6 พ.ย. เวลา 05:59 • ไลฟ์สไตล์

Emergency Fund vs Investment: คนละบทบาท แต่เสริมกันได้

(FA Talk – Money in 5 Minutes)
การแยกเงินฉุกเฉินกับเงินลงทุน…ไม่ใช่เรื่องของบัญชีธนาคาร แต่มันคือการแยก “หน้าที่” และ “ความเสี่ยง” ออกจากกันให้ชัดเจน
เงินฉุกเฉิน และ เงินลงทุน มี “จุดประสงค์” ที่แตกต่างกัน
เงินฉุกเฉิน = สร้างความมั่นคง ป้องกันกระแทกชีวิต ปกป้องเราในวันที่รายได้หยุด
เงินลงทุน = สร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
หลายคนเอาเงินสองก้อนนี้มาปนกัน พอเจอวิกฤตทำให้ต้องใช้เงินด่วน. กลายเป็นต้องขายสินทรัพย์ลงทุนตอนราคาตกหนัก ขณะที่บางคนนำเงินฉุกเฉินไปเสี่ยงจนหมด จนไม่มีเงินฉุกเฉินเมื่อเจอปัญหากระทันหัน
3 หลักคิดของการแยกเงิน
1. แยกด้วย “วัตถุประสงค์” ก่อนตัวเลข
เงินทุกก้อนต้องมี “เหตุผลในการอยู่” ถ้าเงินนั้นมีหน้าที่ปกป้องชีวิต มันต้องถูกกันไว้จากการลงทุนเสี่ยงสูงโดยสิ้นเชิง
2. แยกด้วย “ช่องทาง” เพื่อป้องกันการใช้ผิดที่
บัญชีของเงินฉุกเฉินควรแยกจากบัญชีลงทุนทั้งทางกายภาพและจิตใจ เช่น บัญชีเงินฉุกเฉินอยู่ที่ธนาคาร A ส่วนบัญชีลงทุนอยู่ที่โบรกเกอร์ B เพื่อไม่ให้เอาไปใช้ลงทุนเพราะเห็นโอกาสระยะสั้น
3. แยกด้วย “สภาพคล่อง” ที่เหมาะสม
เงินลงทุนบางส่วนอาจมีสภาพคล่องต่ำ. แต่เงินฉุกเฉินต้องสภาพคล่องสูง อย่าเก็บเงินฉุกเฉินไว้ในสินทรัพย์ที่ต้องรอขายหลายวัน หรือขายตอนตลาดปิดไม่ได้
3 ที่ซ่อนเงินฉุกเฉิน
1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง
ข้อดี : สภาพคล่องสูง ถอนใช้ได้ทันที ดอกเบี้ยดีกว่าบัญชีออมทรัพย์ปกติ
ข้อจำกัด : ดอกเบี้ยอาจยังต่ำกว่าเงินเฟ้อในระยะยาว
เงินฉุกเฉินไม่ใช่เงินลงทุน การแพ้เงินเฟ้อเล็กน้อยดีกว่าการเสี่ยงขาดทุนก้อนใหญ่
2. กองทุนตลาดเงิน / ตราสารหนี้ระยะสั้น
ข้อดี : เป็นการกระจายการลงทุนไปยังตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล, เงินฝากสถาบันการเงินหลายแห่ง
ข้อจำกัด : อาจต้องรอ 1–2 วันทำการกว่าจะได้เงินสด
สามารถใช้เป็นเงินฉุกเฉินขั้นที่ 2 ที่เงินก้อนนี้ไม่ต้องใช้ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ควรใช้ได้ภายใน 3 วัน
3. บัญชีฝากประจำปลอดภาษี (ระยะสั้น)
ข้อดี : ดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไป และเงินต้นปลอดภัย
ข้อจำกัด : สภาพคล่องต่ำกว่า 2 ตัวแรก ต้องวางแผนถอนให้ตรงรอบ
เหมาะกับเงินสำรองส่วนที่ “อยากกันไม่ให้หยิบใช้เล่น” เพราะต้องมีวินัยถึงจะถอน
ตัวอย่างสมมติ ถ้าเรามีเงิน 1 ล้านบาท
150,000–300,000 บาท (15–30%) → เงินฉุกเฉิน อยู่ในบัญชีดอกเบี้ยสูง + กองทุนตลาดเงิน
700,000–850,000 บาท (70–85%) → เงินลงทุน กระจายตามแผนความเสี่ยง
ในวันที่ตลาดร่วงแรง 30% เรายังคงมีเงินฉุกเฉินที่ไม่กระทบ พร้อมใช้จ่ายต่อได้ แต่ถ้าปนกัน…โอกาสสูงที่เราต้องขายสินทรัพย์ตอนราคาตกเพื่อนำเงินมาใช้
วันนี้เรารู้ชัดไหมว่าเงินในบัญชีหลัก เป็นเงินฉุกเฉินกี่บาท และเงินลงทุนกี่บาท?
ถ้าต้องถอนเงินก้อนหนึ่งออกมาพรุ่งนี้…เราแน่ใจแค่ไหนว่าจะไม่กระทบแผนลงทุน?
การจัดสัดส่วนของเราจะสามารถป้องกันความเสี่ยงทั้ง “การใช้ผิดวัตถุประสงค์” และ “การต้องขายขาดทุน” หรือยัง?
การแยกเงินฉุกเฉินกับเงินลงทุน…ไม่ใช่การสร้างเส้นขีดบนสมุดบัญชี
แต่มันคือการสร้าง “กำแพงกันไฟ” ระหว่างความปลอดภัยของชีวิต กับความเสี่ยงที่เรายอมรับเพื่อโต เพราะในวันที่ไฟไหม้บ้าน…เราจะขอบคุณตัวเองที่กำแพงนี้อยู่ตรงที่ควรอยู่
โฆษณา