6 ส.ค. เวลา 06:11 • การศึกษา

LSS-EP.12-พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

เรื่องราวของกษัตริย์องค์ที่ 31 ของกรุงศรีอยุธยา ที่มีพระนามเรียกขานจากคนรุ่นหลังว่าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์ทรงครองราชย์ต่อจากพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงในช่วงนี้จากละครเรื่องพรหมลิขิต ถึงแม้ยุคของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะถูกยกย่องว่าเป็นยุคทองยุคหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา แต่ก็มีเรื่องราวความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่บ้าง เกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิตของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและเหตุใดพระองค์จึงมีพระนามเรียกขานว่าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เชิญรับฟังครับ
จบไปแล้วสำหรับละครเรื่องพรหมลิขิตนะครับ ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรเลย เรื่องราวในละครพรหมลิขิตก็จะเป็นการเล่าช่วงสมัยของพระเจ้าท้ายสระครับ ซึ่งต่อมาก็จะเป็นยุคสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศครับ ซึ่งจะมีเรื่องราวอีกมากมายเลยที่วันนี้ผมจะมาขอเล่าสู่กันฟังครับ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเป็นพระอนุชาหรือน้องชายของพระเจ้าท้ายสระที่รายการ Long story short ได้เล่าไปเมื่อตอนที่แล้วนะครับ แต่ท่านใดที่ยังไม่ได้ฟังผมจะขอเท้าความให้ฟังแบบสั้นๆ ดังนี้นะครับ พระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเนี่ยมีพระราชโอรสระดับชั้นเจ้าฟ้าอยู่อย่างน้อย 2 พระองค์ครับ องค์โตชื่อเจ้าฟ้าเพชร องค์รองชื่อเจ้าฟ้าพร เดิมทีพระเจ้าเสือได้ตั้งให้เจ้าฟ้าเพชรเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลหรือตำแหน่งที่เรียกกันว่าวังหน้า
ซึ่งสมัยนั้นมีธรรมเนียมว่าคนที่เป็นวังหน้าเนี่ยแหละจะได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป แต่ทว่าช่วงพระเจ้าเสือใกล้สวรรคตไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นครับพระเจ้าเสือดันยกบัลลังก์ให้เจ้าฟ้าพรน้องชายเป็นผู้สืบทอดต่อ แต่พอพระเจ้าเสือสวรรคตจริงๆ เจ้าฟ้าพรไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่เช่นกันตอนนั้น กลับคืนราชบัลลังก์ให้กับเจ้าฟ้าเพชรผู้เป็นพี่ชาย เจ้าฟ้าเพชรก็เลยได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระพร้อมกับแต่งตั้งให้เจ้าฟ้าพรเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล พร้อมกับรับปากว่าหากตัวเองตายก่อนจะยกให้น้องเนี่ยสืบราชบัลลังก์ต่อ
สถานการณ์ประวัติศาสตร์เหมือนจะซ้ำรอยสมัยพระเจ้าเสืออีกรอบครับ ช่วงปลายสมัยของพระเจ้าท้ายสระไม่ค่อยลงรอยกันกับเจ้าฟ้าพรนัก ทีนี้พระเจ้าท้ายสระเนี่ยมีพระราชโอรสชั้นเจ้าฟ้าอย่างน้อย 3 พระองค์เรียงตามอาวุโสได้แก่เจ้าฟ้านเรนทร์องค์โต เจ้าฟ้าอภัยองค์รอง และเจ้าฟ้าปรเมศร์
ซึ่งพระเจ้าท้ายสระเนี่ยก็เลยตัดสินใจยกราชบัลลังก์ให้เจ้าฟ้านเรนทร์สืบต่อ ซึ่งครั้งหนึ่งครับเจ้าฟ้าพรเคยออกบวชกับเจ้าฟ้านเรนทร์ก็เลยทำให้อากับหลานคู่นี้มีความสนิทสนมกับ เจ้าฟ้าพรก็ตั้งใจว่าถ้าพี่ชายจะยกบัลลังก์ให้เจ้าฟ้านเรนทร์หลานรักขึ้นครองราชย์แทนเนี่ยก็จะยินยอมแต่โดยดีครับ
แต่ทว่าเจ้าฟ้านเรนทร์ก็รักอาเช่นกันครับ เจ้าฟ้านเรนทร์มองว่าพ่อของตัวเองก็คือพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระได้เคยรับปากไว้ว่าหากสวรรคตลงก่อนจะยกราชสมบัติให้กับเจ้าฟ้าพรก็ควรต้องรักษาสัญญา เพื่อให้ตัวเองไม่เป็นอุปสรรคของเรื่องนี้ เจ้าฟ้านเรนทร์ก็เลยหนีไปออกบวชครับ พระเจ้าท้ายสระในตอนนั้นน่าจะไม่พอใจเจ้าฟ้าพรน้องชายเอามาก ๆ ทีเดียวครับ จึงได้ตัดสินใจมอบบัลลังก์ให้กับเจ้าฟ้าองค์รองอย่างเจ้าฟ้าอภัยแทน แต่เจ้าฟ้าอภัยกลับไม่ใช่หลานรักของเจ้าฟ้าพรแบบเจ้าฟ้านเรนทร์น่ะสิครับ
มีเรื่องเล่าว่าสองอาหลานคู่นี้ไม่กินเส้นกันมานานแล้ว ครั้งที่เจ้าฟ้าพรไปออกบวช เจ้าฟ้าอภัยก็ถือวิสาสะเข้าวังของเจ้าฟ้าพรโดยพลการ มีการไปยุ่งกับทรัพย์สินของเจ้าฟ้าพรโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ทำให้สองอาหลานคู่นี้ไม่ค่อยถูกกันนัก การมอบบัลลังก์ให้กับเจ้าฟ้าอภัยก็เลยไม่เป็นที่พอใจของเจ้าฟ้าพรนัก แต่เจ้าฟ้าพรก็ไม่ได้ทำอะไรครับเนื่องจากเกรงใจพระเจ้าท้ายสระที่ยังมีพระชนม์ชีพ
เวลาต่อมาครับพระเจ้าท้ายสระสวรรคต ความวุ่นวายก็บังเกิดเลยครับ ทั้งเจ้าฟ้าพรผู้เป็นอาและเจ้าฟ้าอภัยผู้เป็นหลานต่างก็ซ่องสุมกำลังไว้นานแล้ว พอสบโอกาสนี้ก็เลยได้รบพุ่งกันเป็นสงครามกลางเมืองกินเวลาเป็นปีเลยทีเดียว สงครามครั้งนี้เสียกำลังพล แม่ทัพ นายกองไปเป็นจำนวนมากเลยครับ ว่ากันว่าเป็นจุดที่ทำให้กรุงศรีอยุธยามีทรัพยากรมนุษย์ไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับพม่าในปลายจนต้องเสียกรุงเลยครับ
กลับมาที่สงครามกลางเมืองครับ หลังจากสู้รบกับมาหลายครั้งหลายสมรภูมิ กินระยะเวลายาวนาน ฝ่ายเจ้าฟ้าพรมีที่แม่ทัพและกุนซือที่เก่งกว่าคอยช่วยเหลือทำให้สามารถเอาชนะสงครามนี้ได้ ฝ่ายลูกของพระเจ้าท้ายสระอย่างเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์พอแพ้แล้วก็ต้องหนีสิครับ ไม่งั้นโดนฆ่าแน่ๆ
การหลบหนีของเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์นี้มีมหาดเล็กคนสนิทติดตามไปด้วย ด้วยความรีบร้อนครับทำให้ขนสมบัติมาได้ไม่มาก การหลบหนีระหว่างทางก็ต้องกินข้าวใช่ไหมครับ แต่อย่างที่ผมบอกว่ารีบหนีมาก็เลยไม่ทันได้พกเงินสด สมัยนั้นก็ยังไม่มีสแกนซะด้วย เจ้าฟ้าอภัยก็เลยเอาแหวนให้มหาดเล็กไปวงหนึ่งครับให้เอาไปแลกข้าวจากชาวบ้านมา
ชาวบ้านพอได้แหวนก็เริ่มสงสัยเหมือนกันครับว่าไม่น่าใช่คนธรรมดา เพราะแหวนดูมีค่ามีราคามาก เกินกว่าชาวบ้านคนธรรมดาครอบครองได้ ไม่รู้ว่าชาวบ้านที่ได้แหวนไปบอกเล่ากับใครยังไงนะครับแต่เรื่องราวนี้ก็ไปเข้าหูของทหารของเจ้าฟ้าพร ทหารก็เลยกรูกันมาจับตัวเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์ได้เป็นผลสำเร็จ สุดท้ายครับเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์ก็ถูกลงโทษประหารด้วยท่อนจันทน์
หลังจากปราบเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์แล้วเจ้าฟ้าพรก็ทำการปราบปรามเชื้อพระวงศ์และขุนนางฝ่ายเจ้าฟ้าอภัยอีกหลายต่อหลายคนครับ รวมทั้งพระยาโกษาธิบดีจีนขุนนางใหญ่ของพระเจ้าท้ายสระ พระยาโกษาธิบดีจีนเลือกข้างเจ้าฟ้าอภัยครับ พอเจ้าฟ้าอภัยแพ้ก็เลยต้องหนีไปบวชพร้อมกับขุนนางอีกหลายคน แต่ไม่ได้ไปบวชพร้อมกันวัดเดียวกันนะครับ
สมัยก่อนเวลาเขาทำอะไรผิดทำอะไรไม่ดีเนี่ยยังไม่มีทนายใช่ไหมครับ ทางแก้ก็คือหนีไปบวชครับเผื่อว่าจะปลอดภัย คนที่มาจับเนี่ยคงจะเห็นแก่ผ้าเหลืองไม่ทำร้ายอะไรหรอก แต่ทว่าเจ้าฟ้าพรไม่สนใจครับสังหารพระยาโกษาธิบดีจีน เชื้อพระวงศ์และขุนนางที่หนีไปบวชคาผ้าเหลืองหลายต่อหลายคนเลยครับ
คุณผู้ฟังจำได้ไหมครับว่าก่อนหน้านี้พระเจ้าท้ายสระแรกเริ่มเดิมทียกบัลลังก์ให้กับพระราชโอรสองค์โตก็คือเจ้าฟ้านเรนทร์ก่อน แต่เจ้าฟ้านเรนทร์หนีไปบวช พอเจ้าฟ้าพรปราบศัตรูได้เรียบร้อยหมดแล้วก็เลยไปเชิญเจ้าฟ้านเรนทร์หลานรักขึ้นมาเป็นกษัตริย์ แต่เจ้าฟ้านเรนทร์ไม่รับครับทำให้สุดท้ายเจ้าฟ้าพรต้องราชาภิเษกในปี พ.ศ.2275 ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ที่ 31 ของอาณาจักรอยุธยาและองค์ที่ 4 จากราชวงศ์บ้านพลูหลวงพระนามว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชที่ 2
โดยพิธีราชาภิเษกของพระองค์ไม่ได้จัดในพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาทตามพระราชประเพณีครับแต่จัดที่วังหน้าแทน เนื่องจากพระองค์ปราบปรามพวกวังหลวงที่เป็นพวกของเจ้าฟ้าอภัยไปเยอะครับเลยอาจจะกลัว เลยเลือกทำพิธีที่วังหน้านี้และเลือกประทับที่นี่เลย
แต่ท่านผู้ฟังฟังมาถึงตรงนี้ก็จะงงว่าแล้วทำไมชื่อเรื่องชื่อพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศล่ะ แล้วพระนามบรมโกศมาจากไหน เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ พระนามเต็มของพระมหากษัตริย์เนี่ยปกติจะยาวมากครับ และมักจำซ้ำ ๆ กัน ทำให้ประชาชนไม่นิยมเรียกพระนามเต็มกันครับ ตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือพวกเราเลยครับ เวลาเล่าเรื่องก็มักจะไม่นิยมเรียกชื่อเต็มพระมหากษัตริย์กันถูกไหมครับ สมัยก่อนก็เช่นกัน ประกอบกับสมัยนั้นเขาเชื่อเรื่องไสยาศาสตร์กันด้วยครับ ก็เลยมีการปิดบังพระนามเดิมของกษัตริย์ไว้เป็นความลับด้วย
พระนามว่าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมาจากคำเต็มว่าพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศอย่างที่เราเคยเรียกตอนรัชกาลที่ 9 สวรรคตครับ สันนิษฐานว่าช่วงหลังเสียกรุงแล้วมีการรวบรวมขุนนางเก่า ๆ มาสร้างบ้านสร้างเมืองกันใหม่เนี่ย ขุนนางแหล่านั้นเป็นขุนนางที่เคยถวายงานตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศครับ ก็เลยเรียกขานพระนามว่าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ภายหลังก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรียกใหม่ครับ คนยุคหลังก็เรียกติดปากต่อ ๆ กันมาจนเป็นสาเหตุว่าทำไมพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ถึงมีพระนามว่าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศนั่นเอง
แรกเริ่มเดิมทีพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศยังมีความแค้นเคืองพระเชษฐาที่ไม่ยอมยกบัลลังก์ให้ตามสัญญาแต่แรกครับ เลยกะจะไม่จัดพิธีศพแล้วให้คนเอาไปโยนทิ้งน้ำเสีย แต่บรรดาขุนนางทัดทานจึงเปลี่ยนพระทัยจัดพิธีศพให้แต่จัดไม่ให้สมพระเกียรตินัก
หลังพระองค์ขึ้นครองราชย์ได้ 2 ปี วันหนึ่งพระองค์ได้เสด็จประพาสล้อมช้างที่จังหวัดลพบุรีครับ ด้วยความที่เป็นพระมหากษัตริย์ใช่ไหมครับ เวลาไปไหนมาไหนทีก็จะมีทหารติดตามไปเป็นขบวน ทหารในวังก็จะน้อยเพราะต้องตามเสด็จไปนั่นเอง ระหว่างที่พระองค์เสด็จออกจากอยุธยาเนี่ยก็สบโอกาสของกลุ่มกบฎชาวไทยเชื้อสายจีนกลุ่มหนึ่งชื่อว่ากบฎจีนนายก่าย ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นพรรคพวกของเจ้าฟ้าอภัย
กลุ่มกบฎจีนนายก่ายทราบเรื่องพระเจ้าอยู่หัวไม่อยู่ในวังก็เลยยกพวกประมาณ 300 คน บุกเข้าวังหลวงหมายจะปล้นครับ แต่ข่าวการปล้นดันรั่วครับไปถึงหูของไปถึงของทหารเฝ้าวังที่ไม่ได้ติดตามเสด็จไปด้วยจึงสามารถตั้งรับได้ทัน ฝ่ายกบฏจึงทำการปล้นไม่สำเร็จและบาดเจ็บล้มตายกันไปหลายคนเลยทีเดียว
พอเรื่องกบฎไปเข้าหูของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศพระองค์จึงรีบกลับมาเลยครับและรับสั่งให้ทำการจับบรรดากบฎทั้งหมดมาลงโทษ โดยบรรดาหัวหน้ากบฏราว 40 คน ถูกประหาร ที่เหลือถูกเฆี่ยนและปล่อยตัวไปครับ จากเหตุการณ์นี้ว่ากันว่าทำให้คนอยุธยาจับตามองและรังเกียจคนจีนไปเป็นพักใหญ่เลยทีเดียว
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จล้อมช้างและให้คนช่วยเสาะหาอยู่นานแต่ก็ไม่พบช้างเผือกที่เป็นที่ถูกพระทัย จนสุดท้ายพระแก้วฟ้าหรือนักแก้วฟ้ากษัตริย์ของกัมพูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากกรุงศรีอยุธยาพอทราบข่าวก็ได้จัดเตรียมนำช้างเผือกเพศเมียมาถวาย แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีของอยุธยากับกัมพูชาในตอนนั้น
ทางด้านศาสนามีเกร็ดที่น่าสนใจอยู่ครับ ยุคสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศช่วงนี้ตรงกับยุคของพระเจ้าเกียรติศิริราชสิงหะของประเทศศรีลังกา คือก่อนหน้านี้เนี่ยศรีลังกาก็เป็นเหยื่อการล่าอาณานิคมของพวกยุโรปครับก็เลยได้รับอิทธิพลของคริสตศาสนาเข้ามาในประเทศ บางช่วงเวลากษัตริย์ก็หันไปนับถือศาสนาฮินดูอย่างเคร่งครัดจนถึงกับเผาคัมภีร์ทางพุทธศาสนารวมทั้งทำการปราบปรามพระสงฆ์เลยทีเดียว
ทีนี้พอขับไล่พวกยุโรปสำเร็จแล้วก็พบว่าพุทธศาสนาเสื่อมโทรมลงไปมากเลยครับ แต่พระเจ้าเกียรติศิริราชสิงหะเป็นชาวพุทธที่เคร่งศาสนาคนหนึ่งเลยครับ ก็เลยมีความคิดจะฟื้นฟูพุทธศาสนาแต่หันมองไปรอบ ๆ บ้านชาติอื่น ๆ ก็มีแต่คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู หันไปไม่เจอใครจนกระทั่งได้ยินพ่อค้าร่ำลือว่ากรุงศรีอยุธยาช่วงนี้เนี่ยเจริญรุ่งเรืองมาก ศรีลังกาจึงได้แต่งฑูตไปกรุงศรีอยุธยาเลยครับเพื่อเชิญพระสงฆ์ให้เดินทางไปศรีลังกาเพื่ออบรมชาวเมือง
ว่ากันว่าครั้งแรกเนี่ยที่ล่องเรือไปปรากฏว่าเรือเจอพายุล่มครับ พระสงฆ์อยุธยาหายไปกับทะเลหมดแต่ยังดีที่คณะฑูตรอด พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงส่งพระสงฆ์ไปอีกครั้งครับ
พระสงฆ์ที่ถูกส่งไปรอบสองก็คงมีหวั่น ๆ บ้างแหละครับ แต่ทว่ารอบสองนี้สำเร็จครับ พระสงฆ์จากอยุธยาสามารถไปเผยแพร่ศาสนาที่ศรีลังกาได้เป็นผลสำเร็จและได้ทำการอุปสมบทให้สามเณรท่านหนึ่งนามว่าสามเณรสรณังกร ซึ่งภายหลังได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชของศรีลังกาครับ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ศาสนาพุทธในศรีลังกาเบ่งบานจนกลายเป็นศาสนาหลักจนถึงทุกวันนี้
ยุคสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศถือเป็นยุคทองยุคหนึ่งเลยครับ บ้านเมืองสงบสุข มีขุนนางที่เติบโตในยุคสมัยของพระองค์หลายคนที่กลายเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองอาทิ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือพระเจ้าตากสิน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ของราชวงศ์จักรี เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์หรือเจ้าฟ้ากุ้ง พระโอรสและกวีชื่อดัง
ทีนี้มาที่ตัวละครสำคัญอีกคนหนึ่งในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศที่จะไม่เล่าไม่ได้เลยครับนั่นคือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์หรือเจ้าฟ้ากุ้งที่ผมเพิ่งเกริ่นไปเมื่อครู่นี้เอง นอกจากพระองค์จะเป็นเจ้าฟ้า กวีชื่อดังแล้ว ครั้งหนึ่งเคยเป็นวังหน้าผู้มีสิทธิจะสืบบัลลังก์ด้วยครับ แต่ชีวิตของพระองค์ก็ถึงจุดหักเหทำให้พลาดไป โดยครั้งหนึ่งครับพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเกิดประชวร ทำให้เจ้าฟ้านเรนทร์ซึ่งตอนนี้เป็นพระไปแล้วมาเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งถ้าท่านผู้ฟังจำได้ว่าพระองค์นี้เป็นหลานรักของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศที่บวชเป็นพระหลีกทางให้อาขึ้นเป็นกษัตริย์ เจ้าฟ้ากุ้งพอทราบก็กลัวว่าพระภิกษุนเรนทร์จะมาแย่งบัลลังก์ตัวเองจึงได้ลักลอบพกดาบเข้าไปฟัน แต่ไม่รู้ว่าพลาดหรืออะไรครับฟันโดนแค่จีวรขาด พอพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศตรัสถามเจ้าฟ้านเรนทร์ก็ตอบว่าโดนเจ้าฟ้ากุ้งหยอก ทำให้พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศโกรธมากครับ
เจ้าฟ้ากุ้งพอก่อเรื่องเสร็จก็เลยหนีไปบวช แม้ภายหลังจะได้รับการอภัยโทษให้กลับมาเป็นวังหน้าอีกครั้งแต่สุดท้ายก็ดันมีเรื่องชู้สาวกับพระสนมของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจนถูกสั่งเฆี่ยนจนถึงแก่ความตาย เรื่องราวเต็ม ๆ ของเจ้าฟ้ากุ้งนี่เล่าแยกได้อีกตอนหนึ่งเลยครับ ไว้มีโอกาสผมจะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ
ทีนี้พอเจ้าฟ้ากุ้งไม่อยู่แล้ว พระเจ้าเอกทัศน์ก็เลือกให้พระราชโอรสองค์เล็กอย่างเจ้าฟ้าอุทุมพรเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ซึ่งภายหลังจะกลายเป็นพระเจ้าอุทุมพรกษัตริย์องค์ต่อไปครับ แต่กระนั้นการไม่ยกบัลลังก์ให้ลูกคนโตก็จะเข้าสูตรเดิมเลยครับทำให้พระราชโอรสองค์ที่โตกว่าอย่างเจ้าฟ้าเอกทัศน์ก็ไม่พอใจสิครับ ซึ่งเรื่องราวของเจ้าฟ้าอุทุมพรและเจ้าฟ้าเอกทัศน์ก็จะบานปลายเป็นความวุ่นวายได้อีก ซึ่งสามารถเล่าแยกได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งได้เช่นกันครับ ซึ่งก็ขอติดไว้เล่าคราวหลัง
ยุคสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแม้จะถูกยกย่องว่าเป็นยุคที่บ้านเมืองดี มีการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สร้างวัดวาอารามมากมาย ศิลปวัฒนธรรมเจริญงอกงาม มีกวี วรรณกรรม และศิลปินชื่อดังมากมาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีปัญหาการคอร์รัปชันสูงยุคหนึ่งเลยครับ บรรดาพ่อค้าขุนนางรวมหัวกันเอาเปรียบประชาชน มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง มีการเลี้ยงดูโจรไว้เป็นกองกำลังของตัวเองด้วย แม้พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะพยายามออกกฎหมายหลายฉบับมาปราบปรามแต่ก็ไม่หมดไปง่าย ๆ
สุขภาพของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรุดโทรมลงตามกาลเวลาครับ จนกระทั่ง พ.ศ.2301 หลังพระองค์ครองราชย์รวม 26 ปี พระองค์ก็เสด็จสวรรคตด้วยพระชนม์ 78 พรรษา ซึ่งในสมัยนั้นใครจะอยู่ถึง 78 ปีได้นี่ถือว่าอายุยืนมาก ๆ เลยครับ พระศพของพระองค์ก็ถูกจัดอย่างสมพระเกียรติ และเจ้าฟ้าอุทุมพรก็ขึ้นเป็นพระเจ้าอุทุมพรครองราชย์สืบต่อไป
#พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ #พรหมลิขิต #ประวัติ #พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ #history #ที่นี่มีเรื่องเล่า #ประวัติศาสตร์ #longstoryshort
โฆษณา