Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Movie Trivia
•
ติดตาม
11 ส.ค. เวลา 03:10 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ความพ่ายแพ้ของตัวละครพรีเดเตอร์ในแฟรนไชส์ คือแรงจูงใจหลักของ “Predator: Badlands”
ขณะที่แฟรนไชส์ “Predator” ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดยอดนักล่าแห่งจักรวาล และถือเป็นหนึ่งในตัวละครไอคอนนิคของโลกภาพยนตร์ไซไฟ เพราะความทนทายาดและยากจากต่อกร กระนั้น หนังก็มาพร้อมแนวทางที่คล้ายกัน ก็คือการหาทางจัดการและเอาชีวิตรอดจากพรีเดเตอร์ ซึ่งการบิดมาเล่าให้เจ้าพรีเดเตอร์เป็นตัวเอกใน “Predator: Badlands” นั่นเอง แปลว่า ครั้งนี้ผู้ชมต้องหันมาเอาใจช่วยเจ้าพรีเดเตอร์ให้เอาชีวิตรอด
โดยล่าสุด จากคอลัมน์ใน Entertainment Weekly ที่พูดถึงเบื้องหลังและแรงจูงใจในการสร้าง “Predator: Badlands” ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นภาคต่อพรีเดเตอร์แรกในรอบ 7 ปี เท่านั้น แต่จะเป็นหนังพรีเดเตอร์เรื่องแรก ที่นำพาผู้ชมไปผจญภัยผ่านมุมมองที่มี พรีเดเตอร์วัยกำลังโต เป็นตัวเอก ซึ่ง แรงจูงใจหลักของผู้กำกับฯ แดน เทรนช์เทนเบิร์ก และมือเขียนบทร่วมอย่าง แพทริค ไอสัน ที่มีในภาคต่อนี้นั้น ก็มาจากจุดง่ายๆ คือ พรีเดเตอร์ไม่เคยชนะเลยในหนังตัวเอง
“นั่นไม่เคยเกิดขึ้นในหนัง ‘Predator’ มาก่อนเลย”
“พวกพรีเดเตอร์ไม่เคยชนะก็จริง แต่จากจุดนั้นมันจะกลายเป็นหนังที่งดงาม ที่ไม่ใช่เป็นแค่หนังที่เล่าจากมุมมองตัวร้ายได้ยังไง? มันจะเป็นหนังที่ดูจบแล้วรู้สึกอิ่มเอมได้ยังไง? จากจุดนั้น มันจึงกลายมาเป็นหนัง ‘Predator: Badlands'” เทรนช์เทนเบิร์ก กล่าว
จากไอเดียดังกล่าว นั่นทำให้ เทรนช์เทนเบิร์ก และ ไอสัน จึงจัดการขีดเขียนตัวเอกพรีเดเตอร์ใน “Predator: Badlands” อย่าง เดค ซึ่งเป็นพรีเดเตอร์วัยกำลังโต แต่หากเทียบในสายพันธ์แล้ว เขาก็ถือว่าอ่อนแอสุดในฐานะนักฆ่าจากต่างดาว จากความย้อนแย้งเหล่านี้ ก็เพื่อจุดประสงค์เดียวคือการทำให้ผู้ชมสามารถรู้สึกลุ้นจนเอาใจช่วยเจ้าพรีเดเตอร์นี้ได้
ซึ่งทั้งคู่ ก็อ้างอิงบุคลิกตัวละครเอกมาจากหนังของ คลินท์ อีสต์วู้ด หรือกระทั่ง แมดแมกซ์ ในหนัง “Mad Max: The Road Warrior” หรือกระทั่ง โคแนน ใน “Conan the Barbarian” ที่มาพร้อมความโหดเถื่อน แต่ก็มีแง่มุมที่แสนเท่ที่อดให้ผู้ชมรู้สึกอยากติดตามเรื่องราวของตัวละครนี้ไปจนจบได้ นั่นก็คือ การพิสูจน์ตัวเองให้ควรค่าแก่การเป็นสุดยอดนักฆ่าของห่วงโซ่อาหารแห่งจักรวาล
“ในมุมนึง คือการหาวิธีที่ทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วม จนเกิดความรู้สึกเอาใจช่วยในสิ่งที่เขากำลังตามล่า แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ละเลยว่า เขาคือสัตว์ที่แสนจะป่าเถื่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาโคตรจะเท่เลยด้วย ผมเลยเขียนเดค ให้เป็นตัวละครที่ไม่พูดพร่ำ แต่มาพร้อมกลิ่นอายที่น่ายำเกรง เป็นตัวละครที่ยังยึดมั่นในหลักการ ทั้งที่อยู่ในภูมิทัศน์ที่ศีลธรรมเป็นความคลุมเครือ จนมีสภาพคล้ายแอนตี้ฮีโร่ก็ไม่ปาน และยังคงตั้งใจจะฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไป”
“แต่มันก็มีบางอย่างที่เข้มข้นกว่า แค่การที่เขาพยายามพิสูจน์ตัวเอง นั่นเพราะมันมีบาดแผลและความรุนแรงบางอย่างที่เขาประสบพบเจอมา ก่อนที่เขาจะพบว่า ตัวเองอยู่บนดาวที่ทุกอย่างล้วนหมายเอาชีวิตเขา” เทรนช์เทนเบิร์ก กล่าวเสริม
นอกเหนือจากนี้ เทรนช์เทนเบิร์ก ยังเผยด้วยว่า ในการสร้างตัวละคร เดค ใน “Predator: Badlands” ให้ผู้ชมสามารถลุ้นเอาใจช่วยได้ ก็จำเป็นต้องตัดองค์ประกอบเอกลักษณ์บางอย่างออกไป อย่างเช่น เกือบส่วนใหญ่ของเรื่อง เราจะแทบไม่ได้เห็น เดค สวมหน้ากากออกล่าเลยด้วยซ้ำ แต่ก็เพื่อให้เห็นเนื้อในของตัวละครพรีเดเตอร์ตัวนี้
ทั้งนี้ ใน “Predator: Badlands” ก็จะมีตัวละครที่ออกเดินทางร่วมกับ เดค ซึ่งก็คือ แอนดรอยด์จากยูทานิ-เวย์แลนด์ อย่าง เธีย ซึ่งก็ถือเป็นจุดเชื่อมโยงนึงที่อ้างอิงถึงแฟรนไชส์อวกาศอีกเรื่องอย่าง “Alien” ได้อย่างน่าสนใจ ถึงแม้ เทรนช์เทนเบิร์ก จะตื่นเต้นที่ได้เชื่อมสองจักรวาลเข้าหากัน แต่เจ้าตัวก็เน้นย้ำว่า เขาไม่ได้พยายามจะจับยัดสองตัวละครจากสองจักรวาลมาเฉยๆ แต่เพื่อสอดรับกับการเล่าเรื่องราวในเรื่อง และชูให้ผู้ชมเอาใจช่วยสายพันธ์ต่างดาวแบบ เยาชา แทนที่จะเป็นมนุษย์สังเคราะห์
กระนั้นเอง เทรนช์เทนเบิร์ก ยังกล่าวด้วยว่า เคมีระหว่างหุ่นแอนดรอยด์ช่างจ้ออย่าง เธีย และความเกรงขามแสนขรึมแบบ เดค จะเป็นหนึ่งในความสนุกที่เกิดขึ้นใน “Predator: Badlands” อีกด้วย
“เราระเริงมาก แต่ประเด็นคือ คุณสามารถหาทางให้ผู้ชมเอาใจช่วยอสูรกายตัวนี้ได้ไหม? เพราะแบบเชร็คเอง ก็ไม่ได้สวมหมวกอัศวินตลอดเรื่อง เพราะไอเดียจริงๆ คือไม่ เขาเป็นยักษ์ออร์ค แต่นั่นแหล่ะประเด็น คุณจะต้องไปร่วมหัวจมท้าย และหวังว่าคุณจะหลงรักหมอนั่น ดังนั้น มันจึงกลายมาเป็นแนวทางตรงนี้ พูดอย่างสรุปคือ ใช่ เขาเป็นสัตว์ และใช่ เราหวังว่าคุณจะตกหลุมรักเขา”
“มันน่าตื่นเต้นการได้ทำเรื่องนี้ และเป็นจุดเชื่อมโยงเล็กๆ ระหว่างแฟรนไชส์เหล่านั้น มันสำคัญสำหรับผมมาก ซึ่งผมมั่นใจว่าผู้คน อาจตั้งตารอคอยถึงสิ่งที่ใหญ่กว่า ซึ่งบางทีหนังและแฟรนไชส์อื่น อาจเชื่อมกันในรูปแบบที่รุกล้ำมากกว่านี้ แต่ผมไม่ได้อยากจะยัดหุ่นปั้นเหล่านี้มารวมกันหรอก ผมแค่ต้องการจะเล่าเรื่องราวเจ๋งๆ เท่านั้นเอง”
“แต่การเลือกตัวละครมนุษย์มาเคียงข้างเดค อาจทำให้ผู้ชมหลงใหลในเรื่องราวและตัวละครมนุษย์รายนี้แทน ผมจึงเริ่มคิด เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจะหาสหายมาร่วมเดินทางที่เป็นหุ่นยนต์ล่ะก็ มันจึงเป็นที่มาของมนุษย์สังเคราะห์เวย์แลนด์-ยูทานิ ซึ่งเคมีระหว่างเธียและเดค จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจและแปลกประหลาดที่พวกเขาได้ผจญภัยคู่กัน และมันก็เป็นส่วนใหญ่ของความสนุกที่เกิดขึ้นในหนังด้วย” เทรนช์เทนเบิร์ก กล่าวทิ้งท้าย
“Predator: Badlands” กำกับโดย แดน เทรนช์เทนเบิร์ก (“Prey” และ “10 Cloverfield Lane”) จากบทที่เขียนร่วมกันกับ แพทริค ไอสัน (“Prey”) นำแสดงโดย แอลล์ แฟนนิ่ง และ ดิมิเทรียส ชูสเตอร์-โคโลมาทังกี
“Predator: Badlands” วางกำหนดฉาย 6 พฤศจิกายน 2025
ภาพยนตร์
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย