picture>
<source srcset="image.webp" type="image/webp">
<img src="image.jpg" alt="ตัวอย่างรูป">
</picture>
```
2) เปิดใช้งาน Caching
- ตั้งค่า Browser Caching ใน `.htaccess` (Apache)
```apache
<IfModule mod_expires.c>
ExpiresActive On
ExpiresByType image/jpg "access plus 1 year"
</IfModule>
```
3) ลดการใช้ Render-Blocking Resources
- ย้าย CSS/JS ไปโหลดแบบ Async/Defer
```html
<script src="script.js" defer></script>
<link rel="stylesheet" href="style.css" media="print" onload="this.media='all'">
```
4) ใช้ CDN (Content Delivery Network)
- เช่น Cloudflare, BunnyCDN
5) ลดการเรียกใช้ Plugin ที่ไม่จำเป็น
- ปิด Plugin WordPress ที่ไม่ได้ใช้
6) เลือกโฮสติ้งที่เร็ว
- ใช้ VPS หรือ Cloud Hosting แทน Shared Hosting
7) Minify CSS/JS
- ใช้เครื่องมือเช่น CSSNano, Terser
✏️ Shoper Gamer
- ✓CDN คืออะไร 👇
- ✓Cache คืออะไร 👇
- ✓Bounce Rate คืออะไร 👇
Credit :
👇
- ●https://www.debugbear.com/docs/page-speed-seo
- ●https://developers.google.com/speed/docs/insights/v5/about?hl=th
- ●https://www.chillybin.co/test-website-speed/
- ●https://rapidload.ai/what-why-page-speed/
- 4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
