องุ่น ประโยชน์ต่อความดัน หัวใจ
องุ่น (Grape) เป็นผลไม้ที่มีประวัติยาวนานกว่า 8,000 ปี มีต้นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง โดยเฉพาะบริเวณเปอร์เซีย (ปัจจุบันคืออิหร่าน) และคอเคซัส องุ่นเป็นพืชในสกุล *Vitis* โดยสายพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุดคือ *Vitis vinifera* ซึ่งถูกนำไปเพาะปลูกทั่วโลก องุ่นมีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งสีเขียว แดง และม่วง ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีรสชาติและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ในประเทศไทย
องุ่นได้รับความนิยมในการปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น เช่น ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสายพันธุ์ที่นิยม ได้แก่ องุ่นไร้เมล็ด (Seedless Grapes) และองุ่นแดง
ประโยชน์ขององุ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัย
องุ่นไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้:
1. **อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ**
- องุ่น โดยเฉพาะองุ่นแดงและม่วง มีสาร *resveratrol* ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ การวิจัยจาก *Journal of Agricultural and Food Chemistry* (2010) พบว่า resveratrol ช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด
- สาร *flavonoids* ในองุ่น เช่น quercetin และ anthocyanins มีส่วนช่วยลดการอักเสบและป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย (*Nutrition Reviews*, 2016)
2. **ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ**
- การบริโภคองุ่นช่วยลดความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอล การศึกษาใน *Journal of Nutrition* (2015) พบว่าการบริโภคองุ่นทุกวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยลดความดันโลหิตซิสโตลิกในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
- สารโพลีฟีนอลในองุ่นช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือดและลดการสะสมของคราบพลัค (*American Journal of Clinical Nutrition*, 2012)
3. **บำรุงสมองและความจำ**
- การวิจัยจาก *British Journal of Nutrition* (2010) ระบุว่าสารประกอบในองุ่น เช่น โพลีฟีนอล ช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาท ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
- การบริโภคองุ่นหรือน้ำองุ่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้และความจำในหนูทดลอง (*Journal of Neuroscience*, 2008)
4. **ต้านมะเร็ง**
- สาร resveratrol และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ในองุ่นมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง การศึกษาใน *Carcinogenesis* (2006) พบว่า resveratrol สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ในหลอดทดลอง
- องุ่นยังมีสาร proanthocyanidins ซึ่งช่วยลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง (*Cancer Letters*, 2008)
5. **ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด**
- องุ่นมีดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) อยู่ในระดับปานกลาง การศึกษาใน *Journal of Food Science* (2014) พบว่าการบริโภคองุ่นในปริมาณที่เหมาะสมช่วยปรับปรุงความไวของอินซูลินในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2
6. **บำรุงผิวพรรณ**
- สารต้านอนุมูลอิสระในองุ่นช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีและชะลอการเกิดริ้วรอย การวิจัยใน *Journal of Cosmetic Dermatology* (2017) ระบุว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
ข้อแนะนำในการบริโภค
- ควรบริโภคองุ่นในปริมาณที่เหมาะสม (ประมาณ 1-2 ถ้วยต่อวัน) เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับน้ำตาลมากเกินไป
- เลือกองุ่นที่สด สะอาด และล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน
- องุ่นสามารถบริโภคได้ทั้งแบบสด น้ำองุ่น หรือองุ่นแห้ง (ลูกเกด) แต่ควรระวังปริมาณน้ำตาลในองุ่นแห้ง
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด เช่น warfarin ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคองุ่นในปริมาณมาก เนื่องจาก resveratrol อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรบริโภคองุ่นในปริมาณที่เหมาะสมและติดตามระดับน้ำตาลในเลือด
สรุป
องุ่นเป็นผลไม้ที่ไม่เพียงแต่อร่อยและหลากหลายในการใช้งาน แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยมากมาย การบริโภคองุ่นอย่างเหมาะสมสามารถช่วยบำรุงหัวใจ สมอง ผิวพรรณ และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา journal of food science 2014
nutrition review 2016
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
