11 ส.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

ปลุกเซลล์มะเร็งให้ตื่นมารับยา ไขปริศนาเซลล์หลับในมะเร็งสมองเด็ก

ความจริงข้อหนึ่งที่ยังคงสร้างความเจ็บปวดและท้าทายวงการแพทย์ของเราอยู่เสมอ นั่นก็คือการกลับมาของมะเร็ง มันเป็นช่วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจที่สุด เมื่อเราได้เห็นผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยเด็กตัวเล็กๆ ตอบสนองต่อการรักษาเป็นอย่างดี ก้อนมะเร็งยุบลง และทุกคนต่างมีความหวัง
แต่แล้วในอีกหนึ่งหรือสองปีต่อมา เจ้าโรคร้ายนั้นกลับหวนคืนมาอีกครั้ง ราวกับว่ามันไม่เคยจากไปไหน โดยเฉพาะในมะเร็งที่ชื่อว่า "นิวโรบลาสโตมา" (Neuroblastoma) ซึ่งเป็นมะเร็งในระบบประสาทที่มักเกิดขึ้นในเด็กเล็ก มะเร็งชนิดนี้มีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดและคาดเดายาก บางครั้งมันก็หายไปได้เอง แต่บ่อยครั้งมันกลับดุร้ายและท้าทายทุกการรักษา
คำถามที่ค้างคาใจพวกเราเหล่าบุคลากรทางการแพทย์มาตลอดคือ อะไรคือกลไกการเอาตัวรอดอันชาญฉลาดของมัน และมีเซลล์มะเร็งส่วนไหนที่หลบซ่อนจากการโจมตีของยาเคมีบำบัดไปได้บ้าง
วันนี้ ผมมีเรื่องราวแห่งความหวังที่น่าตื่นเต้นมาแบ่งปันครับ มันเป็นเรื่องราวจากการค้นพบครั้งสำคัญของทีมนักวิจัยและแพทย์จากสถาบันชั้นนำในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ที่ได้ตีพิมพ์ลงในวารสารระดับโลกอย่าง Cancer Discovery พวกเขาไม่เพียงแต่ค้นพบที่หลบภัยของเซลล์มะเร็งเจ้าเล่ห์เหล่านี้ แต่ยังได้ค้นพบกลยุทธ์ใหม่ที่จะล่อให้พวกมันออกมาเพื่อถูกกำจัดให้สิ้นซาก
การค้นพบนี้เปรียบเสมือนการไขรหัสลับที่อาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษามะเร็งในเด็กไปตลอดกาล เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจตัวการสำคัญที่ชื่อว่า MYCN (มิค-เอ็น) ซึ่งเป็นยีนก่อมะเร็งที่ทำหน้าที่เหมือนคันเร่งรถยนต์ที่ค้างอยู่ตลอดเวลา ทำให้เซลล์มะเร็งนิวโรบลาสโตมาแบ่งตัวอย่างไม่หยุดยั้งและไร้การควบคุม เป็นที่ทราบกันดีว่ายิ่งเซลล์มะเร็งมียีน MYCN นี้ในปริมาณมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดุร้ายมากขึ้นเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทีมวิจัยค้นพบและทำให้เรื่องราวทั้งหมดเปลี่ยนไป คือที่อยู่ของยีน MYCN เหล่านี้ครับ โดยปกติแล้ว สารพันธุกรรมหรือ DNA ของเราจะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่บนโครงสร้างที่เรียกว่า "โครโมโซม" ซึ่งเปรียบเสมือนหนังสือเล่มหนาหลายๆ เล่มที่เก็บสูตรการทำงานของร่างกายไว้อย่างครบถ้วน
แต่ในเซลล์มะเร็งนิวโรบลาสโตมาที่ดุร้าย ยีน MYCN จำนวนมหาศาลกลับไม่ได้อยู่บนโครโมโซมเหล่านั้น พวกมันเลือกที่จะออกมาลอยอยู่อย่างอิสระในรูปแบบของ ดีเอ็นเอวงแหวนขนาดจิ๋ว (extrachromosomal DNA หรือ ecDNA) ซึ่งผมอยากจะเปรียบเทียบมันเหมือนกับ "เศษกระดาษโน้ต" ที่ฉีกออกมาจากหนังสือ แต่บนกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ นี้กลับมีสูตรเร่งการเติบโตที่ทรงพลังเขียนไว้อยู่
ความแตกต่างนี้เองที่สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ เพราะเมื่อเซลล์แบ่งตัว ดีเอ็นเอที่เป็นหนังสือเล่มใหญ่บนโครโมโซมจะถูกคัดลอกและแบ่งให้เซลล์ลูกอย่างเท่าเทียม แต่เจ้าเศษกระดาษโน้ตเหล่านี้กลับถูกแบ่งไปอย่างสุ่ม ทำให้ในก้อนมะเร็งก้อนเดียวกัน กลายเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยเซลล์มะเร็งที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว บางเซลล์อาจโชคดีได้รับเศษกระดาษโน้ต MYCN ไปเป็นปึกๆ ทำให้มันกลายเป็นเซลล์สุดโหดที่แบ่งตัวเร็วมาก ในขณะที่เซลล์ข้างๆ อาจได้รับไปเพียงเล็กน้อยหรือไม่ได้รับเลย
จุดพลิกผันที่แท้จริงอยู่ตรงนี้ครับ เมื่อยาเคมีบำบัดถูกส่งเข้าไปในร่างกาย มันเปรียบเสมือนพายุลูกใหญ่ที่พัดถล่มเมืองมะเร็ง ยาเคมีบำบัดถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีเซลล์ที่กำลังแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เซลล์มะเร็งสุดโหดที่มี MYCN เยอะและกำลังแบ่งตัวอย่างบ้าคลั่งจึงถูกทำลายล้างไปจนหมดสิ้น
แต่แล้วเซลล์มะเร็งที่น่าสงสารซึ่งมี MYCN เพียงน้อยนิดล่ะ? พวกมันไม่ได้ตายครับ พวกมันกลับใช้กลยุทธ์การเอาตัวรอดที่เหนือชั้นกว่านั้น คือการเข้าสู่สภาวะ "จำศีล" (Dormancy) พวกมันจะหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง หยุดการแบ่งตัว และนอนสงบนิ่งเหมือนก้อนหินที่ไร้ชีวิต
การทำเช่นนี้ทำให้พวกมันล่องหนไปจากเรดาร์ของยาเคมีบำบัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ เซลล์ที่หลับใหลเหล่านี้จึงกลายเป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ซากปรักหักพังของเมืองมะเร็ง รอคอยวันเวลาและสัญญาณบางอย่างที่เรายังไม่เข้าใจ เพื่อที่จะ "ตื่น" ขึ้นมาอีกครั้งและสร้างเมืองมะเร็งให้กลับมาใหญ่โตและดุร้ายดังเดิม นี่คือคำตอบของคำถามที่ว่าทำไมมะเร็งถึงกลับมาเป็นซ้ำ
เมื่อเข้าใจถึงกลอุบายของศัตรูแล้ว ทีมวิจัยจึงได้ออกแบบแผนการรบครั้งใหม่ที่แยบยลกว่าเดิม มันคือการโจมตีแบบสองประสานที่มุ่งเป้าไปที่เซลล์มะเร็งทั้งสองกลุ่มพร้อมกัน แผนแรกคือการใช้ยาเคมีบำบัดแบบเดิม เพื่อกวาดล้างเซลล์มะเร็งที่กำลังแบ่งตัวอย่างรวดเร็วให้สิ้นซาก
จากนั้นจึงส่งกองกำลังที่สองตามเข้าไป ซึ่งก็คือ ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อเซลล์ที่กำลังจำศีล (Senolytic drugs) ยาชนิดพิเศษนี้จะเข้าไปปลุกเซลล์ที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้น หรือเลือกที่จะทำลายพวกมันโดยตรงในขณะที่พวกมันยังคงหลับอยู่ ผลการทดลองในสัตว์ทดลองนั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม การรักษารูปแบบใหม่นี้สามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและป้องกันการกลับมาของมะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ
การค้นพบครั้งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่มะเร็งนิวโรบลาสโตมาเท่านั้น แต่มันยังเป็นความหวังครั้งใหญ่สำหรับมะเร็งชนิดอื่นๆ ที่มีกลไกการหลบซ่อนคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะมะเร็งที่น่ากลัวและรักษายากอย่างมะเร็งสมองบางชนิด ที่มีการใช้ดีเอ็นเอวงแหวนเป็นเครื่องมือในการเติบโตเช่นกัน
นี่คือก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่ายิ่งเราศึกษาศัตรูของเราอย่างลึกซึ้งมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมองเห็นจุดอ่อนของมันได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น สำหรับผมแล้ว เรื่องราวนี้คือบทพิสูจน์ของความไม่ย่อท้อของมวลมนุษยชาติในการต่อสู้กับโรคร้าย และมันได้จุดประกายความหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจจะมีอาวุธที่ทรงพลังพอที่จะปลุกทุกเซลล์มะเร็งที่หลบซ่อนอยู่ให้ตื่นขึ้นมารับการพิพากษา จนไม่เหลือเซลล์ใดให้กลับมาทำร้ายคนที่เรารักได้อีกต่อไป
แหล่งอ้างอิง:
1. Max Delbrück Center for Molecular Medicine. (2025, August 8). Targeting sleeping tumor cells: Oncogene location may determine neuroblastoma's resistance to cancer therapy. Medical Xpress. Retrieved from https://medicalxpress.com/news/2025-08-tumor-cells-oncogene-neuroblastoma-resistance.html
2. Montuori, G., et al. (2025). Extrachromosomal DNA-Driven Oncogene Dosage Heterogeneity Promotes Rapid Adaptation to Therapy in MYCN-Amplified Cancers. Cancer Discovery. DOI: 10.1158/2159-8290.CD-24-1738
โฆษณา