16 ส.ค. เวลา 13:17 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Weapons เวเพินส์ (หลอนสังหาร หลอกสั่งตาย)

กับคะแนน rotten tomato ที่ได้ไปถึง 100% เต็ม (ปัจจุบันจากการสำรวจตกลงมาอยู่ที่ 94% แต่ยังถึงว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆสำหรับหนังในปีนี้) ไม่ได้หาข้อมูลอะไรไปก่อนเลย เพื่อเติมเต็มอรรถรสในการรับชม ให้หนังพาเราไป แล้วพบว่าเป็นหนังที่ยอดเยี่ยม และมีเรื่องให้ได้ถกต่ออีกมาก เริ่มกันเลย!
2
เวเพินส์ผลงานการกำกับของ Zach Cregger ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานไว้กับ Barbarian หนังที่ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกท่วมท้น (ยอมรับว่าตัวผู้เขียนเองยังไม่ได้ดู แต่หลังจาก weapons ก็คิดว่าคงต้องไปหาเวลาดูบ้างซะแล้ว)
มีดราม่าเรื่องผู้กำกับมาตั้งแต่ก่อนเริ่มทำหนัง เนื่องจากมีข่าว จอร์แดน พีล ผู้กำกับ Nope, Us, Get out และอื่นๆ ก็อยากได้ตัวบทหนังเรื่องนี้แต่เค้ากลับประมูลมาไม่ได้ โกรธถึงขั้นไล่ผู้จัดการออก
แหล่งข่าว
ทำให้คนไฮป์หนังเรื่องนี้เข้าไปใหญ่
เพราะได้ตกไปอยู่ในมือ New line Cinema และได้ แซ็ค เคร็กเกอร์ มากำกับ ปกหนังมาด้วยเรื่องลึกลับสยองขวัญ กับคำโปรยยาวๆที่บอกเนื้อหาของหนังว่า
เมื่อคืนนี้
เวลา 2:17 น.
เด็กทุกคน
จากชั้นเรียนของคุณครูแกนดี้
ตื่นขึ้น
ลุกจากเตียง
ลงบันได
เปิดประตูหน้า
เดินเข้าสู่ความมืด
...และพวกเขา
ไม่เคยกลับมาอีกเลย
2
ภาพโปสเตอร์เด็กๆวิ่งด้วยท่ากางแแขน มุ่งหน้าตรงไปสู่จุดหมายที่ไม่รู้จักในยามวิกาล ดูแล้วชวนหดหู่ใจ มาทราบภายหลังว่าท่าวิ่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพถ่ายของเด็กหญิง "Napalm Girl" ที่เป็นภาพถ่ายเด็กๆที่หนีระเบิดในช่วงสงครามเวียดนาม (ต้องยอมรับว่าคนรุ่นนี้ อาจจะรุ่นของผู้เขียนยังไงก็ต้องนึกถึงนารูโตะก่อน ก็กางแขนซะแบบนั้น)
มาลองเข้าเนื้อหาของหนังกัน ต้องบอกว่าโคตรยาวเหมือนเดิม (เหนื่อยแต่มันดี)
***คำเตือน*** จากนี้จะตรงนี้จะเป็นการ spoil เนื้อหาของหนัง Weapons เนื่องจากเป็นลักษณะการเขียนข้อมูลจากความทรงจำ อาจจะมีผิดพลาดไปบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
สามารถข้ามในส่วนของสปอยล์ ไปพาร์ทวิเคราะห์วิจารณ์ได้ ในช่วงสุดท้ายของบทความ :)
หนังเล่าเรื่องโดยการใช้เสียงของผู้บรรยายเด็กเล่าถึง
ข่าวใหญ่ที่ไม่อยากถูกพูดถึงของเมืองเล็กๆ เมืองเมย์บรู๊ค เพนซิลเวอเนีย
เมืองที่ไม่มีเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจบ่อยนัก จนกระทั่งคืนหนึ่งในวันธรรมดาวันนึง
เด็ก 17 คนตื่นขึ้นในเวลา 2:17 AM ลุกออกจากเตียง ลงบันได เปิดประตูหน้าบ้านและวิ่งตรงออกไปยังความมืด โดยที่ไม่มีผู้ปกครองคนใดเห็นเหตุการณ์หรือเอะใจ
จากตรงนี้ หนังเล่าเป็นลักษณะคล้ายๆ ราโชมอน หรือ ใครฆ่านานะ (ประมาณนั้น) เล่าจากมุมมองของตัวละครต่างๆ ใน timeline ใกล้ๆ สลับตัดไปมา
Justine Gandy
JUSTINE (จัสตีน)
เช้านี้ที่โรงเรียน คุณครูสาว จัสตีน แกนดี้ (รับบทโดย จูเลีย การ์เนอร์) เดินเข้าห้องเรียน เกรด 3 (ป.3 เทียบกับโรงเรียนไทย อายุประมาณ 9 ปี) ซึ่งเธอรับหน้าที่เป็นครูประจำชั้น
เธอต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ชั้นเรียนเธอซึ่งปรกติมีเด็ก 18 คน วันนี้กลับมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่เข้าชั้นเรียน อเล็กซ์ ลีลลี่
ทุกฝ่ายปูพรมออกตามหาทั่วเมือง แต่ไม่พบร่องรอยของเด็กทั้ง 17 คนเลย เหตุการณ์นี้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับทุกคนในเมือง และที่เป็นทุกข์ที่สุดคือเหล่าผู้ปกครองของเด็กที่หายตัวไป
จัสตีนตกเป็นเป้าจากเหตุการณ์หายไปของเด็กๆในครั้งนี้ทันที เนื่องจากเธอเป็นครูประจำชั้นของเด็กทั้งหมดที่หายตัวไป โดยที่ไม่มีเด็กในห้องของคุณครูคนอื่นหายไปแม้แต่คนเดียว
1
คุณครูใหญ่ มาร์คัส (เบเนดิก หว่อง) มีการพูดคุยกับจัสตีนให้พักการสอนเพื่อเป็นการเยียวยาเธอด้านจิตใจจากการถูกโจมตีทางคำพูด และสายตา ของผู้ปกครองของเด็กๆภายในโรงเรียน จัสตีนขอคุยกับอเล็กซ์ส่วนตัว แต่มาร์คัสไม่อนุญาต
ในการประชุมใหญ่ ระหว่างผู้ปกครองของเด็กที่หายตัวไปกับทางโรงเรียน ผู้ปกครองหลายคนเรียกร้องให้จัสตีนขึ้นไปพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะคิดว่าทั้งหมดคือความผิดของเธอ
เหตุการณ์บานปลาย จนเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนต้องกันตัวจัสตีนออกมา และให้เธอกลับบ้าน
จัสตีนแวะซื้อเครื่องดื่มมึนเมาก่อนเข้าบ้าน เธอจอดรถไว้หน้าบ้าน ด้วยความหวาดระแวงใครจะจะตามมา เนื่องจากพึ่งผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยไปจากงานประชุม เธอเข้าบ้านและล็อคประตู
จัสตีนได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน จึงออกไปส่องตาแมว และเปิดประตูดู ก็พบว่าไม่มีใครอยู่หน้าบ้านเธอ จัสตีนตัดสินใจกลับเข้าบ้าน และต้องพบเสียงเคาะดังอีกครั้ง !
คืนนั้นจัสตีนฝันประหลาดถึงผียายแก่ที่แต่งหน้าเหมือนตัวตลก และฝันว่าตัวเองเดินเข้าไปในห้องเรียนที่มีเด็กๆที่หายไปนั่งอยู่เต็มห้อง และฟุบหลับอยู่ แต่มีอเล็กซ์ที่ไม่หลับเค้ายิ้มให้เธอด้วยใบหน้าที่เติมแต่งไปด้วยเครื่องสำอางค์ให้ลุคเหมือนตัวตลก
ช่วงเช้าวันต่อมา จัสตีนพบว่า รถของเธอถูกทาด้วยสีแดงเป็นข้อความขนาดใหญ่ว่า "WITCH"
"WITCH"
จัสตีนหัวเสีย แต่ไม่สามารถลบข้อความบนรถให้ จำใจต้องขับไปโรงเรียนทั้งอย่างนั้น เธอคุยกับมาร์คัสอีกครั้งให้เธอได้มีโอกาสพูดคุยกับอเล็กซ์ มาร์คัสไม่อนุญาต
คืนนั้นจัสตีนไปดื่ม และพบกับแฟนเก่าพอล (แสดงโดย อัลเดน เออเร็นริช *โซโลตอนหนุ่ม) ตำรวจหนุ่มที่มีส่วนร่วมในการสืบสวนคดีเด็กหายตัวไปเหมือนกัน แต่ไม่มีความคืบหน้า จัสตีนกับพอลนอนด้วยกันในคืนนั้นเนื่องจากเข้าใจว่าพอลเลิกกับแฟนแล้ว
Paul Morgan
ในเมื่อไม่มีอะไรคืบหน้า จัสตีนตัดสินใจไปแอบดักเจออเล็กซ์ระหว่างทางกลับบ้าน และถามว่าเป็นยังไงบ้าง หนุ่มน้อยตอบเธอผ่านๆ และตะคอกใส่เธอว่าไม่ต้องตามเค้ามา และวิ่งกลับเข้าบ้าน
จัสตีนตามไปบ้านของอเล็กซ์ และพบว่าบ้านของอเล็กซ์มีอะไรแปลกๆ เธอพยายามเคาะประตูแต่ไม่มีใครเปิด หน้าต่างทุกบานบ้านอเล็กซ์ถูกปิดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์
เธอเดินอ้อมไปยังประตูด้านหลังบ้าน เพื่อพยายามหาจุดที่จะสามารถมองเข้าไปในบ้านได้ เธอพบกับจุดที่ไม่ถูกหนังสือพิมพ์ปิด
จัสตีนส่องเข้าไปในบ้านที่ไม่มีแสงไฟ พบว่ามีคน 2 คนนั่งอยู่บนโซฟา เธอตกใจผงะออกมา และโทรหามาคัสเพื่อบอกถึงเหตุการณ์แปลกๆในบ้านอเล็กซ์ ขอให้มาคัสลองเรียกผู้ปกครองของอเล็กซ์เข้าไปพบหน่อย
จัสตีนตัดสินใจจะมาอยู่เฝ้าหน้าบ้านของอเล็กซ์จึงแวะซื้อของในสะดวกซื้อ และถูกแฟนของพอลตามมาตบถึงในร้าน ถึงขั้นลงไปกองกับพื้น เธอจะจึงบอกแฟนพอลว่าเธอไม่รู้จริงๆว่าทั้งคู่ยังไม่เลิกกัน
คืนนั้นจัสตีนไม่ล้มเลิกความตั้งใจเธอไปนั่งรอความเคลื่อนไหวของบ้านอเล็กซ์ในรถ จนผลอยหลับไปในที่สุด
กลางดึกคืนนั้นเอง ประตูบ้านอเล็กซ์เปิดขึ้น และพบว่ามีหญิงคนนึงวิ่งมาด้วยท่าทางแปลกๆพร้อมกรรไกรในมือตรงมาที่รถของจัสตีน
อ้อมไปอีกฝั่งนึงของคนขับด้านหลัง และขึ้นมาในรถ! (จัสตีน! ไม่ล็อครถ)
มือถือกรรไกรนั้นเอื้อมมาด้านหน้า ง้างขากรรไกรขึ้น และ...
ฉับ!! กรรไกรนั้นตัดผมบางส่วนของจัสตีนออกไป โดยที่จัสตีนผู้เหนื่อยล้าไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย มนุษย์ผู้หญิงที่มีท่าทางประหลาดนั้นกลับเข้าบ้านไป
เช้านั้นจัสตีนออกไปเติมน้ำมันรถ และพบกับอาเชอร์ กราฟ(แสดงโดย จอช โบรลิน *ทานอส) ที่เข้ามาหาเรื่องจัสตีนด้วยความเดือดดาล อยากให้เธอบอกมาว่าลูกชายเค้าแมททิวหายไปไหน
การประทะกันด้วยคารมของทั้ง 2 คน ต้องถูกขัดจังหวะเพราะมาคัสที่ตาแดงกล่ำและเบิกโพลง วิ่งตรงมายังจัสตีน และพุ่งเข้าบีบคอเธอ!
Archer Graff
ARCHER (อาเชอร์)
อาเชอร์ กราฟ นอนบนเตียงของแมททิวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่หายตัวไป ทุกคืน นับตั้งแต่คืนนั้นที่กล้องวงจรปิดในบ้านจับภาพได้ว่า แมททิววิ่งออกจากประตูหน้าบ้านไปท่ามกลางความมืด
เค้าเอาแต่จดจ่ออยู่กับคดีการหายตัวไป และคิดว่าจัสตีนต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางนึง
1
วันประชุมผู้ปกครองของเด็กๆที่หายตัวไป 17 คน เค้าเองที่เป็นคนเริ่มต้นการกล่าวโทษจัสตีน และทำให้ทุกคนพุ่งเป้าไปที่เธอ
วันนั้นอาเชอร์ อีกสถานะนึงคือผู้รับเหมาก่อสร้าง นำสีที่ต้องใช้ทาประตูไปผิดสีจากที่ควรจะเป็นสีเขียว เค้าดันเอาสีแดงมา
หลังจบประชุมวันนั้น เค้าแอบตามจัสตีนไปที่บ้านของเธอ เพื่อดูว่ามีพิรุธอะไรจากเรื่องนี้ไม๊ และเป็นเค้าเองที่เขียนคำว่า "WITCH" ไว้ที่รถของเธอ
อาเชอร์ย้อนดูวิดีโอ แมททิวที่วิ่งตรงออกไปจากหน้าบ้าน เค้ากางแผนที่ขีดเส้นตรงจากหน้าบ้าน หาจุดที่เป็นไปได้ที่แมททิวจะวิ่งไป
เค้าติดต่อหาผู้ปกครองของเด็กที่หายตัวไปอีกบ้านนึง ซึ่งมีกล้องวงจรปิดเช่นเดียวกันเพื่อขอดูภาพจากบ้านหลังนั้น แต่แม่ของเด็กไม่ยินยอม
อาเชอร์ออกสืบเรื่องลูกชายต่อ เค้าติดต่อหาผู้ปกครองของเด็กที่หายตัวไปอีกครั้ง คราวนี้เข้าทางพ่อ และได้ดูภาพกล้องวงจรปิด พบว่าเด็กทั้งสองวิ่งไปยังทิศทางเดียวกัน เกิดเป็นเส้นตรงตัดกันบนแผนที่ แต่ยังไม่พบว่าสถานที่ใดคือสถานที่ที่น่าสงสัย
คืนนั้นเค้าฝันถึงหญิงแก่ใส่วิกและแต่งหน้าแบบตัวตลก
วันต่อมาอาเชอร์ตามไปเจอกับจัสตีนที่ปั้มน้ำมัน และเริ่มเข้าไปพูดหาเรื่องเธอ เกี่ยวกับเรื่องการหายตัวไปของเด็กๆ แต่ก็ต้องถูกขัดจังหวะด้วยการบุกเข้าโจมตีจัสตีนของครูใหญ่มาคัส
อาเชอร์เข้าขวางการต่อสู้ จัสตีนหนีเข้าร้านสะดวกซื้อ มาคัสไม่ลดละความพยายาม พยายามวิ่งเข้าใส่เธอ แต่ก็ต้องถูกขัดขวางด้วยอาเชอร์ จนจัสตีนขึ้นรถของเธอได้ และขับออกไป มาร์คัสวิ่งตามรถ โดยมีอาเชอร์วิ่งไล่อีกที
จนกระทั่งมาคัสวิ่งข้ามถนนใหญ่ และถูกรถชนเสียชีวิตในที่สุด!
MARCUS
MARCUS (มาร์คัส)
ย้อนกลับไปวันที่จัสตีนโทรหาให้ คุณครูใหญ่ มาร์คัส มิลเลอร์ ติดต่อพบผู้ปกครองของอเล็กซ์ เพื่อตรวจสอบสิ่งแปลกๆที่เธอเจอที่บ้านอเล็กซ์
มาร์คัสได้โทรนัดพบผู้ปกครองของอเล็กซ์ ที่เค้าคิดว่าจะเจอกับทาง พ่อ-แม่ของอเล็กซ์ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อผู้ปกครองทีมาพบกลับเป็นหญิงแก่ท่าทางแปลกๆที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ แกลดิส เป็นป้าของอเล็กซ์
เธอมาแทน พ่อ และแม่ของอเล็กซ์ที่ป่วยหนักไม่สามารถมาได้
มาร์คัสยึนยันกับเธอว่าต้องการพบ พ่อ-แม่ ของอเล็กซ์ที่เป็นผู้ปกครองที่แท้จริงไม่ใช่ตัวแทน ถ้าไม่สามารถพบได้เค้าอาจจะต้องดำเนินการแจ้งต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตรวจสอบ
แกลดิสพยายามโน้มน้ามให้มาร์คัสเชื่อว่าทุกอย่างปรกติดี เค้าไม่จำเป็นจะต้องตรวจสอบอะไร แต่มาร์คัสไม่ยินยอม
วันถัดมาที่บ้านของมาร์คัส ขณะนั้นเค้ากำลังอยู่ที่บ้านกับแฟนหนุ่ม
แกลดิส โผล่มาที่บ้านและขอเข้าไปดื่มน้ำในบ้าน ตรงเข้าไปยังห้องครัวของมาคัสในทันที พลางวางข้าวของ หากรรไกรและพุ่งตรงไปยังแฟนหนุ่มของมาร์คัส
เธอตัดผมของเค้าออกมาอย่างกับว่าเป็นเรื่องทั่วๆไป แฟนมาร์คัสยังไม่ทันตั้งตัว
และถามมาคัสว่า ได้แจ้งใครเรื่องผู้ปกครองของอเล็กซ์หรือยัง ระหว่างที่พูดก็นำกิ่งไม้มาพันกับของในครัวของมาร์คัส พร้อมกับใส่น้ำในอ่าง
มาร์คัสบอกกับแกลดิสว่ายังไม่ได้ดำเนินการอะไร ด้วยท่าทางงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ระหว่างรอฟังคำตอบเธอนำผมของแฟนมาคัสมาพันกับกิ่งไม้ประหลาดที่เธอนำมา พร้อมกับนำกิ่งไม้นั้นกรีดเข้าที่มือ ก่อนที่จะชโลมเลือดของเธอเข้ากับกิ่งไม้
มาร์คัสขู่ว่าจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก ทันใดนั้นแกลดิสหักกิ่งไม้
มาร์คัสตัวแข็ง และพุ่งเข้าทำร้ายแฟนของเค้าทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว มาร์คัสต่อยเข้าที่หน้าของชายหนุ่มจนเค้าสลบไป แต่มาร์คัสไม่หยุดเค้าต่อยกระหน่ำจนหัวของแฟนเค้าเละคามือ เค้าหยุดมือในตอนที่แกลดิสทิ้งกิ่งไม้นั้นลงน้ำที่เธอเตรียมไว้ในอ่าง
เธอหยิบอีกกิ่งนึงขึ้นมา และทำแบบเดียวกันคือชโลมกิ่งไม้ด้วยเลือด และหักมัน
มาร์คัสวิ่งออกจากบ้านด้วยความเร็วเต็มสปีด มาร์คัสวิ่งด้วยท่ากางแขนเหมือนกับเด็กๆ 17 คนที่หายตัวไป
เค้าวิ่งตรงไป ตรงไป ตรงไป ผ่านทุกร้านรวง ด้วยความเร็วเท่าเดิม
และในที่สุดถึงปั๊มที่ จัสตีน กำลังเติมน้ำมันอยู่!!
PAUL
PAUL (พอล)
วันก่อนที่พอลจะพบกับจัสตีน พอล ขับรถลาดตะเวนตามหน้าที่ปรกติ
และพบเจมส์ หนุ่มขี้ยากำลังจะปีนเข้าบ้านคนอื่นเพื่อโขมยของ ด้วยความหน้าที่ตำรวจเค้าเรียกให้เจมส์หยุด แต่ไม่เป็นผล การไล่ล่าจึงเกิดขึ้น
ในที่สุดพอลจับตัวเจมส์ได้ ตำรวจหนุ่มรวบเค้า และใส่กุญแจมือก่อนที่จะค้นตัว
พอลสอบถามเจมส์ว่า เค้าได้พกของมีคมหรือไม่ก่อนค้น เจมส์ตอบว่าไม่ แต่ระหว่างค้นนั้นเอง พอลถูกของมีคมบางอย่างในกระเป๋าเจมส์บาดนิ้วเข้าอย่างจัง
ด้วยความเจ็บ+ความโกรธ ก่อนจะถามเจมส์ว่านายเป็นเอดส์หรือเปล่า พอลระบายอารมณ์กับเจมส์ในทันที ด้วยหมัดเน้นๆ จนเค้าสลบไป ใบหน้าเริ่มเขียวช้ำ
พอลสงบสติ และนึกขึ้นได้ว่าฉิบหายละ ดันเผลอตัวทำร้ายประชาชน จึงต่อรองกับเจมส์ว่าอย่ามาให้เค้าเจออีก เค้าจะปล่อยเจมส์ไปแต่เจมส์ต้องลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
พอลกลับมาสถานีตำรวจด้วยความเซ็ง ดอนน่าแฟนสาวก็กำลังจะไม่อยู่บ้าน และกำลังจะวันเกิดพ่อของเธอซึ่งเป็นสารวัตรใหญ่ในกรมตำรวจ พอลเข้าไปปรึกษาพ่อดอนน่าก่อนจะบอกว่าไว้กินข้าวกัน
เย็นนั้นพอลพบกับอเล็กซ์ที่สถานีตำรวจที่มาโวยวายเรื่องรถโดยสีป้าย
หลังจากคืนที่นอนกับอเล็กซ์ เช้าวันถัดมาเค้ากลับบ้านมา พบว่าแฟนสาวของเค้า ดอนน่า กลับมาบ้านเร็วกว่ากำหนด (ทำให้เธอรู้เรื่องว่าพอลแอบนอกใจเธอไปหาแฟนเก่าอย่างจัสตีน)
วันถัดมาพอลถูกเพ่งเล็งจากสารวัตรใหญ่ ทำให้หัวเสียอย่างมาก ก่อนออกมานอกกรมตำรวจแล้วเจอว่า เจมส์ คนที่เค้าเตือนแล้วว่าอย่าโผล่มาแถวนี้ มาเดินด้อมๆมองๆสถานีตำรวจอยู่
พอลาไม่รีรอที่จะตะโกนด่า และวิ่งไล่เพื่อจับเจมส์ให้ได้!
JAMES
JAMES (เจมส์)
เจมส์ หนุ่มขี้ยาที่อาศัยอยู่ในเต๊นกลางป่า
ลักเล็กขโมยน้อยเพื่อหายามาเสพย์ต่อชีวิต
เช้านี้ซวยหน่อย จะปีนบ้านหลังนึง แต่กับเจอตำรวจลาดตระเวนมาเห็นซะได้ จึงเกิดการวิ่งไล่กัน ตำรวจจับโจร
หลังจากโดนซ้อมโดยพอล เจมส์ที่สะบักสะบอมหาบ้านที่ไร้คนเพื่อทำการลักโขมยต่อ และในที่สุดเค้าก็พบกับบ้านหลังใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ (บ้านอเล็กซ์)
เจมส์พยายามหาทางเข้าไปจนในที่สุดก็เข้าไปในบ้านจนได้
ในบ้านเงียบสนิท ไม่มีแสงไฟเปิดภายในบ้าน มีเพียงแสงอาทิตย์ลอดจากหนังสือพิมพ์ที่ปิดอยู่ตรงหน้าต่าง
ข้าวของในบ้านวางเกลื่อนไม่มีใครดูแล เจมส์เตรียมถุงออกมาเพื่อใส่ของมีค่า
เมื่อเดินไปถึงห้องนั่งเล่น เค้าก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่ามีร่างของมนุษย์ชาย หญิง นั่งอยู่บนโซฟา ไม่มีสัญญาณการเคลื่อนไหว ได้แต่นั่งนิ่งตาเบิกโพลง
เจมส์ตกใจในทีแรก แต่เมื่อไม่มีลองจับลองเรียก ไม่มีการตอบรับจากร่างมนุษย์ 2 คนนั้น ทำให้เค้าตัดสินใจทำตามแผนต่อ
เจมสหยิบของไปซักพักพบว่า ร่างชาย หญิงที่เค้าคิดว่าเป็นหุ่นนั้นขยับได้ เค้าตรงใจวิ่งวุ่นไปทั่วบ้านจนได้ลงไปยังห้องใต้ดินของบ้าน
แสงไฟจากประตูทำให้เค้าเห็นเงาของเด็ก หลายคน และที่น่าจดจำที่สุดคือจุดที่แสงไฟพาดผ่าน เห็นเป็นเด็กชายผิวดำหันหน้ามาหาเค้าด้วยสายตาเหม่อลอย
เจมส์วิ่งออกจากตรงนั้นไปยังประตูหน้าบ้าน และออกจากบ้านนั้นไปได้อย่างหวุดหวิด
เจมส์นำของที่ขโมยมาไปยังโรงรับจำนำ แต่กลับพบว่าของที่เค้าได้มานั้นไม่มีราคาแม้แต่ดอลลาร์เดียว ในความสิ้นหวังนั้น เจมส์เหลือบไปเห็นโปสเตอร์เด็กหาย พร้อมรางวัลคนแจ้งเบาะแส 50,000 ดอลลาร์
เจมส์จำภาพเด็กชายที่เค้าเห็นในห้องใต้ดินได้ในทันที นี่แหละคือสิ่งที่จะนำเงินจำนวนมหาศาลมาให้เค้า
นั่นเป็นเหตุที่ทำให้เจมส์ ไปป้วนเปี้ยนอยู่หน้าโรงพัก
timeline ของพอล และเจมส์ เข้าบรรจบกัน
เจมส์วิ่งหนีนายตำรวจพอลอีกครั้ง คราวนี้เค้าวิ่งเข้าป่ากลับไปที่เต๊น พอลเจอภาพหลอนประหลาดของแกลดิสกลางทุ่ง พอลรูดซิบเต้นปิดพร้อมกับภาวนาไม่ให้ใครก็ตามหาเค้าเจอ
ซิบเต๊นของพอลถูกรูดขึ้นอย่างช้าๆ เจมส์พร้อมกับเข็มฉีดยา 3 เข็มในมือ พุ่งเข้าแทงคนที่ผุ้บุกรุกในทันที พอลร้องอย่างเจ็บปวด เค้าดึงเข็มฉีดยาออก และรวบตัวเจมส์ไว้ได้ ก่อนที่จะลงมือพอลตะหวาดเจมส์อย่างเดือดดาลว่า บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้ามาให้เค้าเห็นอีก
เจมส์ลนลาน และแจ้งว่าเค้าต้องการแจ้งเบาะแส เพื่อรับเงินก้อนใหญ่ พอลหยุดฟังให้เจมส์พูดต่อ และนำเค้าไปยังที่ที่เจอเด็กๆทั้ง 17 คน
ทั้งคู่มาถึงหน้าบ้านของอเล็กซ์ด้วยรถของพอล พอลให้เจมส์อยู่ในรถ เจมส์พยายามบอกพอลว่าเงินผู้แจ้งเบาะแสต้องเป็นของเค้านะถ้าเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง
พอลลงไปเคาะประตูหน้าบ้านอเล็กซ์ ประตูเปิดออก และพอลเข้าไปในบ้านที่มืดมิดนั้น ซักพักนึงประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมด้วยร่างของพอลที่พุ่งตรงมายังรถ ด้วยท่าทีประหลาด เค้าเปิดประตูกระชากเจมส์ออกจากรถ
เจมส์พยายามหนีตาย แต่ก็ถูกพอลดึงขาลากเข้าบ้านอเล็กซ์ไปในที่สุด
ALEX(อเล็กซ์)
อเล็กซ์ ลิลลี่ หนุ่มน้อยผู้มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น บ้านของเค้ามีกัน 3 คน พ่อ-แม่ ที่แสนใจดี และใส่ใจอเล็กซ์
แม้ตัวอเล็กซ์เองจะตัวเล็ก และโดนเพื่อนแกล้งที่โรงเรียนบ้างเสมอๆ แต่เค้าก็ไม่เคยก่อปัญหา และมีบ้านเป็นที่พักใจ
จนกระทั่งการปรากฎตัวของป้าแกลดิส ที่พ่อบอกว่าเป็นพี่สาวของแม่ที่ป่วยหนัก ไม่ได้เจอกันมา 15 ปี ขอมาอาศัยด้วย เธอมาพร้อมข้าวของ และต้นไม้ประหลาดที่มีแต่ก้านแหลมๆสีดำไร้ใบ
พ่อของอเล็กซ์ ไม่สบายใจกับสถานกาณ์ที่เกิดขึ้น และเริ่มมีปากเสียงกับแม่ของอเล็กซ์ อเล็กซ์เองก็บอกกับพ่อว่าเค้าไม่ค่อยสบายใจที่จะมีป้ามาอยู่ด้วย
ป้าแกลดิสมีท่าทีแปลกๆ นางบอกกับอเล็กซ์ว่าที่มาอยู่ด้วยเพราะคิดว่า พ่อ-แม่ ของอเล็กซ์จะช่วยนางได้
Gladys
เย็นวันนั้นอเล็กซ์กลับมาบ้านและพบว่า พ่อ-แม่ ของตัวเองนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะกับข้าว ป้าแกลดิสบอกว่า พ่อ-แม่ ของอเล็กซ์ป่วยมาก ไม่สามารถพูดได้ แต่ยังไม่ตาย ต่อไปนี้ป้าจะเป็นคนดูแลอเล็กซ์ และอเล็กซ์ต้องเชื่อฟังคำสั่ง
แกลดิสพูดพร้อมกับถือกิ่งไม้ของเธอที่ชโลมไปด้วยเลือดจากมือ อเล็กซ์ปฏิเสธที่จะเชื่อฟัง แกลดิสจึงออกคำสั่งกับ พ่อและแม่ของอเล็กซ์ทันที
ทั้งคู่หยิบส้อมที่วางอยู่บนโต๊ะทิ่มเข้าที่ใบหน้าของตัวเองไม่ยั้ง โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด อเล็กซ์กรีดร้องให้ทั้งคู่ตื่น และหยุดการกระทำดังกล่าว
ทั้งคู่ไม่หยุดจนแกลดิสออกคำสั่ง
(การสั่งการนี้ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เพียงแค่คิด?)
แกลดิสบอกว่าถ้าอเล็กซ์ทำตามคำสั่งเธออย่างเคร่งครัดจนเธอหายดี เธอจะทำให้ พ่อ-แม่ของอเล็กซ์กลับมาเป็นปรกติ
เริ่มด้วย อเล็กซ์จะต้องไม่บอกเรื่องที่เธออยู่ที่นี่และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้กับใคร ตามมาด้วย อเล็กซ์ต้องไปขโมยของส่วนตัว 1 ชิ้นของเพื่อนในห้องแต่ละคนมาให้กับแกลดิส และป้อนอาหารกระป๋องให้กับพ่อและแม่ทุกวัน
อเล็กซ์จำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของพ่อ และแม่ เค้าเริ่มวางแผนว่าจะขโมยอะไรที่เป็นของส่วนตัวของเพื่อนๆดี
ในที่สุดอเล็กซ์ก็คิดแผนดีๆได้ และทำมันสำเร็จอย่างรวดเร็ว อเล็กซ์ขโมยกระดาษเขียนชื่อลายมือของเพื่อนๆทุกคนหน้ากล่องเก็บของส่วนตัว
เค้านำกระดาษทั้งหมดกลับมาบ้าน
และคืนนั้นเอง เวลา 2:17 เมื่อป้าแกลดิสสั่นกระดิ่ง
เพื่อนๆทั้ง 17 คน ต่างวิ่งมาด้วยท่ากางแขนประหลาด
เข้าไปในบ้านของเค้าทีละคนทีละคน
หลังจากเหตุการณ์นั้น อเล็กซ์ถูกสอบถามมากมาย เค้ายังต้องปิดเรื่องทั้งหมดกับทุกคน และคอยดูและ พ่อและแม่ที่รักของเค้าอยู่ทุกวัน
ป้าแกลดิสเริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เค้าได้แต่หมกตัวอยู่ในห้อง ป้าแกลดิสนำเพื่อนๆของเค้าออกไปจากบ้านวันที่มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
***จนวันที่มีโจรบุกเข้าบ้าน วันนั้นหลังจากโจรออกไป ป้าแกลดิส สั่งให้เค้าอยู่แต่ในห้อง และอย่าเข้ามายุ่งกับห้องของเธอ หน้าห้องของป้ามีเกลือโรยไว้เป็นเส้นตรงนอกประตูห้อง และมีพ่อ-แม่ ของอเล็กซ์ยืนเฝ้าหน้าประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ขณะที่พอลวุ่นวายอยู่กับเจมส์
คืนเดียวกันนั้น จัสตีน และอาเชอร์ได้มาเจอกันอีกครั้ง
อาเชอร์ให้จัสตีนดูแผนที่และสิ่งที่เค้าค้นพบ เมื่อเห็นแผนที่ จัสตีน พบว่าจุดตัดกันของเด็ก 2 คนนั้น เป็นบริเวณใกล้เคียงกับบ้านของ อเล็กซ์!!
เธอบอกอาเชอร์ว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆที่บ้านของอเล็กซ์
ทั้งคู่ตัดสินใจไปบ้านของอเล็กซ์ในคืนนั้น พอมาถึงหน้าบ้านก็ต้องประหลาดใจว่า
มีปืนกลขนาดใหญ่สีดำ ลอยอยู่เหนือบ้านของอเล็กซ์ พร้อมกับตัวปืนมีเลข 2:17
ลอยเด่นออกมา
ท่ามกลางความไม่เข้าใจทั้งคู่ตัดสินใจบุกเข้าไปในบ้าน
ทั้งคู่พบกับ พอลและเจมส์ ซึ่งกลายเป็นหุ่นสังหารไปแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองพุ่งเข้าโจมตีจัสตีนและอาเชอร์ในทันที
เกินการประทะกันรุนแรง
ในขณะเดียวกันอเล็กซ์ที่อยู่ในห้องของตัวเองได้ยินเสียงตึงตังจากชั้น 1 ของบ้าน ออกมาจากห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เค้ากล่าวข้ามเขตเส้นตรงที่โรยด้วยเกลือหน้าห้องแกลดิส ทำให้กับดักที่นางวางไว้ทำงาน พ่อกับแม่ของอเล็กซ์พุ่งเข้าใส่เค้าในทันทีด้วยความเกรี้ยวกราด
อเล็กซ์หนีตายเข้าห้อง ประตูแต่ละห้องถูกทำลายด้วยฝีมือของ พ่อและแม่ของเค้าเอง อเล็กซ์หนีจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งจนเข้าไปอยู่ในห้องของแกลดิส
ขณะเดียวกันนั้น เจมส์ถูกจัดการโดยอาเชอร์ไปเรียบร้อย แต่พอลจับตัวจัสตีนไว้ได้และเริ่มบีบคอเธอจนแทบจะขาดลมหายใจ จัสตีนหมดหนทางจึงจำใจหยิบปืนที่เธอพกมา ยิงเข้าที่หัวของพอล...
ทุกอย่างเหมือนจะจบลง แต่แกลดิสเข้าควบคุมอาเชอร์ ทำให้จัสตีนตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตอีกครั้ง
ในฝั่งของอเล็กซ์
เด็กชายที่กำลังหวาดกลัวสุดขีด เหลือบไปเห็นต้นไม้สีดำที่มีหนามแหลมของป้าแกลดิส เค้าตัดสินใจทำในสิ่งที่เค้าเคยเห็นป้าทำโดยไม่รู้ว่าจะมีผลดีหรือผลร้ายเกิดขึ้น
เข้าหยิบกิ่งไม้พร้อมเส้นผมมาพลันและจิ้มนิ้วของตัวเองเพื่อเอาเลือดมาชโลมกิ่งไม้และหักมันดัง เป๊าะ!
เสียงเฮละโลเกิดขึ้นข้างล่างบ้านของอเล็กซ์ แกลดิสรู้ในทันทีว่า เธอแย่แล้ว!
แกลดิสวิ่งหนีออกจากบ้านอย่างไม่คิดชีวิต ตามด้วยเด็กทั้ง 17 คน ที่วิ่งทะลุผ่านทุกอย่างเพื่อจะไปถึงตัวเธอให้ได้ ทั้งหมดวิ่งไป วิ่งไป ไม่รู้เหมือนกันว่าไกลแค่ไหน
จนในที่สุดเด็กๆทั้ง 17 คนจับตัวแกลดิสได้และเริ่มฉีกกระชากตัวเธอออกเป็นชิ้นๆ
อาเชอร์ตื่นจากภวังก่อนที่จัสตีนจะสิ้นใจ เค้าออกวิ่งหาลูกชายตามร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการวิ่งตามแกลดิสของเล่าเด็กๆ
จัสตีนรีบขึ้นไปที่ชั้น 2 ของบ้านด้วยความเป็นห่วงอเล็กซ์ เธอพบว่าอเล็กซ์ปลอดภัยและกำลังกอดกับพ่อและแม่ของตัวเองอยู่
อาเชอร์พบกับเด็กๆ 17 คน ที่ยืนอยู่มองกองร่างที่แหลกละเอียดของแกลดิส และตะโกนหาแมททิว แมททิวหันหน้ามาหาพ่อตามคำเรียกด้วยสีหน้าเหม่อลอย อาเชอร์โผลเข้าหาลูกชายพร้อมกับอุ้มเค้ากลับบ้าน
เสียงบรรยายบรรยายว่า เด็กๆได้กลับมาพบกับผู้ปรกครองของตัว เด็กบางคนเริ่มกลับมาพูดได้อีกครั้งหลังเวลาผ่านไป อเล็กซ์ไม่ต้องป้อนข้าวให้พ่อกับแม่อีกแล้วเพราะมีคนอื่นมาช่วยป้อนแทน ตัวเด็กชายย้ายไปอยู่กับป้าอีกเมืองนึง แต่คราวนี้เป็นป้าที่ใจดีมากขึ้น
จบ.,
บทสรุป
จาก timeline การเล่าเรื่องที่ซ้อนทับกันอย่างน่าประทับใจ เลยอยากสรุปให้ดูเป็นชาร์ตแบบง่ายๆ น่าจะเป็นประมาณนี้
ก่อนเด็กหาย อเล็กซ์ใช้ชีวิตปรกติ
- ป้าแกลดิส โผล่มา
- พ่อ-แม่ อเล็กซ์ถูกสาป อเล็กซ์ทำตามคำสั่งป้าแกลดิส
- เด็กหาย
ประมาณ 1 เดือนถัดมา..
วันประชุมผู้ปกครอง
- พอลเจอเจมส์ ใช้กำลัง ปล่อยเจมส์ไป
- อาเชอร์แค้นจัสติน ประชุมผู้ปกครอง
- อาเชอร์เขียนรถจัสตีน
- คืนนั้นจัสตีนเจอผี ถูกเขียนรถ
วันถัดมา
- จัสตีนไปแจ้งความ
- จัสตีนคุยกับอเล็กซ์ อเล็กซ์บอกอย่ามายุ่ง
- จัสตีนไปบ้านอเล็กซ์ จัสตีนบอกมาร์คัสให้เรียกผู้ปกครองอเล็กซ์
- อาเชอร์สืบจากกล้องวงจรปิด 1
- จัสตีนนัดเจอพอล มีอะไรกัน
วันถัดมา
- มาร์คัสเรียกผู้ปกครองอเล็กซ์ ได้เจอแกลดิส
- จัสตีนเจอดอนน่าตบ
- เจมส์ปล้นบ้านอเล็กซ์
- อาเชอร์สืบจากกล้องวงจรปิด ได้จุดตัดของเด็ก 2 คน
วันถัดมา
- แกลดิสไปหามาร์คัสที่บ้าน สาปมาร์คัสให้ไปฆ่าจัสตีน
- จัสตีนมีปากมีเสียงกับอาเชอร์ที่ปั๊ม
- มาร์คัสวิ่งมาจัดการจัสตีน แต่โดนจัดการ
- เจมส์ไปโรงรับจำนำ เจอป้ายให้รางวัล
- เจมส์ไปป้วนเปี้ยนแถวโรงพัก เจอพอลไล่จับ
- เจมส์และพอลไปบ้านอเล็กซ์ โดนคำสาป
- กลางคืนจัสตีนร่วมมือกับอาเชอร์ไปบ้านอเล็กซ์
- จัสตีนอาเชอร์บุกบ้านอเล็กซ์ประทะเจมส์ พอล
- อเล็กซ์ประทะพ่อ-แม่
- อเล็กซ์ใช่คำสาปย้อนจัดการแกลดิส
เด็กทั้ง 17 คนได้กลับบ้าน
หนังมีการดำเนินเรื่องที่น่าสนใจ ตัวผู้เขียนเองรู้ว่าหนังจะออกมาเป็นลักษณะนี้ก็ตอนที่เป็นบทของอาเชอร์ และเราได้เห็นการย้อนกลับไปเล่า timeline ที่ซ้อนทับกันแต่เป็นอีกมุมนึงของตัวละครอีกตัว ซึ่งเป็นวิธีการเล่าที่น่าสนใจ ทำให้เราตามเก็บตามสังเกตุจุดต่างๆที่ดำเนินไปพร้อมๆกันของหลายๆตัวละคร
จัสตีน ไม่ใช่ครูในอุดมคติ เธอติดเหล้า และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายอย่าง แต่เธอก็เป็นเหยื่อจากเหตุการณ์เด็กหายเหมือนกัน เพราะเหมือนกับว่าผู้ปกครองทุกคนก็อยากหาที่ลง ซึ่งจริงๆแล้วก็เหมือนเป็นการล่าแม่มดเป็นนัยย์ๆ คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้มีเพียงครูสาว และเด็กชาย 13 ขวบ ใครเล่าจะกล่าวโทษเด็กชาย
อาเชอร์ สะท้อนมุมของผู้ปกครองที่ไร้สิ้นหนทางในการตามหาบุตรซึ่งเป็นที่รัก เค้าพยายามหาข้อมูลและคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลที่สุดกับข้อมูลในมือ แต่ต้องยอมรับว่าการมาตั้งใจดูกล้องวงจรปิดของเค้าอาจจะค่อนข้างล่าช้า เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานประมาณนึงที่ลูกชายหายตัวไป และเค้าเองก็เป็นคนเริ่มกล่าวโทษจัสตีน ก่อนที่จะพบว่าจัสตีนนี่แหละที่อาจจะช่วยเค้าหาลูกชายได้ การได้จอช โบลิน แสดงสีหน้าแววตาของพ่อที่คิดถึงลูกชายได้เป็นอย่างดี
มาร์คัสและแฟน 2 ตัวละครที่น่าสงสารที่บังเอิญมามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ด้วยภาระหน้าที่ แต่กับถูกจัดการโดยไร้ความปราณี เพื่อแสดงถึงความโหดเหี้ยมของตัวร้ายอย่างป้าแกลดิสได้เป็นอย่างดี ภาพเบเนดิกส์ หว่องวิ่งตาเหลือกเพื่อตามหาจัสตีนกลายเป็นภาพที่ติดตาจนถึงตอนนี้
พอลและเจมส์ ภาพตำรวจจับโจรที่ไม่มีใครดีไปกว่าใคร พอลก็ไม่ได้เป็นตำรวจน้ำดี น่าจะอาศัยบารมีของพ่อแฟนอยู่ในกรม แถมยังนอกใจภรรยา และอารมณ์รุนแรง เทียบกับเจมส์ที่ไม่มีอะไรเลย ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน เพื่อดำรงชีวิตด้วยการเสพย์ยา ช่างเป็นการจับคู่ที่อาจจะเรียกได้ว่าผีเน่ากับโรงผุ เข้ากันดี
อเล็กซ์ เด็กชายที่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าไม่มีทางเลือก การที่ถูกข่มขู่โดยผู้ใหญ่ที่เค้าเห็นแล้วว่ามีความสามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง ทำให้ต้องจำใจทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องบอกว่าตัวน้องนักแสดงสื่ออารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี ดูเป็นหนุ่มน้อยอนาคตไกลในวงการบันเทิงอีกคน
ส่วนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือป้าแกลดิส ที่รับบทโดย เอมี่ มาดิแกน จากยายแก่ที่เจ็บปวดแทบจะเดินไม่ไหว เธอน่าจะใช้ผู้คนเพื่อดูดพลังชีวิตแบบที่แม่มดหรือพวกที่ใช้ไสยเวทมนต์ดำทำกันเพื่อความเป็นอมตะ หลายสำนักวิเคราะห์ว่าเธอน่าจะไม่ใช่ป้าที่แท้จริงของอเล็กซ์ด้วยซ้ำ
เพราะจากที่ป้าแกลดิสตอบมาร์คัสเรื่องอาการป่วยของพ่ออเล็กซ์ว่า "A Touch of Consumption" นั้นเป็นคำที่ใช้เรียก "โรควัณโรค" ที่แทบไม่มีใครในยุคนี้ใช้กันแล้ว โดยคำว่า "Consumption" นั้นแปลว่าการบริโภค ซึ่งเปรียบได้กับการบอกเป็นนัยย์ๆว่า ตัวพ่อของอเล็กซ์นั้นกำลังถูกกัดกิน ถูกสูบพลังชีวิตอยู่
เอมี่ แสดงได้หลอนธรรมชาติมาก แวบแรกพอรู้ว่ากำลังสูบชีวิตทำให้นึกถึงแม่มดอย่างกอเธล แม่เลี้ยงราพันเซลที่ต้องดูดพลังจากผมสีทองของราพันเซลเพื่อคงร่างความเยาว์วัยเอาไว้ ตัวของแกลดิสก็เช่นกัน เริ่มแรกเธอคงกะดูดพลังชีวิตของพ่อและแม่ของอเล็กซ์เท่านั้น แต่ความเยาว์วัยของเด็ก 17 คน เพื่อนร่วมห้องอเล็กซ์ก็ต้องให้พลังชีวิตที่มากกว่ามีพลังมากกว่า
จะเห็นได้ว่าขนาดดูดพลังของเด็กๆไปเพียงประมาณ 1 เดือน ป้าแกลดิสที่วิ่งหนีเด็กทั้ง 17 คนยังวิ่งปร๊อซะขนาดนั้น
ตัวเลข 2:17 มีหลายทฤษฎีบ้างว่าเป็นเวลาที่แม่หมดจะมีพลังมากที่สุด บ้างว่ามาจากเลขห้องในเรื่อง The Shining ที่เป็นต้นฉบับนวนิยาย (ในหนังจะเป็นห้อง 237 เนื่องจากเหตุผลของทางโรงแรม กลัวไม่มีลูกค้าเข้าพัก)
ถ้าอ้างอิงจะจากเพจ ground control จะมีเรื่องการเชื่อมโยงเวลาตี 2: 17 นาที กับวันที่ 17 เดือนที่ 2 ในที่ปรากฏอยู่ในหนังสือปฐมกาล ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ หายนะที่ล้างโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงกับ มัทธิว 2:17 ในไบเบิล ซึ่งอ้างอิงถึง ‘การสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์’ ที่กษัตริย์เฮโรดมีคำสั่งให้สังหารเด็กทารกในเมืองเบธเลเฮม
ความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตัวหนังมีฉากที่ tribute ให้กับหนังสยองขวัญในตำนานอย่าง the Shining จากฉากการบุกทะลุประตูของพ่อแม่
ตัวของป้าแกลดิสเองที่มีความผู้หญิงหรือผู้ชายโดยการใส่วิกที่ให้ความรู้สึกถึงหนัง Psycho ทั้งชุดและท่าวิ่งประหลาด
การดำเนินเรื่องที่ผู้กำกับเองให้ credit กับ เดวิด ฟินเชอร์ ผู้กำกับ the momento ที่เป็นหนังที่มีโครงสร้างซับซ้อนและเดินเรื่องสับไปสับมา
หนังยังมีฉากฮอตดอกที่ tribute ให้กับเพื่อนรักของผู้กำกับ Trevor Moore นักแสดงตลกที่เสียชีวิตไปในปี 2021
ตัวหนังมีเรื่องให้ได้ขบคิดและได้ถกถามกับเพื่อนหลายๆส่วน เป็นหนังที่ไม่ได้มีฉาก jump scare เยอะ เน้นไปทาง body horror มากกว่า ทั้งการกรีดมือ การทิ่มหน้าทิ่มตาต่างๆ การที่ร่างกายขยับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้มันดูหลอนกว่าปรกติ
ตัวอย่างหนัง
ถามว่า 100% ของ rotten tomato ทำให้หนังเรื่องนี้สมควรได้ 10/10 ไหม สำหรับเพจ BYG แล้วอาจจะอยู่ 8.5/10 ต้องยอมรับว่าเป็น 1 ในหนังที่ยอดเยี่ยม แต่อาจจะมีบางจุดที่อยากให้คลี่คลายกว่านี้ ขยี้กว่านี้อีกนิดหน่อย ส่วนตัวพอเป็นคำสาปเลยไม่เข้าใจการฝันร้ายและการเห็นภาพลวงตาของตัวละครแต่ละคน
**หงุดหงิดนิดหน่อยที่ไม่มีชื่อไทยเท่ แต่ใช้ชื่อทับศัพท์ว่า "เวเพินส์" เลย ถ้าทุกคนจะตั้งชื่อให้กับหนังเรื่องนี้เป็นชื่อไทยจะตั้งว่าอะไรกัน สำหรับ BYG ขอตั้งให้ว่า
หลอนสังหาร หลอกสั่งตาย
Before You Go
สุดท้ายหากทุกคนมีประเด็นไหนที่อยากพูดคุยหรือเล่าเสริม สามารถเขียนคอมเม้นมาได้เลยนะ ถ้ามีพิมพ์ผิดพิมพ์พลาด หรือมีช่วงไหนตกหล่นก็ต้องขออภัยมานะที่นี้
ฝากกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจด้วยน้า
WEAPONS ฉายแล้ววันนี้ทุกโรง ทั่วประเทศ
***อยากจะกดโพสต์ตอน 2:17 ตามเลขในหนังแต่มันก็จะดึกเกิน ขอโพสต์เวลา 20.17 แล้วกัน***
#Weapons #เวเพินส์ #MoviesReviews #Horror #รีวิวหนัง
Before you go
16.08.2025
โฆษณา