Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
10 ส.ค. เวลา 03:55 • ความคิดเห็น
🏆 ‘รวมดาว’ แต่ทำไม ‘ทีมพัง’?
🤔 กับดัก Talent Density…และ 4C Framework สร้าง ‘ทีมเก่ง’ ที่ไม่ใช่แค่ ‘รวมคนเก่ง’ 🤝
ความฝันของผู้นำ คือการได้ “Dream Team” ที่อัดแน่นด้วยคนเก่งระดับหัวกะทิ แต่ ความจริงที่น่าเจ็บปวด คือ หลายทีมที่เต็มไปด้วยดาวเด่นกลับทำงานช้า ขัดแย้งสูง และให้ผลลัพธ์ต่ำกว่าที่คาด
“เพราะ ‘รวมคนเก่ง’ ≠ ‘ได้ทีมเก่ง’ ความหนาแน่นของคนเก่ง (Talent Density) ไม่ได้การันตีประสิทธิผลของทีม (Team Effectiveness)”
บทความนี้ชวนคิดว่าทำไม “ทีมรวมดาว” จึงมักสะดุด และจะเปลี่ยน “กลุ่มของคนเก่ง” ให้เป็น “ทีมที่ยิ่งใหญ่” ด้วย 4C Framework ได้อย่างไร?
====
💥 ‘กับดักทีมรวมดาว’ เหตุผลที่คนเก่งอยู่ด้วยกันแล้วงานไม่เดิน?
1) สงครามอีโก้และสไตล์ (Ego & Style Clashes)
* คนเก่งมักมีความเชื่อมั่นสูงและสูตรสำเร็จของตนเอง หากไร้กติกากลาง ความเห็นที่แข็งแรงจะชนกันจนเสียพลังไปกับการพิสูจน์ “วิธีฉันดีกว่า” มากกว่าการผสมผสานเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดของทีม
2) แข่งกันเองแทนสู้ปัญหาเดียวกัน
* เมื่อการวัดผลยังเน้นรายบุคคล คนเก่งบางคนเลือก “เก็บไพ่” ไม่แชร์ข้อมูล หรือรอให้คนอื่นพลาด เพื่อให้ตัวเองเด่นกว่าทีม
* สุดท้ายเราแข่งกับเพื่อนร่วมทีม แทนที่จะสู้กับโจทย์จริงและคู่แข่งตัวจริงภายนอก
3) ไม่มีทิศเดียวกัน (No Shared Vision)
* ต่อให้ทุกคนเก่ง แต่หากไม่มี “เป้าหมายสูงสุด” (North Star) เดียวกัน พลังจะกระจัดกระจาย ต่างคนต่างเร่งไปคนละทิศ จนหักล้างกันเอง
4) ขาด ‘วาทยกร’ (Leader as Orchestrator)
* วงออร์เคสราที่เต็มไปด้วยศิลปินเดี่ยว ถ้าไม่มีวาทยกรคุมจังหวะและโครงเรื่อง ก็เหลือแต่เสียงรบกวน
* ผู้นำที่ไม่กำหนด "จังหวะ–ทิศทาง–บทบาท" ทำให้ทีมเก่งไม่สามารถเล่นเป็นเพลงเดียวกันได้
ทีมของคุณคือ “วงที่เล่นเพลงเดียวกัน” หรือ “ห้องซ้อมที่ทุกคนอวดโซโล่” กันแน่? 🎶
====
🏗️ 4C Framework — จาก ‘กลุ่มคนเก่ง’ สู่ ‘ทีมที่ยิ่งใหญ่’?
C1 — Clarity (ความชัดเจนที่ใหญ่กว่าเรา)
* วาง North Star Goal ที่ชัดและทรงพลัง—ตอบให้ได้ว่า เรากำลังแก้ปัญหาอะไร เพื่อใคร และสำเร็จหน้าตาเป็นอย่างไร?
* เมื่อเป้าหมาย “กินใจ” คนจะยอมสละอีโก้เพื่อสิ่งที่ใหญ่กว่า เสริมด้วย ขอบเขตการตัดสินใจ (ใครตัดสินใจเรื่องใด) และ ตัวชี้วัดร่วม เพื่อให้ทุกคนมองสกอร์บอร์ดเดียวกัน
C2 — Complementarity (เสริมกัน ไม่เหยียบกัน)
* ไม่ใช่ทุกคนต้องเก่งเหมือนกัน ผู้นำต้องเห็น Zone of Genius ของแต่ละคน แล้วจัดวางบทบาทให้ “พอดีช่องว่าง”
* เช่น คนหนึ่งเด่น Execution อีกคนเด่น Creative อีกคนแข็งแรง Stakeholder Management ทำให้ความเก่ง “ล็อกเข้าหากัน” แทนที่จะชนกัน
C3 — Collaboration Rules (กติกาการร่วมมือที่ใช้จริง)
* มี "กฎของเกม ที่ทุกคนยอมรับ” เช่น วิธีตัดสินใจ (เรื่องไหน Consensus / Majority / Leader decides), วิธีให้ฟีดแบ็ก (เช่น SBI: Situation–Behavior–Impact), จังหวะการทำงาน (ต้อง Sync เมื่อไร และทำงานแบบ Async เมื่อไร)
* และที่สำคัญคือ นิยาม “งานที่ดีพอ” ที่เห็นตรงกัน แม้ทุกคนอาจมีสไตล์ วิธีคิด วิธีปฏิบัติที่ต่างกันบ้างในรายละเอียด “นิยามของงานที่ดีพอ” จะลดแรงเสียดทานในงานประจำวัน
C4 — Conflict Management (บริหารความขัดแย้งอย่างมีวุฒิภาวะ)
* เปลี่ยนพลังความเห็นต่างให้เป็นความคมชัดของทางออก ใช้หลัก Debate → Decide → Commit
* เปิดให้ถกอย่างตรงไปตรงมาบนข้อมูลจริง → ถึงเวลาต้องฟันธงก็ชัดเจน → เมื่อตัดสินใจแล้ว ทุกคน “ผูกมัด” เดินไปทิศเดียวกัน "แม้ไอเดียต้นทางจะไม่ใช่ของตัวเองก็ตาม"
====
🧭 วิธีเริ่มต้นที่พาทีม “ไปด้วยกัน” (อย่า Hardsale ไป)
"เริ่มจากหน้าเดียว (Same page)"
* ทำ One‑Page Mission ให้ตอบ 3 ข้อ—ปัญหา/กลุ่มเป้าหมาย, นิยามความสำเร็จ, บทบาท–ขอบเขตการตัดสินใจ
* ตัวอย่าง (E‑commerce): ปัญหา: อัตราแปลงหน้าเช็กเอาต์ 1.8% → เป้าหมาย: 3.0% ภายใน 2 ไตรมาส → วิธีวัด: Conversion, Refund, NPS
* มีขอบเขตเช่น PM ตัดสินใจ UX microcopy, Eng Lead ตัดสินใจวิธี rollout/feature flag, Marketing กำหนดแคมเปญ–เซ็กเมนต์ เป็นต้น
วาง “แผนที่ความเก่ง”
* Map จุดแข็ง–บทบาทของแต่ละคนให้เห็นภาพเดียวกัน แล้วสื่อสารให้ทั้งทีมรู้
* ตัวอย่าง: ทีม 6 คน — A เก่ง Data/Experimentation, B เก่ง Stakeholder, C เก่ง Backend throughput, D เก่ง UX research, E เก่ง Growth, F เก่ง QA → จัดสร
* ให้ภารกิจใก้เหมาะ เช่น A+D เจ้าภาพ A/B test, C+F ดูเสถียรภาพ, B+E จัดการฝั่งการสื่อสาร เป็นต้น
"ตั้งจังหวะร่วม"
* กำหนดพิธีการทำงานเท่าที่จำเป็น (Weekly Sync 30 นาที + Async Update) ให้เบาแต่มีวินัย
* ตัวอย่างจังหวะร่วมที่พอเหมาะ เช่น จันทร์ Sync 30 นาที (ใช้เอกสารล่วงหน้า 1 หน้า), อังคาร–พฤหัส Focus block 90 นาทีวันละช่วง (ห้ามประชุมทับ), ศุกร์ Demo 20 นาที + Retro 20 นาที, อัปเดตความคืบหน้าแบบ async ก่อนประชุมทุกครั้ง
ตกลง “กติกาทะเลาะ”
* นิยามพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการโต้แย้งบนข้อมูล ไม่ใช่บนบุคคล และปิดด้วย Decide → Commit ทุกครั้ง
* ตัวอย่างกติกา: ใครหยิบประเด็นต้องแนบข้อมูล/ตัวเลข, ห้ามโจมตีบุคคล, จำกัดเวลาถกประเด็นละ 20 นาที ถ้าไม่สรุปให้กำหนด Owner/เกณฑ์/เดดไลน์ตัดสินใจ, หลังตัดสินใจแล้วใช้ภาษารวม “เรา” ในการสื่อสาร
อย่าเพิ่ง “เพิ่มคนเก่ง” จนกว่าระบบรองรับจะชัด—หลายทีมไปไม่ถึงฝัน เพราะระบบ (ไม่ใช่คน) ไม่พร้อม (ยิ่งไปเพิ่มคนเก่ง ที่เรายังให้เขาทำงานไม่เต็มความสามารถ และประสิทธิภาพ ก็จะยิ่งไปทำลายคนเก่ง หรือ dynamic ทีมไป
====
📊 สัญญาณที่จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังไปถูกทาง?
* เวลาตัดสินใจสั้นลง และการย้อนกลับมาถกเรื่องเดิมลดลง
* ความรับผิดชอบชัดเจน งานซ้ำซ้อน–ตกหล่นน้อยลง
* คุณภาพความขัดแย้งดีขึ้น: ตรงประเด็น ข้อมูลแน่น เคารพต่างกัน
* คะแนนผูกพันทีม (เช่น แบบสำรวจภายใน) ดีขึ้น พร้อมคอมเมนต์ว่า “ชัดเจนขึ้น ทำงานง่ายขึ้น”
✨ สร้างระบบให้ดี…แล้วคนเก่งจะ “เล่นเป็นวง”
การสร้างทีมที่ชนะ ไม่ใช่เพียงการรวบรวมคนเก่ง แต่คือการออกแบบระบบนิเวศที่ทำให้คนเก่ง เสริมกัน และ เติบโตไปด้วยกัน เมื่อระบบชัด คนเก่งจะกลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่โดยธรรมชาติ
“คุณไม่ได้จ้างคนเก่งมาเพื่อ ‘บอก’ ว่าต้องทำอะไร แต่จ้างมาเพื่อให้พวกเขา ‘ช่วยบอก’ ว่าควรทำอะไร—แล้ว ‘ทำไปด้วยกัน’”
#วันละเรื่องสองเรื่อง #ทีมเวิร์ค #TalentDensity #ทีมรวมดาว #ภาวะผู้นำ #HighPerformingTeams #4CFramework #LeadershipMindset #TeamEffectiveness #BuildAGreatTeam
การทำงาน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย