8 ส.ค. เวลา 19:40 • ท่องเที่ยว

EP#14 อุโมงค์ใต้ทะเลของนอร์เวย์ - เมื่อภูมิประเทศกลายเป็นครู และความชำนาญกลายเป็นคำตอบ

ลองจินตนาการถึงประเทศที่ทอดตัวยาวทางตอนเหนือของยุโรป ที่เต็มไปด้วยภูเขาที่สูงตระหง่าน ทะเลลึก หิมะปกคลุม ต้นไม้สูงชัน หน้าผาและฟยอร์ด รวมไปถึงหมู่เกาะมากกว่าสามหมื่นแห่ง
“นอร์เวย์” ดินแดนแห่งฟยอร์ดที่งดงามจนเหมือนหลุดมาจากนิยายเทพเจ้า แต่การเดินทางในอดีตคงไม่ใช่เรื่องง่าย ฟยอร์ดลึกคดเคี้ยวเหมือนเส้นเลือดของโลก ภูเขาสูงชันจรดฟ้า ทะเลหนาวเย็นแผ่ขยายรอบประเทศ และในฤดูหนาว ท้องฟ้าจะมืดเร็ว หิมะจะถาโถม และน้ำแข็งจะกัดกินการเดินทางทุกเส้นทาง
ถ้ามองด้วยสายตาจากภายนอก เราอาจเห็นว่านี่คือ “ข้อจำกัด”แต่นอร์เวย์มองสิ่งเหล่านี้ว่าเป็น “โจทย์”
และตลอดร้อยปีที่ผ่านมา พวกเขาก็ค่อยๆ แก้โจทย์นั้นด้วยวิธีคิดที่ลึกซึ้งจนกระทั่งวันนี้ นอร์เวย์กลายเป็นประเทศที่มี อุโมงค์ใต้ทะเลมากที่สุดในโลก
⛰️ ภูมิประเทศที่บีบให้คนต้องคิดแบบใหม่
ในประเทศที่มีฟยอร์ดเป็นร้อย ทะเลสาบเป็นพัน และเกาะกระจายตัวทั่วชายฝั่ง แม้จะมีเงิน มีเทคโนโลยี หรือมีแรงงานมากเท่าไร การสร้าง “ถนน” หรือ “สะพาน” ให้เชื่อมทุกพื้นที่เข้าด้วยกัน ก็แทบเป็นไปไม่ได้
หลายร้อยปีที่ผ่านมา ชาวนอร์เวย์ต้องเดินทางด้วยเรือเท่านั้น เด็กบางคนต้องรอให้น้ำแข็งละลายก่อนถึงจะไปโรงเรียนได้ การเดินทางในช่วงหิมะหนาก็เป็นเรื่องยาก คนไข้ฉุกเฉินต้องลุ้นกับสภาพอากาศ ว่าจะข้ามฝั่งได้ทันเวลาหรือไม่
นี่ไม่ใช่เรื่องของความสะดวก แต่มันคือเรื่องของ “คุณภาพชีวิต” และ “ความเท่าเทียม” เมืองใหญ่ในแผ่นดินใหญ่มีทุกอย่าง แต่ชุมชนเล็กๆ บนเกาะ หรือริมฟยอร์ดลึก ต้องพึ่งดินฟ้าอากาศและเรือไม้
ก่อนที่นอร์เวย์จะสร้างอุโมงค์ใต้ทะเลได้นั้น พวกเขามีประสบการณ์ด้านการขุดอุโมงค์มาก่อนอย่างไร
 
⛏️ ก่อนจะลึกลงใต้ทะเล “ความชำนาญ” ของนอร์เวย์ด้านอุโมงค์
กว่าจะมาถึงวันที่ “ทะเล” ไม่อาจขวางกั้นการเดินทางของ
ประเทศ เราต้องเดินทางผ่าน “ภูเขา” มานับร้อยปีมาก่อน
และสิ่งที่น่าทึ่งคือ นอร์เวย์ไม่ได้เริ่มต้นจากความหวือหวา
พวกเขาเริ่มจาก ความจำเป็นจากการฟังธรรมชาติ
และจากการสั่งสม “ภูมิปัญญา” แบบค่อยเป็นค่อยไป
ภูมิประเทศของนอร์เวย์นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ “ขรุขระที่สุดในยุโรป”
• ฟยอร์ดลึกเฉือนเข้าสู่แผ่นดินเหมือนแผลยาว
• เทือกเขาสูงตระหง่านปิดกั้นเส้นทางระหว่างเมือง
• และพื้นที่ราบมีอยู่น้อยมาก โดยเฉพาะตามแนวชายฝั่ง
⛏️ รากฐานจากเหมือง: เมื่อวิศวกรรมใต้ดินเริ่มต้นในศตวรรษที่ 17
เรื่องราวของการขุดอุโมงค์ในนอร์เวย์นั้นเริ่มมานานแล้ว
ไม่ใช่เพื่อรถยนต์ ไม่ใช่เพื่อรถไฟ แต่เพื่อแร่ธาตุ
ในยุคศตวรรษที่ 17–18 นอร์เวย์เป็นแหล่งแร่โลหะสำคัญของยุโรป โดยเฉพาะแร่เงิน แร่ทองแดง และแร่เหล็ก
เมืองอย่าง Kongsberg และ Røros มีเหมืองใต้ดินที่ลึกและซับซ้อนที่สุดในภูมิภาค
• การขุดเจาะในยุคนั้นยังไม่มีเครื่องจักร
• ต้องใช้แรงงานมนุษย์กับระเบิดดินปืนแบบโบราณ
• และต้องเรียนรู้วิธี “ค้ำยันหิน”, “ระบายอากาศ” และ “ป้องกันน้ำใต้ดิน”
นี่คือ “โรงเรียนของวิศวกรรมใต้ดิน” สำหรับนอร์เวย์
เพราะมันทำให้ประเทศนี้คุ้นเคยกับการเจาะเข้าไปในภูเขา
ทั้งจากมุมความปลอดภัย ความชื้น ความเสี่ยงจากแรงดันดิน และกลายเป็นพื้นฐานที่แข็งแรงของอุตสาหกรรมอุโมงค์ในเวลาต่อมา
🚂 จากเหมืองสู่ทางรถไฟ: อุโมงค์แห่งการเชื่อมโยงผู้คน
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 นอร์เวย์ก็เข้าสู่ยุคของ “รถไฟ” แต่เนื่องจากประเทศนี้เต็มไปด้วยภูเขา รถไฟจึงไม่สามารถวิ่งตามแนวราบได้ การขุดอุโมงค์ลอดภูเขาจึงกลายเป็นสิ่งที่ต้องทำ และนั่นทำให้นอร์เวย์เริ่มพัฒนาเทคนิคการขุดอุโมงค์ขนาดใหญ่
ตัวอย่างเช่น:
• เส้นทางรถไฟ Bergen Line (Bergensbanen) ซึ่งเปิดใช้งานในปี 1909 ต้องเจาะผ่านเทือกเขาสูงหิมะหนาในระดับความสูงกว่า 1,200 เมตร
• มีการขุดอุโมงค์มากกว่า 180 แห่งในเส้นทางเดียว
• และในช่วงเวลานั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในงานวิศวกรรมที่โหดที่สุดในยุโรป
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นอร์เวย์ไม่ได้แค่เชื่อมเมืองด้วยรางรถไฟ
แต่พวกเขาได้ ฝึกฝนความชำนาญ ด้านการสำรวจธรณี การระบายความชื้นในอุโมงค์ และการจัดการความปลอดภัยในพื้นที่ปิด
🚗 อุโมงค์ถนน จุดเปลี่ยนของการเดินทางภายในประเทศ
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลนอร์เวย์เริ่มตระหนักว่า
ถนน คือปัจจัยสำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชน
แต่จะสร้างถนนอย่างไรในประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขา?
คำตอบก็คือ: ลอดมันไปเลย
นับจากทศวรรษ 1950 นอร์เวย์เริ่มขุดอุโมงค์ถนนขนาดยาว ลึก และซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาสร้างอุโมงค์ในทุกภูมิภาค แม้ในพื้นที่ห่างไกลที่สุด ก็ยังสามารถสร้างถนนลอดเขาให้คนขับรถได้อย่างปลอดภัย แม้ในฤดูหนาว
ความรู้ที่พัฒนาขึ้นในช่วงนี้ทำให้นอร์เวย์กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มี “ความเชี่ยวชาญด้านการสร้างอุโมงค์บนภูเขา” ที่สุดในโลก
ดังนั้น สำหรับนอร์เวย์ การขุด “อุโมงค์ลอดภูเขา” ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่มันคือ สิ่งจำเป็น เพื่อให้คนในประเทศเดินทางได้จริง
🌊 แล้ววันหนึ่ง ก็ถึงเวลาเจาะลงใต้ทะเล
เมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 1970–1980 รัฐบาลนอร์เวย์เริ่มตั้งคำถามใหม่ :
“เราสามารถขุดลอดภูเขาได้…
แล้วเราจะขุดลอดทะเลได้ไหม?”
คำตอบคือ : ได้
แต่ต้องอาศัยประสบการณ์ทั้งหมดที่เคยสะสมมา
เพราะการขุดอุโมงค์ใต้ทะเลมีปัจจัยพิเศษเพิ่มเข้ามา เช่น:
• แรงดันน้ำมหาศาลจากทุกทิศทาง
• ความเสี่ยงจากน้ำทะเลรั่วซึม
• การระบายอากาศในอุโมงค์ยาวหลายกิโลเมตร
• ระบบหนีภัยในพื้นที่ที่อยู่ลึกเกือบ 300 เมตรจากผิวน้ำ
🧠 แล้ววันหนึ่ง วิศวกรรมก็เปลี่ยนวิถีชีวิต
ในปี 1982 อุโมงค์ใต้ทะเลแห่งแรกของนอร์เวย์ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองเล็กๆ มีชื่อว่า Vardø ที่นี่คือเกาะเล็กๆ ในฟินน์มาร์ก ทางเหนือของประเทศ ก่อนหน้านั้น ชาวบ้านต้องใช้เรือทุกครั้งหากจะเข้าสู่แผ่นดินใหญ่
แต่อยู่ดีๆ โลกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่ออุโมงค์ยาวเกือบ 3 กิโลเมตร ลอดทะเลน้ำแข็งลึกลงไปกว่า 80 เมตร กลายเป็นเส้นทางเชื่อมชีวิต
ไม่ใช่แค่สะดวก ไม่ใช่แค่รวดเร็ว แต่นั่นคือครั้งแรกที่ผู้คนรู้สึกว่า “เราไม่ได้อยู่ห่างไกลอีกต่อไป”
📜 จากอุโมงค์แรก สู่เครือข่ายใต้ทะเลระดับโลก
นับจากวันนั้น นอร์เวย์ก็ไม่หยุดอยู่แค่การเชื่อมเกาะกับแผ่นดิน พวกเขาค่อยๆ พัฒนาองค์ความรู้ การสำรวจใต้ทะเล การออกแบบทางธรณีวิทยา และการสร้างโครงสร้างที่ทนแรงดันมหาศาลจากน้ำทะเล
จนนำไปสู่โครงการอุโมงค์ระดับโลกอย่าง Ryfylke Tunnel อุโมงค์นี้ยาวกว่า 14.4 กิโลเมตร และลึกเกือบ 300 เมตรใต้ทะเล กลายเป็นอุโมงค์ใต้ทะเลที่ลึกและยาวที่สุดในโลกเมื่อเปิดใช้งานในปี 2019
หรืออย่าง Rogfast Project ที่กำลังก่อสร้าง จะยาวเกือบ 27 กิโลเมตร และลึกกว่า 390 เมตร — น่าจะเป็นอุโมงค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในอนาคต
🧰 วิศวกรรมที่ลึกกว่าทะเล
การขุดอุโมงค์ใต้ทะเล ไม่ใช่แค่การเจาะหิน แต่มันคือการคำนวณแรงดันน้ำมหาศาล ระบบระบายอากาศ ความปลอดภัย อัคคีภัย แรงสั่นสะเทือนใต้ทะเล และปัจจัยด้านธรณีวิทยาอีกนับไม่ถ้วน
ทุกโครงการ ต้องใช้เวลาไม่ใช่แค่ปีสองปี แต่ต้องศึกษาและวางแผนล่วงหน้าหลายสิบปี เพราะเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่ “ทำให้เสร็จ” แต่คือ “ทำให้ยั่งยืน และปลอดภัยทุกวัน ตลอดหลายชั่วอายุคน”
🧭 นี่ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี แต่มันคือวัฒนธรรม
วิศวกรรมของนอร์เวย์ไม่ได้เกิดจากความฉลาดทันสมัย
แต่มันเกิดจาก “วัฒนธรรมการฟังธรรมชาติ” พวกเขาไม่พยายามเอาชนะฟยอร์ด ด้วยสะพานยักษ์ แต่เลือกที่จะ “หลบลงใต้ทะเล” เพื่อรักษาทัศนียภาพ รักษาระบบนิเวศ และเคารพภูมิประเทศที่ตนเองอยู่ร่วม
นอร์เวย์ไม่เคยเป็นประเทศที่เน้นการสร้างสิ่งที่ใหญ่ที่สุด
แต่เป็นประเทศที่เน้น การสร้างในสิ่งที่จำเป็นที่สุด ด้วยความเข้าใจลึกซึ้ง และใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ
🧩 เพราะอุโมงค์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ “โครงสร้าง” แต่มันคือ “โครงสร้างของสังคม”
• อุโมงค์ใต้ทะเลช่วยให้เด็กนักเรียนในเกาะห่างไกลสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนดีๆ ได้
• ช่วยให้ชาวประมงสามารถขนส่งสินค้าไปยังเมืองใหญ่โดยไม่ต้องรอเรือ
• ช่วยลดคาร์บอนจากระบบเรือข้ามฟากดีเซล
• และช่วยกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทั่วถึงทั้งประเทศ
🌍 สุดท้ายแล้ว… อุโมงค์ใต้ทะเลของนอร์เวย์คือ “แบบอย่าง” มากกว่าความสำเร็จ
เพราะมันคือผลลัพธ์ของการเรียนรู้จากธรรมชาติ..
การอดทนสะสมความรู้จากรุ่นสู่รุ่น..
และการเลือกลงทุนเพื่อชีวิตผู้คน ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์..
บางครั้ง ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ไม่ได้อยู่เหนือทะเล
แต่มันอยู่ “ใต้พื้นผิว” — เงียบๆ แต่มั่นคง
หากเราอยากเห็นประเทศที่เดินหน้าด้วยภูมิปัญญา
เราอาจต้องเริ่มจากคำถามง่ายๆ
ว่าเราเคยฟัง “ภูมิประเทศ” ของเราจริงๆ หรือยัง?
โดย
ป้าดาวนอร์เวย์
#อุโมงค์ใต้ทะเล #วิศวกรรมนอร์เวย์ #แรงบันดาลใจจากฟยอร์ด #ความรู้จากธรรมชาติ
โฆษณา