13 ส.ค. เวลา 03:18 • นิยาย เรื่องสั้น

ปริศนาห้องปิดตายของฟาโรห์

อ่านจบใน1วัน ความจริงไม่ยาวมากแม้หน้าเยอะพอสมควร เพราะการจัดวางอาร์ตเวิร์กดี ใน1หน้ามีจำนวนแถวอักษรไม่หนาแน่น มีพื้นที่ว่างโปร่ง ทำให้อ่านง่ายสบายตาดี ข้อนี้สำคัญมาก
กับเล่มที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้อ่านเร็วเช่นนี้ ปกติอ่านแต่เล่มที่มีให้ยืมในห้องสมุดหรือยืมในแอป hibrary มักเป็นเล่มที่ออกมานานแล้ว ต้องขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อของ สนพ.น้ำพุที่กรุณาส่งหนังสือมาให้ประเดิมอ่านครับ ปกติไม่ค่อยได้อ่านของน้ำพุ เท่าที่จำได้มีชุด 4mk กับชุดนายตำรวจนิตตะที่ถูกให้ปลอมตัวเป็นพนักงานโรงแรมเพื่อจับคนร้าย ที่เคยอ่านผ่านตา น่าจะ 6-7เล่ม ชอบมากทั้ง2ชุด รู้สึกได้ถึงความพิถีพิถันในการจัดทำ แล้วก็มาได้อ่านเล่มล่าสุดคือ
#ปริศนาห้องปิดตายของฟาโรห์
น้ำพุสำนักพิมพ์ ปี 2025
ชิราคาวะ นาโอฟุมิ เขียน
ฉัตรขวัญ อดิศัย แปล
315 บาท 341 หน้า
เนื้อหาย่อ ☀️
เซติ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่การงานในอาณาจักรอียิปต์ คืออาลักษณ์นักบวชชั้นสูง ลืมตาตื่นขึ้นมาในดินแดนที่เรียกได้ว่าจุดเชื่อมระหว่างภพปัจจุบันกับปรภพ ซึ่งทุกคนที่ตายแล้วจะต้องผ่านมาที่นี่เพื่อเผชิญหน้ากับบททดสอบสำคัญ คือการพิพากษาคนตาย
โดยเทพีแห่งความจริงจะเอ่ยถามแล้วให้เหล่าคนตายตอบตามความจริงโดยห้ามโกหก เรียกว่าบทปฏิเสธบาป 42 ประการ เสร็จแล้วหัวใจ จะถูกวางบนถาดของตาชั่งฝั่งหนึ่ง เทพีมาอัตจะวางขนนกบนถาดฝั่งที่เหลือ หากสองฝั่งน้ำหนักเท่ากัน แสดงว่าหัวใจไร้มลทิน ผู้ไร้บาปจะสามารถเข้าสู่ทุ่งอารูเปรียบดังสวรรค์และได้รับชีวิตนิรันดร์
หากหัวใจหนักกว่าคือแปดเปื้อนบาป อสุรกายอัมมิตจะกินหัวใจดวงนั้น วิญญาณผู้ตายจะสูญสลายตลอดกาล และเซติลืมว่าตนตายเมื่อไรและตายอย่างไร ความทรงจำช่วงนั้นได้สูญไปอย่างน่าฉงน รู้แค่ตนเองกลายเป็นมัมมี่แล้วหลังสำรวจร่างกาย พบร่องรอยภายนอกว่าผ่านการชำแหละและครึ่งท่อนล่างไม่ใช่ร่างกายที่เป็นเนื้อหนังมนุษย์ เซติมั่นใจว่าฝีเย็บที่เห็นจะเป็นใครไม่ได้ นอกไปจากทาเรกเพื่อนสนิทรู้ใจเพียงหนึ่งเดียว
🏜
และเมื่อถึงคราวที่ตนต้องไปยืนต่อหน้าเทพีมาอัต เพียงคำถามแรกก็ตอบไม่ได้แล้ว เหตุเพราะหัวใจของเซติแหว่งหายไปเสี้ยวหนึ่ง ⁉️
นี่อาจคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลงลืมนึกอะไรในช่วงก่อนเสียชีวิตไม่ออก ที่น่าประหลาดยิ่งกว่าคือ เทพีตรวจสอบพบว่าหัวใจของเซติยังคงมีพลังชีวิตเหลืออยู่เล็กน้อย ซึ่งความจริงไม่น่าเป็นไปได้
ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้ คือกำลังสลักคาถาบนผนังด้านในสุสานฟาโรห์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีศพฟาโรห์อเคนาเทน ..
ทางเลือกที่เซติได้รับจากเทพีมาอัตคือ ในเมื่อยังพอมีพลังชีวิตหลงเหลือทั้งที่ไม่ควรมี จะยินดีกลับไปภพปัจจุบันเพื่อค้นหาเศษเสี้ยวของชิ้นส่วนหัวใจที่หายไปหรือไม่ แต่มีเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น และหากไม่กลับเข้าโลงของตนเองให้ทันภายในกำหนด ดวงวิญญาณและร่างกายจะแยกขาดจากกันโดยสิ้นเชิง จะไม่สามารถไปได้ทั้งภพปัจจุบันหรือปรภพ กลายเป็นวิญญาณพเนจรต้องเร่ร่อนไปตลอดกาลนาน ถ้าไม่เลือกทางนี้ ก็ต้องถูกอัมมิตกินหัวใจและดวงวิญญาณแตกสลาย
ด้วยเหตุนี้ เซติจึงมีหนทางสายเดียวคือต้องทำความจริงให้กระจ่างเพื่อช่วยเหลือตนเองเท่าที่ยังพอมีโอกาส
☀️
ภพปัจจุบัน
เซติกลับมาด้วยร่างกึ่งมนุษย์กึ่งมัมมี่ พยายามจะไปยังสถานที่ที่ตนเคยอยู่ เคยทำงาน เพื่อค้นหาความจริงที่สูญหาย โดยสอบถามข้อมูลจากคนที่เคยทำงานร่วมกันในกลุ่มอาลักษณ์นักบวชบ้าง ถามจากคนเฝ้ายามรักษาการณ์บ้าง ถามจากหัวหน้านักบวชชั้นสูงบ้าง ถามจากคนที่ไม่ถูกกันบ้าง จำนวนหลายคน ซึ่งแต่ละคนล้วนงุนงงในตอนแรกเพราะรู้ว่าเซติตายไปตั้งนานแล้ว (เรื่องเกิดเมื่อหกเดือนก่อน) ซึ่งแต่ละคนก็ให้ข้อมูลได้ไม่มากนัก
ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นจริงกันแน่ ในวันที่เซติกำลังทำงานอยู่ในห้องห้องหนึ่งภายในสุสานฟาโรห์ แต่มีบางคนที่ไม่พูดความจริงทั้งหมด
🏜
เรื่องเริ่มบานปลายสืบเนื่องจากในช่วงเวลาใกล้กันกับที่เซติกำลังสืบหาว่าหัวใจส่วนที่แหว่งไปของตนอยู่ที่ใด กลับพบข้อมูลบางส่วนที่เป็นปมปริศนายิ่งกว่าเก่า คือการเสียชีวิตของตนอาจเป็นได้ทั้งการถูกฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุ แล้วเคยมีการถล่มของสุสานเกิดขึ้นด้วย อีกด้านหนึ่ง การทำพิธีศพของอดีตฟาโรห์อเคนาเทนได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
มัมมี่ของอดีตฟาโรห์ที่ไม่นับถือเทพองค์ใดที่ชาวอียิปต์บูชานับถือกันมาแต่โบราณกาล และบังคับให้ทุกคนหันมานับถือลัทธิบูชาเทพอาเทนเพียงหนึ่งเดียวแทน ได้หายไปในขณะหัวหน้านักบวชชั้นสูงกำลังประกอบพิธีในสุสาน แต่กลับถูกพบในสถานที่อีกแห่ง
เป็นเหตุให้หัวหน้านักบวชถูกจับกุมตัวมาลงโทษ และฟาโรห์องค์ปัจจุบันคือ ตุตันคาเทน ที่นับถือเทพอาเทนตามฟาโรห์องค์ก่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงแค่เด็กชายอยู่นั้น ได้มีคำสั่งยังผู้ใต้บังคับบัญชาว่าให้จัดการจับกุมสมุนบริวารเหล่านักบวชภายใต้ปกครองของหัวหน้านักบวชทั้งหมด หรือจะสำเร็จโทษเลยก็ได้ จึงเกิดการโกลาหลขึ้นในอาณาจักรที่เกิดการประหัตประหารกันอย่างป่าเถื่อน
☀️
เซติ มืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะสามารถหาชิ้นส่วนหัวใจตัวเองทันก่อนกำหนดเส้นตายหรือไม่ ขณะที่ทาเรกเพื่อนสนิทคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียว ที่พยายามหาทางช่วยเซติในแบบของเขา ก็ได้พบกับเด็กสาวที่เป็นทาสชาวต่างชาติซึ่งถูกทรมานเจียนตายจากความอยุติธรรม นามว่ากาลี ซึ่งมีความเป็นมาน่าสนใจไม่ธรรมดา จะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันกับการหาทางช่วยเหลือเซติได้หรือไม่
แล้วชะตากรรมของอาณาจักรอียิปต์โบราณที่ยิ่งใหญ่ ใช่จะถึงกาลวิบัติในไม่ช้าหรือไม่ เมื่อเกิดความแตกแยกระส่ำระสายของความเชื่อสองฝั่ง ที่กลายเป็นศัตรูต่อกันพร้อมถืออาวุธเข้าห้ำหั่น ระหว่างความเชื่อของกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่นับถือเทพหลายองค์ กับกลุ่มลัทธิใหม่บูชาเทพองค์ใหม่สูงสุดหนึ่งเดียว
สุดท้ายทาเรกจะช่วยเซติได้ไหม❓️
เซติ จะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน หรือต้องดวงวิญญาณแตกสลาย ❓️
มัมมี่ฟาโรห์ หายไปจากสุสานได้อย่างไร เดินละเมอออกไปเองรึ ทั้งที่เป็นห้องปิดตาย 🤔
สารพัดปมที่เกิดขึ้น จะคลี่คลายได้ทั้งหมดเมื่อคุณได้อ่าน (ฮา) นี่คือคำตอบสุดท้าย
บทวิเคราะห์ 🖊
เป็นนิยายรวมมิตรกะทิลอดช่อง ที่จับเอารูปแบบของแนวสืบสวนมาแยกธาตุแล้วประกอบร่างใหม่ เข้ากับเรื่องแนวผจญภัยอิงประวัติศาสตร์โบราณ(อารยธรรมลุ่มน้ำไนล์) บวกกับกลิ่นอายลึกลับ แฝงคติความเชื่อของโลกมายาผสานจารีตประเพณี ซึ่งพอนำทั้งหมดมาอยู่ด้วยกันแล้วมันกลมกล่อม หอมมัน เคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ อุปมาดั่งรสเข้มข้นของกะทิ ความหนึบหนับของขนุนกับลอดช่องที่แข็งตัวกำลังดี แล้วยังมีถั่วลิสงคั่วใหม่หอม ๆ โรยหน้าพร้อมราดนมสดคาร์เนชั่น ลองตักเข้าปากคำแรกแล้ว ที่จะให้หยุดกลางคันมันเป็นไปแทบไม่ได้เลย
ความจริงเนื้อหาโดยรวมไม่ได้พิสดารพันลึก ถึงขนาดต้องตีลังกาหรือตะกายฝาบ้านอ่าน เงื่อนงำไม่ได้ซับซ้อนราวถูกออกแบบมาจากคนร้ายที่สติวิปลาส ออกจะอ่านเข้าใจง่าย ภาษาสำนวนกระชับชัดเจน การเล่าเรื่องเหมาะสมกับแนวผจญภัยเชิงท่องโลกสารคดี ข้อนี้ต้องยกความดีให้ผู้แปลที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ดูชื่อแล้ววางใจหายห่วง เพราะคุณภาพงานที่ผ่านมายาวนานตั้งแต่ยุคสนพ.เจบุ๊ก เป็นเครื่องยืนยัน
🖊
ชื่นชอบหลายจุดด้วยกันครับ เริ่มจากการเล่าเรื่องที่น่าสนใจมาก ด้วยการเปิดเรื่องให้ตัวละครตัวหนึ่งอยู่ในช่วงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ให้ผู้อ่านพอเห็นภาพกว้างว่าตัวละครกำลังทำอะไร และก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างผ่านการระลึก แล้วผูกโยงเข้าสู่สิ่งที่ชวนให้สงสัยว่ากำลังทำอะไรที่สำคัญบางอย่าง ก่อนจะตัดเข้าสู่การดำเนินเรื่องหลัก ที่แบ่งออกเป็น 4 บท โดยผู้เขียนเปรียบเสมือนพระเจ้าที่เล่าด้วยการเห็นถึงความคิดและการกระทำทุกอย่างของตัวละครทุกตัว เพียงแค่เลือกที่จะเล่าเท่าที่จำเป็น
โดยใน4บทนั้น เล่าสลับระหว่างบทบาทของตัวละครสำคัญ 2 ตัว ที่มีบทบาทอย่างมากต่อเรื่องราวทั้งหมด พอขึ้นบทใหม่ก็ตัดภาพไปเล่าเริ่มต้นของตัวละครอีกตัว โดยในแต่ละบทนั้นก็แบ่งย่อยอีก ซึ่งแต่ละตอนจะมีระบุช่วงเวลาที่กำลังเกิดเหตุการณ์ ด้วยการใช้วันที่ประกอบพิธีศพของฟาโรห์เป็นจุดศูนย์กลาง แล้วนับถอยหลังหรือเดินหน้าก่อนหลังจะกี่วันก็ตามที่ผู้เขียนวางแผนไว้
คนที่ไม่ชินกับการเล่าแบบนี้ใหม่ ๆ อาจสับสนบ้าง แต่เชื่อว่าจะเป็นแค่ช่วงแรก พออ่านไปสักพักจะเข้าใจได้เอง เพราะผู้เขียนเรียบเรียงลำดับการเล่าได้เป็นระบบ ไม่งง
🖊
ชอบประการต่อมาคือตัวละครหลักที่เดินเรื่อง ความรู้สึกคล้ายสมัยอ่านแปดเทพอสูรมังกรฟ้าของปู่กิมย้ง ที่ตัวเอกเปิดตัวทีละคน ช่วงที่เล่าถึงเรื่องของใครก็บรรยายรายละเอียดประกอบและเดินเรื่องเกี่ยวกับคนนั้นไปดุ่ย ๆ แล้วพอได้เวลาปรากฏตัวของตัวละครหลักคนถัดไป ก็พักยกเรื่องในส่วนของคนแรกไปก่อน เพื่อมาเล่าเรื่องราวของคนที่สองเต็มที่รวดเดียวโดยไม่วกไปพูดถึงตัวละครหลักตัวแรกเลย จนกว่าจะจบบท
เมื่อเล่าความเป็นไปสำคัญทั้งหมดของทั้งสองตัวละครหลักครบ ทีนี้ค่อยถึงบทถัดไปที่ให้ตัวละครสนับสนุนอีกตัว ทำหน้าที่เชื่อมประสาน และปล่อยเนื้อหาให้ไหลมาพบกันแล้วหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวได้อย่างกลมกลืน ราวกับสายน้ำสองสายที่มาบรรจบกันแล้วกลายเป็นแม่น้ำใหญ่ไปต่อเพื่อหล่อเลี้ยงสรรพชีวิต ในที่นี้ก็คือทำให้เรื่องราวเดินหน้าต่ออย่างสนุกสนาน ที่ไม่มีช่วงจังหวะให้เกิดความรู้สึกว่าเนือยเลย ทั้งที่จังหวะของการเล่าไม่ได้เปลี่ยน ยังคงเส้นคงวาไปเรื่อย ๆ เหมือนเช่นตอนเปิดเรื่อง
ทว่าความที่รู้จักการใส่สิ่งประกอบต่าง ๆ เข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี จึงทำให้เราอ่านไปได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด มีแต่พลิกหน้าต่อไปโดยไวเพราะกระหายอยากทราบว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ในขณะที่ระยะเวลาที่เหลือของตัวนำของเรื่อง ก็หดสั้นลงทุกที ๆ ทำให้รู้สึกเอาใจช่วยอยากให้ตัวละครตัวนี้สามารถทำภารกิจสำเร็จ โดยที่เรารู้สึกรักตัวละครไปแล้วตั้งแต่เมื่อไรไม่แน่ใจ
🖊
ที่บอกว่าคล้ายตอนอ่านแปดเทพอสูรมังกรฟ้าเพราะมีความโดดเด่นคือ ผู้เขียนเก่งพอจะสร้างสรรค์ตัวละครตัวที่สองเป็นตัวหลักนำเรื่องฉายเดี่ยวในบทถัดไป แล้วทิ้งเรื่องของตัวแรกไปก่อน นี่ถ้าฝีมือไม่ถึงจริงจะหายนะทันที เพราะคนอ่านกำลังตามความสนุกของคนที่1มาอย่างใจจดจ่อ แล้วต้องหยุดรอเพื่อมาเปลี่ยนความรู้สึกเข้าสู่การเริ่มต้น ตามเรื่องของตัวละครใหม่ที่เพิ่งรู้จักต่อ
ถ้าเนื้อหาส่วนนี้ไม่น่าดึงดูดพอ บุคลิกและภาพลักษณ์ของตัวละครหลักคนที่2 ไม่กระตุ้นเร้าความสนใจให้คนอ่านโดนดึงเข้าไปให้อยากเอาใจช่วย หรือกระหายใคร่รู้ความเป็นไป เท่ากับว่านิยายทั้งเรื่องจบสิ้นแล้ว เพราะจะเกิดช่วงที่คนอ่านรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างบทแรก กับบทที่สองอย่างชัดเจน และเมื่อความสนุกหายไป ความเบื่อ เซ็ง ไม่อยากพลิกหน้าถัดไปค่อย ๆ เกาะกินใจ ย่อมนำไปสู่การเลิกอ่าน หรือทนอ่านที่อิหลักอิเหลื่อ ซึ่งทั้งหมดนี้กลับไม่เกิดขึ้นเลยในเล่มนี้
ที่สำคัญคือตัวละครทั้งสองไม่ด้อยกว่ากันเลย ตัวที่ปรากฏทีหลังไม่จมหาย แต่สามารถขึ้นมาเป็นตัวชูรสควบคู่ไปกับตัวก่อนหน้าได้อย่างสูสี ดีงามจนอยากรู้เรื่องราวต่อแม้นหลังหนังสือจบไปแล้ว ผมถึงรู้สึกว่าผู้เขียนไม่ธรรมดา ชื่อนี้เป็นอีกคนที่ต้องจดจำไว้ให้แม่น
🖊
ชอบประการที่สามคือฉากหลังที่กล่าวถึงในท้องเรื่อง ซึ่งเป็นสมัยที่อารยธรรมโบราณแถบลุ่มแม่น้ำไนล์อยู่ในยุคเจริญรุ่งเรืองและกว้างใหญ่ไพศาล ตัวละครฟาโรห์องค์ปัจจุบันที่ผู้เขียนใส่ไว้ มีตัวบุคคลจริงในประวัติศาสตร์และเป็นฟาโรห์ที่นับว่ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของอนุชนรุ่นหลังมากที่สุดพระองค์หนึ่ง เนื่องจากมีการศึกษาและค้นพบสุสานของพระองค์
เมื่อผนวกกับเรื่องในจินตนาการอันบรรเจิด ดูไม่แตกแยกแต่ร้อยเรียงเข้ากันได้อย่างสนิทเนียนราวกับว่าจะเป็นเรื่องจริง ทั้งที่ตัวละครอื่นแทบทั้งหมดคือการรังสรรค์ขึ้นทั้งนั้น นี่ต้องอาศัยการทำการบ้านด้านประวัติศาสตร์ และค้นคว้าข้อมูลมาอย่างดี ที่สำคัญคือชื่อของฟาโรห์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังตอนช่วงท้ายของเรื่อง นับว่าเข้าใจในการผนวกเรื่องแต่งเข้ากับเรื่องจริงด้วยประเด็นทางการเมืองเรื่องของการนับถือเทพเจ้าและคติความเชื่อที่ฝังรากลึกมายาวนานหลายพันปีได้อย่างยอดเยี่ยม
อ่านแล้วนึกถึงครั้งสมัยเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะเป็นวิชาเลือกช่วงม.ปลาย และช่วงมหาวิทยาลัย ซึ่งมีความสนุกและน่าสนใจใคร่รู้ไปหมด ในเล่มนี้ยังทำให้ได้รับความรู้ใหม่เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวของคนที่ทำงานรับใช้ฟาโรห์ และการสร้างสุสาน การทำมัมมี่ และอื่น ๆ อีก ถือว่าคุ้มค่ามากทั้งสาระและความเพลิดเพลิน
🖊
ประการถัดมา ชอบที่แม้นจะมีความแฟนตาซีผสมผจญภัย แต่ไม่ใช่ออกนอกกรอบชนิดเพ้อฝันอย่างไร้ขอบเขตจนเหมือนเป็นสิ่งเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย ทุกอย่างล้วนมีที่มาอ้างอิงเกี่ยวโยงกับความเชื่อที่มีอยู่จริงในลัทธิทางศาสนาของชาวอียิปต์ หาได้แต่งขึ้นมาเองอย่างลอย ๆ ตามความพอใจส่วนตัวของผู้เขียนอย่างเดียว จึงเป็นแฟนตาซีที่มีสตอรีรองรับ มีน้ำหนักให้น่าฟังขึ้น
และยิ่งโครงสร้างของเรื่องมีความแข็งแรง องค์ประกอบเสริมแต่ละส่วนล้วนดีงามสนับสนุน ไม่ว่าจะตัวละครที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ ,แก่นเรื่องเกี่ยวกับความจริงและคำลวง สิ่งที่ใช้แค่ตานอกไม่สามารถมองทะลุ แต่ต้องใช้ตาจากภายในจึงเห็น(ในเล่มจะมีหลายฉากมาก ที่ซุกซ่อนประเด็นนี้แล้วแสดงให้เห็นเป็นระยะผ่านตัวละครหลายตัว) , ฉากที่ดึงดูดเร้าใจ, บทบรรยายที่เน้นเนื้อไม่มีน้ำมาก ทำให้นิยายทั้งเล่มสนุกขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องอาศัยแค่ตัวเอกมาแบกไว้ทั้งหมด
🖊
สิ่งที่ไม่ชอบมีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่แค่ไม่ชอบ นั่นคือทริกหรือวิธีที่คนร้ายใช้ในการขโมยพระศพของฟาโรห์องค์ก่อนให้หายไปจากสุสาน ลูกเล่นค่อนข้างท่ายาก ไม่ใช่ยากธรรมดาแต่ยากขั้นสุด ต้องอาศัยความแข็งแรง ความอดทน และใจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งอาศัยโชคพอสมควร ขนาดที่ว่าอ่านแค่คำบรรยายตัวอักษร ถ้าไร้ซึ่งภาพประกอบดังที่มีให้เห็นในหนังสือ แทบจะจินตนาการเป็นสามมิติไม่ออกเลย
แม้มีภาพก็ยังต้องจ้องมองแล้วทบทวนตามอยู่นาน ว่ามันจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่เอาเถิด ในเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับอียิปต์ ชาวไอยคุปต์ เผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างเข้มแข็ง แข็งแรง การที่ต้องมีตัวช่วยอะไรแบบนั้นมันก็พอฟังได้อยู่ นึกถึงหนังฮอลลีวู้ดเรื่องเดอะมัมมี่ และอีกหลายเรื่องแนวนี้แล้วก็พอเห็นภาพ คงต้องใช้วิธีอะไรแบบนี้สินะถึงจะเข้ากับความเป็นอียิปต์
🖊
ตัวเอกไม่ใช่นักสืบ แต่เป็นอดีตอาลักษณ์นักบวชชั้นสูง ไม่ใช่แม้แต่คนที่มีพื้นฐานด้านการป้องกัน หรือรักษาความปลอดภัย ดังนั้นตลอดทั้งเรื่องจะเห็นถึงการตามหาความจริงเรื่องการเสียชีวิตของตนเอง และเสี้ยวหัวใจที่หายไปแบบไร้ทิศทาง เรียกว่าทำไปตามสัญชาตญาณเท่าที่พอจะคิดได้ ไม่มีหลักวิชาการหรือจิตวิทยาในการพูดคุยทั้งสิ้น ดังนั้นโปรดอย่าคาดหวังว่าตัวเอกจะตามสืบแบบตัวเอกในนิยายแปลเรื่องอื่นที่ท่านเคยอ่านแล้วชื่นชอบ เดี๋ยวจะผิดหวัง
แม้นจะคุยกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเหมือนไม่น่าจะได้อะไร แต่ความน่าทึ่งคือมันยังอ่านสนุกครับ ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ แม้นตัวเซติจะไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความฉลาดเฉลียว มีไหวพริบเชาว์ปัญญาหลักแหลมอย่างชัดเจน หรือมีสัมผัสพิเศษที่พอจะคาดเดาได้ว่าใครน่าจะเป็นคนร้าย ออกจะใสซื่อและไว้วางใจคนง่ายด้วยซ้ำ
แต่ด้วยความที่ผู้เขียนออกแบบการเดินเรื่องมาอย่างดี จึงทำให้ส่วนประกอบอื่นช่วยกันพาให้เรื่องดำเนินต่อไปอย่างมีอะไรให้ต้องติดตามตลอด จนค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ตัวเอกทั้งสองได้พบเจอกันนั้นแหละ บทบาทหลังจากนั้นจะยิ่งสนุกคูณสอง เพราะสองหัวดีกว่าหัวเดียว
🖊
ชอบประการที่ห้า ซึ่งเป็นข้อที่ทำให้ตัดสินใจได้ว่าเล่มนี้คนเขียนมือถึงจริง ไม่ใช่แค่มือชั้นพอแต่งได้ทั่วไปที่มีเกลื่อนตลาด นั่นคือการค่อย ๆ เปิดเผยจุดสำคัญของเรื่องและปมย่อยต่าง ๆ อย่างเคลียร์ชัดทุกจุด และมันมีความเหนือตรงที่ นึกว่าสุดแล้ว ยังมีสุดกว่า นึกว่าจบแค่ตรงนี้เยี่ยมแล้ว ยังมีที่ซ่อนไว้แล้วเปิดขึ้นมาตอนปัจฉิมบท ยิ่งสุดของสุดอันยอดเยี่ยม จนต้องเฮ้ย..❗️
โอ้โห. เขียนได้ไง อะไรจะสร้างความไม่อยากจะเชื่อเลยได้มากขนาดนี้ นี่เราโดนเข้าแล้วเต็ม ๆ ช่างเนียนซะ ย้อนกลับไปพลิกดูใหม่ด้วยความคาใจ ในส่วนนั้นก็เล่าชัด แต่อ้อ มีค่อย ๆ เผยและใส่มาบอกใบ้ไว้ทีละนิดเป็นระยะ แต่เพราะเราเอาแต่ไปสนใจในจุดที่สงสัยอยากรู้ยิ่งกว่าที่ตามมาแต่ต้น จึงพลาดการจับสังเกตในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป ถือว่าเป็นความเก่งและกล้าของผู้เขียน ที่เขียนให้ผมหลงจนพบความจริงเอาตอนจบสุดท้ายของเรื่องพอดี และรู้ตอนนี้เป็นอะไรที่จะได้ความรู้สึกที่ปลื้มปริ่มอิ่มเอมเต็มที่ ยกนิ้วให้
ฉากที่ชอบมากคือตอนที่เซติต้องเผชิญหน้าเทพีมาอัตอีกครั้ง คำถามและคำตอบช่วงนั้นทั้งหมด ดีเลิศประเสริฐศรี โดยเฉพาะคำตอบสุดท้าย..
🖊
เอาละ ชมผู้เขียนหลายข้อจะไม่ชมสนพ.เลยก็กระไรอยู่ ไม่ใช่การชมเพราะส่งหนังสือมาให้ผมอ่านนะ แต่รู้สึกดีจริง ๆ กับทีมงานที่ทำหน้าที่ในการพิสูจน์อักษร พวกคุณทำหน้าที่ได้ดีมากครับ เพราะอ่านไม่พบคำผิดเลยแม้แต่คำเดียว ไม่พบแม้แต่คำที่พิมพ์เกิน พิมพ์ตกหล่น ไม่พบการใส่ชื่อผิดที่เป็นคำสนทนาของตัวละครหนึ่ง แต่พิมพ์เป็นชื่อตัวละครอีกตัว ที่เคยพบในสนพ.อื่น
อยากให้สนพ.ทุกแห่งให้ความสำคัญมาก ๆ กับเรื่องนี้ เหมือนเช่นที่หนังสือเล่มนี้ของน้ำพุ มอบความสุขในการอ่านให้กับผม เพราะการอ่านอย่างไหลลื่นโดยไม่รู้สึกสะดุด หรือเอ๊ะเป็นระยะ แล้วเกิดความสงสัยและหงุดหงิดเล็ก ๆ ว่าทำไมถึงปล่อยผ่านมาได้ขนาดนี้ เป็นอะไรที่หาได้ยากมากจริง ๆ. ขอให้รักษามาตรฐานนี้ไว้ให้นาน ๆ ตลอดไป เป็นอีกหนึ่งสำนักพิมพ์คุณภาพ ที่สามารถเอ่ยชมได้โดยไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนครับ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านถึงบรรทัดสุดท้าย😊
📍คำเตือน ทั้งหมดนี้คือความชอบหรือไม่ชอบของผมคนเดียวที่ไม่จำเป็นว่าเพื่อน ๆ จะอ่านแล้วรู้สึกชอบหรือไม่ชอบคล้ายกันกับที่ผมรู้สึก ดังนั้นโปรดพิจารณาตัดสินใจสุดท้ายด้วยตนเองเถิดครับ ว่าพร้อมที่จะเปิดสุสานหรือไม่
ไม่ขอให้ดาวใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะสิ่งนี้ไม่อาจบ่งบอกความจริงใด ๆ ได้ ดาวเยอะของคนคนหนึ่ง อาจกลายเป็นดาวน้อยหรือไร้ดาวของใครอีกหลายคน ดังนั้นขอให้สิ่งที่ผมเล่านี้ เป็นเพียงแค่เรื่องที่อ่านไว้เพียงให้รู้ว่ามีคนคนหนึ่งคิดอย่างไรกับหนังสือเล่มนี้ เท่านั้นพอครับ
โฆษณา