12 ส.ค. เวลา 00:27 • สุขภาพ

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นบ่อยขึ้นในช่วงหลังๆ

คือการใช้ศัพท์แสงทางจิตวิทยาในบทสนทนาที่เรามีกับคนในชีวิตเรา
ยกตัวอย่างเช่น
“เธอ bipolar อีกแล้วนะ”
“หยุด gaslight ฉันสักที”
“ฉันไม่ชอบที่เธอเป็น narcissist แบบนี้”
เป็นต้น
การใช้คำศัพท์ทางจิตวิทยาในการสื่อสารไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะครับ
แต่ผมสังเกตเห็นว่า บ่อยครั้ง
เราจะใช้ศัพท์แสงเหล่านี้
เวลาที่เรารู้สึกไม่โอเคกับคนในชีวิตเรา
คำศัพท์เหล่านี้มันกลายเป็นเครื่องมือของเราในการ
“กล่าวโทษคนอื่น” “ปกป้องตัวเอง” หรือไม่ก็ “เลี่ยงการแสดงความเปราะบาง”
ยกตัวอย่างเช่น
แฟนตัดสินใจเอา “เงินกองกลาง” ของครอบครัว
ไปลงทุนโดยที่ไม่ได้คุยกับเราก่อน
พอเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรารู้สึกโกรธและผิดหวังแฟนมาก
เราก็เลยพูดกับแฟนว่า “ฉันไม่ชอบที่เธอเป็น narcissist แบบนี้”
เป็นต้น
สำหรับตัวอย่างนี้ แม้ว่าพฤติกรรมของแฟนจะผิดจริง
แต่การสื่อสารว่า “ฉันไม่ชอบที่เธอเป็น narcissist แบบนี้”
ไม่ใช่การสื่อสารที่จะนำมาสู่การแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะเวลาที่เราสื่อสารเช่นนี้
มันจะสร้างบรรยากาศ “ฉันเหนือกว่าเธอ” ภายในความสัมพันธ์
(ไม่ใช่บรรยากาศที่ “ปลอดภัย”)
ฉะนั้น เมื่อแฟนรู้สึกไม่ปลอดภัย
โอกาสที่แฟนจะเปิดใจคุยกับเรา
เพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจังก็จะน้อยลง
ในทางกลับกัน หากเราพูดกับแฟนว่า
“ฉันรู้สึกโกรธและผิดหวังที่เธอเอาเงินของเรา
ไปลงทุนโดยไม่ปรึกษาฉันก่อน”
มันอาจจะไม่ได้การันตีว่า
แฟนจะตอบสนองต่อสิ่งที่เราพูดในทางที่ดีก็จริง
แต่อย่างน้อยที่สุด
มันก็ช่วยให้บรรยากาศของบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับแฟน
มันเอื้อต่อการเปิดใจคุยกันมากกว่าอย่างชัดเจนครับ
อ้างอิง
Perel, E. (2017). The state of affairs: Rethinking infidelity. Harper, an imprint of HarperCollins Publishers.
Brown, B. (2021). Atlas of the heart: Mapping meaningful connection and the language of human experience. Random House.
โฆษณา