6 ส.ค. เวลา 15:35 • ความคิดเห็น
..ปลูกฝังนิสัยดี ให้แก่จิตที่อยู่ในกาย .นั้นต้องใช้กายฝึกหัด ทำมันขึ้นมา .เหมือนเด็กออกมาจากท้องแม่ เค้าก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่ เริ่มต้นเรียนรู้ไม่ หากไม่มีใครสอน เค้าจะรู้เองได้มั้ย หรือ ว่า หลุดจากท้องแม่ .ทำอะไรเองได้เลย พูดจารู้เรื่องได้เลย
มีคำหนึ่ง ที่คนรุ่นก่อน เค้าพูดกันว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง คำนี้ มันรวมอะไรหลายเรื่อง ที่สอนให้เด็ก ฝึกหัด ทั้งกิริยามารยาท คำพูดคำจา สังคนนั้นก็เป็นสังคมเกษตรพึ่งพากัน เห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป ให้รู้จักว่า สิ่งไหนควรกระทกควบคุมกายวาจาใจ ทั้งเรื่องราวคำพระคุณพ่อแม่ แต่เมื่อยุคสมัย มันเปลี่ยนแปลงไป ที่เค้าว่า พัฒนา ..มันก็เปลี่ยนแปลงไปมาก
เหมือนบ้านอยู่ใกล้กัน ก็ไม่รู้จักกัน พอตื่นมาก็ต่างคนต่าง ออกไปทำม่าหากิน เย็นก็กลับบ้านนอน บ้านก็อยู่กันไม่กี่คน พอกับบ้าน ต่าวคนก็ต่างก้มหน้าก้มต่าง จ้องมอง จอเล็ก ที่มีเรื่องราวภาพ แสง สีเสียง ให้ไปจมอยู่กับตรงนั้น หากมองดูกาย ที่เหมือนเครือวงบันทึก คล้ายกล้องวิดีโอ มันก็บันทึกเรื่องราวต่างๆ เก็บเข้ามา มันเป็นอารมณ์สะสมในกาย
ใช้กายมานาน นานด้วยใช้ตาใช้หู บันทึกภาพและเสียง ไปกายก็หนัก จิตก็หนัก สมองมึนงง สับสบ .เส้นเลือตตรงนั้นตรงนี้ อุดตัน เบือดก็เป็นแต่สีดำ สีม่วง หม่เกิดเป็นสีแดง ลมที่เข้าออกก็ไม่บริสุทธิ์ หายใจไม่ทั่วท้อง เพราะใช้กายนี้ ขนเองสิ่งนั้นสิ่งนี้ ที่เค้าว่าสะสมอารมณ์กรรมตัวกระทำมากมายก่ายกอง แล้วก็มีเรื่องที่อยู่ใกล้กัน แต่ก็ไม่รู้จักจักกัน ตาอยู่ใกล้หู หูก็ไม่รู้จักตา
โฆษณา