10 ส.ค. เวลา 13:30 • การศึกษา

เงินมัดจำที่ได้รับต้องนำมาเสียภาษีเงินได้หรือไม่???

มัดจำคืออะไร
...
ก่อนที่จะตอบปัญหาตามประเด็นคำถามดังกล่าวข้างต้น จำเป็นต้องทำความเข้าใจความหมายของคำว่า "มัดจำ" เสียก่อน โดยมัดจำมีความหมายดังนี้...
มัดจำ คือ พยานหลักฐานว่าสัญญาได้ทำขึ้นแล้ว และเป็นประกันในการปฏิบัติตามสัญญา ดังนั้น โดยหลักแล้วมัดจำยังไม่ใช่การชำระหนี้บางส่วน มัดจำจึงยังไม่เป็นเงินได้พึงประเมินของผู้ที่ได้รับมัดจำนั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าในสัญญามีการตกลงให้มัดจำเป็นส่วนหนึ่งของการชำระราคา มัดจำย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการชำระหนี้ หรือหากไม่มีข้อตกลงดังกล่าว แต่ผู้วางมัดจำผิดสัญญาจนผู้รับมัดจำได้บอกริบมัดจำแล้ว เช่นนี้ จะนับว่ามัดจำเป็นเงินได้ของผู้รับมัดจำแล้ว
เมื่อเป็นเงินได้แล้ว ผู้รับเงินมัดจำจึงต้องนำเงินได้ดังกล่าวไปยื่นรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามเกณฑ์การรับรู้เงินได้ประเภทเกณฑ์เงินสด
Q : ถ้ายังมีข้อพิพาทเป็นคดีความอยู่ว่า..ฝ่ายที่วางมัดจำผิดสัญญาหรือไม่/ฝ่ายที่รับมัดจำมีสิทธิริบมัดจำหรือไม่ ดังนี้ ผู้รับมัดจำยังต้องนำเงินมัดจำไปยื่นรายการเพื่อเสียภาษีอยู่หรือไม่ (เนื่องจาก ถ้าผู้รับมัดจำแพ้คดีย่อมต้องคืนเงินมัดจำนั้น)
A : ยังคงต้องยื่นรายการเพื่อเสียภาษีอยู่ เพราะแม้จะมีการฟ้องเรียกคืนมัดจำกันอยู่ก็เป็นการฟ้องหลังจากที่ได้รับเงินมัดจำไว้แล้ว (คำพิพากษาฎีกาที่ 1195/2539)
คำพิพากษาฎีกาที่ 1195/2539 เงินมัดจำตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่ผู้จะขายได้บอกริบแล้วถือเป็นเงินได้จากการอื่น ๆ ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากรและเป็นเงินได้พึงประเมินที่ ผู้จะขายมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากรแม้ผู้จะซื้อจะฟ้องเรียกเงินมัดจำคืนและคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลก็ตาม
Q : ถ้าในสัญญาระบุว่ารับมัดจำไปแล้ว และมีข้อความแสดงว่ามัดจำเป็นส่วนหนึ่งของการชำระราคา แต่มีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีกว่า ไม่ได้มีการจ่ายมัดจำเป็นเงิน แต่ผู้วางมัดจำทำสัญญากู้ให้ผู้รับมัดจำไว้แทนการวางมัดจำเป็นเงินสด ดังนี้ ผู้รับมัดจำต้องยื่นรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่
A : สัญญากู้แทนเงินมัดจำนั้นถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินของผู้รับมัดจำแล้ว จึงต้องยื่นรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (คำพิพากษาฎีกาที่ 6340/2549)
คำพิพากษาฎีกาที่ 6340/2549 เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินระบุไว้ชัดเจนว่าผู้โอนได้รับเงินมัดจำจากผู้รับโอนไปถูกต้องแล้ว แม้ผู้รับโอนจะทำสัญญากู้เงินจากผู้โอนไว้เป็นจำนวนเงินเท่ากับจำนวนเงินมัดจำก็เท่ากับผู้โอนมอบเงินมัดจำนั้นให้เป็นเงินกู้แก่ผู้รับโอนเงินมัดจำดังกล่าวจึงเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปาริชาติ ม่วงศิริ
สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
โฆษณา