6 ส.ค. เวลา 23:51 • ธุรกิจ

📉 หุ้น OR – 5 ปีที่ผ่านมาราคาลดลงกว่า 50 %

OR คืออะไร? 🚀
OR หรือชื่อเต็มคือ PTT Oil and Retail Business Public Company Limited
คือบริษัทลูกของ ปตท. ที่แยกตัวออกมาเพื่อดูแล “ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก” โดยเฉพาะ
🔧 ธุรกิจหลักของ OR แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่
1️⃣ ธุรกิจน้ำมัน (Oil Business)
คือการขายน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านปั๊มน้ำมัน PTT Station ทั่วประเทศ
รายได้หลักของบริษัทกว่า 80% ยังคงมาจากธุรกิจนี้
2️⃣ ธุรกิจค้าปลีกและบริการ (Non-Oil Business)
เช่นร้านกาแฟ Café Amazon, ร้านอาหาร Texas Chicken, ธุรกิจซักผ้า, ร้านสะดวกซื้อ และบริการต่าง ๆ ในปั๊ม
3️⃣ ธุรกิจต่างประเทศ (International Business)
เป็นการขยายแบรนด์ PTT และ Café Amazon ไปในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์
☕ จุดแข็งสำคัญของ OR คือการมี “สถานีบริการน้ำมัน” เป็นฐานลูกค้า และสามารถต่อยอดบริการได้หลายอย่างในจุดเดียว (One-stop service)
ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2564 ไม่มีใครไม่รู้จัก OR
วัน IPO ราคาที่ 18 บาทถูกมองว่า “คุ้มค่า” จนมีนักลงทุนจองล้นทะลัก และในวันแรกที่เปิดเทรด ราคาก็พุ่งแตะ 26 บาท ก่อนจะทะยานขึ้นไปสูงสุดที่ 36 บาทในวันที่สอง
ตอนนั้น OR คือปรากฏการณ์ คือความหวัง คือหุ้นที่ใคร ๆ ก็อยากได้ไว้ในพอร์ต
แต่เวลาผ่านไปไม่กี่ปี… ราคากลับมาหยุดอยู่ที่จุดเริ่มต้น
26 บาท → 13 บาท = -50%
นักลงทุนหลายคนเริ่มตั้งคำถาม ว่าแท้จริงแล้ว OR ดีแค่ภาพ หรือมีปัญหาที่ลึกกว่านั้น?
🛣️ OR มีทุกอย่างที่บริษัทใหญ่ควรมี
ปั๊ม PTT ครองตลาดอันดับหนึ่ง
Cafe Amazon เต็มทุกหัวเมือง
การลงทุนในต่างประเทศก็เริ่มมีให้เห็น
แถมยังเข้าไปซื้อธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มระดับกลางหลายแบรนด์
ดูเหมือนว่า “ภาพรวมดี” แต่ “ผลลัพธ์กลับไม่ตอบโจทย์”
นั่นเพราะ OR เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่โตลำบากในประเทศ
ปั๊มน้ำมันขยายได้ปีละร้อยสาขา
คาเฟ่ขยายได้ปีละสามร้อย
แต่ฐานเดิมใหญ่มาก จึงแทบไม่ส่งผลชัดเจนต่อรายได้หรือกำไร
การเติบโตจึงถูกฝากไว้กับ “ต่างประเทศ”
แต่ธุรกิจเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้จริง
รายได้เพิ่ม กำไรกลับยังอยู่ที่เดิมราว ๆ 0.90 บาทต่อหุ้น
แม้จะใช้เงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เมื่อกำไรไม่โต… ตลาดก็ลดความคาดหวัง
จาก PE เกือบ 30 เท่า → เหลือเพียง 10-15 เท่า
ราคาหุ้นจึงไหลกลับมาอยู่แถว ๆ จุดเริ่มต้น
🧭 ท่ามกลางความพยายามในการหาธุรกิจใหม่ของ OR ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่, ชานม, อาหารพร้อมรับประทาน, หรือการทดลองลงทุนในเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ สิ่งที่นักลงทุนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามคือ… “อะไรคือ New S-Curve ที่แท้จริงของบริษัท?”
เพราะจนถึงตอนนี้ หลายโปรเจกต์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นหรือไม่มีผลเชิงกำไรที่ชัดเจน รายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจาก “น้ำมัน” และ “กาแฟ” เป็นหลัก
📉 ตลาดอาจเริ่มหมดความหวังกับการ Diversify ที่ยังไม่ตอบโจทย์ในแง่ scale และ กำไร ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนในตลาดทุนให้คุณค่า
🍽️ ตัวอย่างเดียวที่ดูเป็นรูปธรรม คือ “โอ้กระจู๋ (OKJ)” ร้านอาหารสุขภาพจากเชียงใหม่ ที่ OR เข้าลงทุนและผลักดันเข้าสู่ตลาดทุนในชื่อ “OKJ” ซึ่งถือว่าเป็นการสร้าง success case ที่จับต้องได้จริง
แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยน Narrative ของบริษัททั้งกลุ่มได้
🔥 จุดนี้เองที่ทำให้ราคาหุ้น OR ไม่สามารถฟื้นตัวได้แม้ SET จะรีบาวด์ขึ้นมาแล้ว นักลงทุนบางส่วนจึงเริ่มเปรียบ OR กับ “หุ้นที่ติดอยู่ในโครงสร้างเดิม” ซึ่งต้องการมากกว่าแค่ การขยาย แต่ต้องมี ภาพใหม่ที่คนเชื่อมั่นได้
💡 นักลงทุนที่อยู่ถึงวันนี้ คงไม่ใช่สายเก็งกำไร
แต่น่าจะเป็นสายมองไกล เชื่อมั่นว่าอีก 3–5 ปีข้างหน้า OR จะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าโมเดลธุรกิจใหม่นั้นสร้างกำไรได้จริง
อย่างไรก็ตาม เวลาคือเงื่อนไขที่โหดร้าย
เพราะในโลกของตลาดหุ้น ถ้าไม่ชัดเจนพอ… เม็ดเงินก็จะไหลไปหาตัวอื่น
#หุ้นพอร์ทระเบิด
#หุ้นไทยวันนี้
#PTT
#OR
โฆษณา