Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Digital Military
•
ติดตาม
11 ส.ค. เวลา 23:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สงครามยุคข้อมูล: เมื่อ AI, อิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูล กลายเป็นอาวุธหลักของโลก
โดย Digital Military 12 สิงหาคม 2568
แนวโน้มของการทำสงครามยุคใหม่ที่เน้น "ข้อมูลเป็นศูนย์กลาง" (Data-Centric Warfare)
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โลกได้เห็นการขยับตัวครั้งใหญ่ของกองทัพหลายประเทศที่มุ่งหน้าเข้าสู่ยุคสงครามบนพื้นฐานของข้อมูลและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งต่างเร่งพัฒนาอาวุธดิจิทัล และระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อเสริมศักยภาพของตนบนสนามรบที่ไม่ได้จำกัดแค่บนพื้นดินหรือในอากาศอีกต่อไป
หนึ่งในข่าวที่โดดเด่นที่สุดคือการที่บริษัท Palantir Technologies ได้รับสัญญามูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ จากกองทัพบกสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการระบบควบคุมบังคับบัญชา (C4ISR) และระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางยุทธวิธีโดยใช้ AI และ Big Data ขั้นสูง การลงทุนครั้งนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของ “ข้อมูล” ในฐานะทรัพยากรหลักของการทำสงครามสมัยใหม่ ไม่ใช่แค่เพื่อการวางแผนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตอบสนองต่อสถานการณ์ในสนามรบแบบเรียลไทม์
แนวความคิดของระบบควบคุมบังคับบัญชา C4ISR
ขณะเดียวกัน การป้องกันและโจมตีด้วยสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์หรือสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW: Electronic Warfare) ก็กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เครื่องบิน EA‑37B Compass Call รุ่นใหม่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ทำหน้าที่รบกวนสัญญาณสื่อสารและเรดาร์ของศัตรู เริ่มปฏิบัติการแล้ว
เช่นเดียวกับโดรนขนาดเล็กชื่อ “StormShroud” ของอังกฤษ ที่ใช้เทคโนโลยี BriteCloud เพื่อลวงและทำลายระบบเรดาร์ของฝ่ายตรงข้ามในระยะประชิด ซึ่งบ่งชี้ว่ากองทัพกำลังพัฒนาอาวุธที่ไม่ใช่แค่ยิงกระสุน แต่สามารถ "ทำลายข้อมูล" และ "ทำให้การสื่อสารผิดพลาด" ต่อข้าศึกแทน
ด้านประเทศจีน เอกสารที่รั่วไหลเผยให้เห็นว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) ได้พยายามจัดซื้อชิป AI ประสิทธิภาพสูงจาก Nvidia เช่น H100 และ RTX 6000 เพื่อนำไปใช้งานในระบบเซิร์ฟเวอร์ AI รวมถึงหุ่นยนต์ทหาร 4 ขา ซึ่งคาดว่าอาจมีบทบาทในการลาดตระเวนหรือทำหน้าที่แนวหน้าแบบอัตโนมัติ ความพยายามนี้สะท้อนถึงการแข่งขันด้าน AI ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในภาคพลเรือน แต่ลามไปถึงสนามรบ
อีกหนึ่งแนวโน้มที่สำคัญคือการพัฒนา AI แบบออฟไลน์ (on-chip AI) โดยอดีตเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ห่างไกลหรือในภารกิจที่ต้องการความปลอดภัยสูง โดยไม่เสี่ยงต่อการถูกแฮ็กหรือรบกวนจากไซเบอร์
สุดท้าย รายงานวิจัยล่าสุดยังกล่าวถึงการผสมผสานระหว่าง AI กับระบบเครือข่ายทางทหารแบบ self-healing networks ซึ่งจะสามารถกู้คืนระบบได้เองเมื่อถูกโจมตี ตอกย้ำถึงยุทธศาสตร์ "Data-Centric Warfare" ที่กำลังกลายเป็นแกนหลักของกองทัพยุคดิจิทัล
ยุทธศาสตร์ทางทหารในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้วัดกันด้วยปืนกลหรือรถถังเท่านั้น แต่อาศัยข้อมูล สัญญาณ และอัลกอริธึมเป็นหัวใจหลัก ทั้ง Palantir, Nvidia, หรือแม้แต่โดรน StormShroud ต่างเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของสงครามที่ไร้กระสุนแต่เต็มไปด้วย “ข้อมูล” และ “การตัดสินใจด้วย AI”
เมื่อทุกคำสั่งยิงอาจเกิดขึ้นจากการวิเคราะห์ของระบบปัญญาประดิษฐ์ และการป้องกันไม่ใช่เพียงแค่เกราะกันกระสุน แต่เป็น firewall ป้องกันข้อมูล คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า “ใครมีอาวุธมากกว่า” แต่อาจกลายเป็น “ใครเข้าใจข้อมูลดีกว่า”
■
อ้างอิง
[1] "US Army Seeks AI to Tame the Chaos of Combat Skies."
https://thedefensepost.com/2025/08/04/ai-army-combat-skies/
[2] C4ISR news,
https://www.defenseone.com/topic/c4isr/
[3] Electronic Warfare/Countermeasures news,
https://www.twz.com/category/electronic-warfare-countermeasures
[4] Electronic warfare news,
https://www.airandspaceforces.com/tag/electronic-warfare/
[5] cognitive electronic warfare news,
https://breakingdefense.com/tag/cognitive-electronic-warfare/
[6] "AI-Driven Tactical Communications and Networking for Defense: A Survey and Emerging Trends."
https://arxiv.org/abs/2504.05071
เทคโนโลยี
ข่าวรอบโลก
ai
บันทึก
1
4
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย