12 ส.ค. เวลา 01:05 • ข่าวรอบโลก

“รถถังรัสเซียจะบุกถึงเคียฟภายใน 4 ชั่วโมง แต่มันติดหล่มซะก่อน”

คำพูดทรัมป์ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว
ประโยคในเครื่องหมายคำพูดด้านล่างนี้คือ การสรุปถอดคำพูดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในงานแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว เมื่อ 11 สิงหาคม 2025 ทางเพจอาจไม่ได้แปลตรงตัวเป๊ะๆ แต่ความหมายยังคงเหมือนเดิมที่ทรัมป์พูดไป
“ปูตินแสดงความเคารพด้วยการตกลงที่จะเดินทางมายังประเทศของเรา การพบปะกับเขาจะเป็นการพบกันแค่เบื้องต้นก่อน แค่สองนาทีก็เพียงพอสำหรับผมที่จะเข้าใจว่าเขาพร้อมสำหรับข้อตกลงหรือไม่ จากนั้นผมจะโทรหาเซเลนสกีทันที เขา (เซเลนสกี) จะไม่มาที่อลาสกา เขามาร่วมการประชุมมาหลายครั้งแล้วและไม่ได้เรื่องอะไรเลย ปูตินพร้อมที่จะคุยกับผมเท่านั้น”
“ผมจะลองสำรวจหาว่าเขา (ปูติน) คิดอะไรอยู่ และหากข้อตกลงนั้นเป็นธรรม ผมจะแจ้งเงื่อนไขของเขาให้ชาวยุโรปและชาวยูเครนทราบ จากนั้นเซเลนสกีและปูตินจะพบกันแบบตัวต่อตัว ไม่ว่าจะมีผมอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม”
“ส่วนใหญ่แล้วเราอาจจะมีการแลกเปลี่ยนดินแดนกัน ผมรู้สึกขุ่นเคืองกับคำพูดของเซเลนสกีที่ว่ารัฐธรรมนูญ (ยูเครน) ห้ามไม่ให้ทำเช่นนี้ นั่นคือ เขา (เซเลนสกี) ได้รับอนุญาตให้ทำสงครามและสังหารทุกคนได้ แต่ไม่อนุญาตให้แลกเปลี่ยนดินแดน รัสเซียได้ยึดครองดินแดนอันมีค่าจำนวนมาก โดยเฉพาะชายฝั่งทะเล และเราจะพยายามคืนดินแดนบางส่วนให้กับยูเครน”
“รัสเซียเป็นประเทศที่เชี่ยวชาญการทำสงคราม พวกเขาเอาชนะฮิตเลอร์ (เช่นเดียวกับที่เราทำ) และ นโปเลียน ครั้งหนึ่งผมเคยถามนายกรัฐมนตรีฮังการีว่ายูเครนจะเอาชนะรัสเซียได้หรือไม่ เขามองผมราวกับคิดว่าถามอะไรโง่ๆ แล้วตอบว่า ‘จีนชนะทางการค้า รัสเซียชนะในสงคราม’”
“รถถังรัสเซียอาจถึงเคียฟได้ภายใน 4 ชั่วโมงหากเคลื่อนทัพมาทางถนน แต่นายพลท่านหนึ่งนำรถถังผ่านทุ่งนาและติดหล่มโคลน ผมรู้จักวลาดิเมียร์ (ปูติน) ดี ผมไม่คิดว่านายพลท่านนี้ออกคำสั่งอีกต่อไปแล้ว”
รับชมรับฟังคำแถลงการณ์ที่ทำเนียบขาวของทรัมป์ เมื่อ 11 สิงหาคม 2025 ตามลิงก์ด้านล่างนี้
15 สิงหาคม 2025 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะหารือกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียที่อลาสกา การประชุมครั้งนี้เต็มไปด้วยข่าวลือที่ย้องแย้งกันมากมาย
ตั้งแต่ข่าวลือที่ว่าปูตินจะเรียกร้องขอดินแดนโดเนตสค์ทั้งหมด และในขณะเดียวกันก็ยอมแลกกับดินแดนเคอร์ซอนและซาปอริซเซียที่ยึดมาได้ให้กับยูเครน (ข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน) [1] ไปจนถึงข่าวลือเกี่ยวกับการหยุดยิงทางอากาศและทางทะเลที่อาจเกิดขึ้น [2]
สื่อตะวันตกยังรายงานด้วยว่า เซเลนสกีจะเดินทางมาอลาสกาด้วยเช่นกัน (อย่างไรก็ตามเขาจะต้องรอจนกว่าผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซียจะหารือกันไปในแนวทางไหน) เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนการประชุมแล้ว แต่ยังมีข้อมูลที่แน่ชัดน้อยมาก อะไรคือแรงจูงใจของปูตินและทรัมป์ ในการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน (และอาจมีในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่)
ก่อนหน้านี้ทรัมป์เป็นผู้กำหนดเส้นตายและลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง (ย่นจาก 50 วัน เหลือ 10 วัน) จากนั้นก็ส่งตัวแทนของเขา “วิตคอฟฟ์” ไปยังเครมลิน ชี้แจงให้ชัดเจนว่าสิ่งที่ได้ยินจากปูตินนั้นน่าสนใจสำหรับเขา และกำหนดวันประชุมที่อลาสกา
การประชุมที่จะถึงนี้ทำให้ความจำเป็นในการข่มขู่และคว่ำบาตรผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียถูกพับแผนไปชั่วคราว และในระยะยาวรวมถึงการจัดหาอาวุธพิสัยไกลให้กับยูเครน ขณะเดียวกัน “ปูติน” ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขหลักของคำขาด เขาไม่ได้ยุติปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครน
ในทางกลับกันช่วงเวลาของคำขาดนั้นเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในสงครามในยูเครน ทั้งในแง่ของจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตและภาพการทำลายล้างในเมืองต่างๆ ก่อนการประชุมที่อลาสกา คือความหวังเดียวที่ปูตินจะหยุดการทิ้งระเบิด เพื่อไม่ให้บรรยากาศเสียไปและไม่ทำให้คู่เจรจาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก แต่มันก็ไม่มีการรับประกันใดๆ ล่าสุดก็เห็นรัสเซียรุกหนักเข้ายูเครนก่อนการประชุมที่อลาสกา
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทรัมป์ได้ยินอะไรจากวิตคอฟฟ์ผู้มองโลกในแง่ดี และเขาได้ยินอะไรจากปูติน แหล่งข่าวจากสื่อวงในต่างก็เสนอขัดแย้งกันเอง มีรายงานบางฉบับระบุว่าวิตคอฟฟ์เห็นด้วยกับความต้องการของเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ต้องการเอาใจเจ้านายอย่างเต็มที่ และการตีความคาดหมายของปูตินของเขากลับใจกว้างกว่าต้นเรื่องมาก อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรขัดขวางไม่ให้ปูตินบอกทรัมป์ในสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่เขาบอกกับวิตคอฟฟ์ในการประชุม ปูตินเข้าใจเรื่องการเจรจาต่อรองดี [3]
เครดิตภาพ: Anadolu via Getty Images
ในตอนแรกการประชุมระหว่างปูตินและวิตคอฟฟ์ดูเหมือนจะล้มเหลว ทั้งสองฝ่ายต่างถอนตัวออกไปโดยไม่มีการแถลงใดๆ และความคิดแรกของทรัมป์เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ คำสั่งให้กำหนดภาษีนำเข้าใหม่กับอินเดียโดยหาว่ายังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
หากปูตินทำเช่นนั้น เราคงพูดว่าเขากำลังดำเนินการปกปิดอีกครั้ง เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทรัมป์ประกาศการประชุมสุดยอดที่อลาสกา ซึ่งอาจหมายถึงสองสิ่ง คือ “วิตคอฟฟ์ได้เสนอข้อเสนอใหม่ๆ ให้กับทรัมป์ที่แตกต่างจากรายการข้อเรียกร้องก่อนหน้าและขั้นตอนที่คลุมเครือซึ่งทำให้ทรัมป์ไม่พอใจกับขอบเขตที่จำกัด” หรือ “ทรัมป์เบื่อหน่ายกับการรอคอยและต้องการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงด้วยตนเอง” นั่นคือเพื่อพลิกสถานการณ์ เมื่อปูตินเรียกร้องเงื่อนไขการหยุดยิงมากมาย (ที่เป็นไปไม่ได้)
ปูตินอาจมองทรัมป์อย่างมั่นเหมาะว่าเป็นนักธุรกิจที่เห็นแก่ตัว แต่ลืมไปว่าความรักในตนเองของธุรกิจไม่ได้หมายถึงแค่การขายอะไรก็ตามให้ได้กำไรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการไม่ยอมให้ตัวเองถูกหลอกต่อหน้าทุกคนด้วย (ไม่ยอมเสียหน้า)
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยข้อเท็จจริงของการเริ่มโจมตีทำสงครามก่อน ผู้รุกได้ล้มล้างทำลายกรอบการทูตไปแล้ว ในทางการทูตเขาไม่มีอะไรจะเสีย และตาม “ทฤษฎีของ คาร์ล มาร์กซ์” เขามองว่าสามารถได้ครอบครองทั้งโลก ดังนั้นข้อได้เปรียบที่ขัดแย้งกันของผู้เปิดศึกก่อน เมื่อเขาเสนอที่จะลดความตึงเครียดโดยไม่ต้องพ่ายแพ้ทางทหาร เขาก็เริ่มดูเหมือนผู้สร้างสันติภาพอย่างนั้นหรือไม่
หากทรัมป์ยอมรับความชอบธรรมของข้อเรียกร้องด้านนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย ในทางทฤษฎีแล้วเขาก็อาจยุติสงครามและแม้แต่ลดทอนการผ่อนปรนของยูเครนลงได้ แม้จะยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงการให้รางวัลแก่รัสเซียผู้เริ่มเปิดก่อนในเรื่องนี้ แต่สามารถปลอบใจตัวเองได้ด้วยการช่วยชีวิตเหยื่อ และความจริงที่ว่าแผนการของรัสเซียในตอนแรกนั้นดูยิ่งใหญ่กว่าตอนนี้มาก การทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และบางทีเราอาจจะแค่ต้องกดดันและเจรจากับปูติน
เครดิตภาพ: Artem Priakhin / SOPA Images
เรียบเรียงโดย Right Style
12th Aug 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: (บน) Fermin Torrano/Anadolu/Getty Images (ล่าง) Marcos Brindicci / Reuters>
โฆษณา