14 ส.ค. เวลา 13:07 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

บทวิเคราะห์ตัวละครเรื่องมังกรหยก ประเด็น "ความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์"

*********************
จำได้ว่าช่วงราว พ.ศ.2519 ผมเริ่มดูชีรี่ย์จีนเรื่องแรกคือเรื่องนี้แหละ ทีวีที่บ้านก็ยี่ห้อธานินทร์ และยังเป็นขาวดำ ดูแล้วติดหนึบเลย โดยเฉพาะหมี่เซียะ(อึ้งย้ง) และไป่เปียว(ก๊วยเจ๋ง) ผมว่านางเอก พระเอกต้องสองคนนี้เท่านั้น ยังมีเฒ่าขอทาน(อั่งชิกกง) มารบูรพา(อึ้งเอี๊ยะซือ) เฒ่าทารก(จิวแป๊ะทง) เฒ่าพิษ(อาวเอี๊ยงฮง) เป็นต้น
ภาพคนเหล่านี้ยังติดตาผมอยู่เสมอ พอตอนหลังมีซีรีย์มังกรหยกมาอีกหลายเวอร์ชั่น แต่ผมก็ไม่อยากดู ผมว่าสู้เวอร์ชั่นเก่าไม่ได้ ผมติดขนาดตามไปดูจนถึงมังกรหยก2 "ตอนกำเนิดเอี้ยก้วย" ก็ยังชอบเซียวเหล่งนึ่ง และเอี้ยก้วย และดูจนจบเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนอายุใกล้เคียงกับผมจะเป็นเหมือนผมบ้างมั๊ย
ลองมาวิเคราะห์ตัวละครเรื่องมังกรหยก ในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ กันครับ
ก๊วยเจ๋งถือเป็นพระเอกที่แหกขนบของพระเอกทั้งปวงในโลกวรรณกรรม เช่นเดียวกับโนบิตะ ในโดราเอมอน เขาไม่ใช่คนฉลาด ไม่มีบุคลิกของความองอาจสง่างาม มีเพียงความล่ำสันบึกบึน ทนแดดฝนและมือเท้า
“เป็นเด็กโง่ ที่หากเปรียบกับคนธรรมดาแล้วยังโง่กว่าสามส่วน แถมพอตื่นเต้นตื่นตระหนกก็มือไม้ปั่นป่วนลนลาน” เป็นคำกล่าวของ กัวเต็งอัก อาจารย์คนแรกในวัยเยาว์ของเขา
ในวัยเยาว์ก๊วยเจ๋งมีอาจารย์ถึงเจ็ดคน ทั้งเจ็ดเป็นชาวยุทธ์แดนตงง้วน (ภาคกลาง) ที่รวมกลุ่มกันในชื่อ "เจ็ดประหลาดกังหนำ" ทั้งเจ็ดต่างเชี่ยวชาญคนละวิชา แต่ละวิชาล้วนเป็นวิชากำลังภายนอกที่มีเอกลักษณ์ หนึ่งในเจ็ดชิงตายไปเสียก่อน เหลืออยู่หก ทั้งหกคนจึงทุ่มเทสอนวิชาตนให้ก๊วยเจ๋ง
หกวิชาเรียนพร้อมกัน เด็กโง่งมคนหนึ่งจะเรียนอย่างไรไหว เวลาผ่านไปสิบแปดปี เขากลับไม่ก้าวหน้าสักวิชา ครูผู้เฒ่าทั้งหกต่างทอดถอนใจท้อแท้เต็มที
ก๊วยเจ๋งเติบโตในทุ่งหญ้ามองโกล ครูคนที่เจ็ดเป็นนักยิงธนูชาวมองโกล ชื่อ "เจอเป" ตอนเด็กๆ ก๊วยเจ๋งเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เจอเปตอบแทนโดยรับเป็นลูกศิษย์ คู่กับ "เซลุย" บุตรชายคนเล็กของเจงกิสข่าน
วิชายิงธนูของก๊วยเจ๋งกลับเยี่ยมยอด เจอเปภาคภูมิใจในศิษย์คนนี้มาก แต่เจ็ดประหลาดกังหนำกลับไม่พอใจ ที่เขาฝึกวิชาของครูมองโกลได้ แต่กลับฝึกวิชาของครูตงง้วนไม่ได้
ศึกข้ามชาติ(สถาบัน) จึงเกิดขึ้นในใจคน (ที่ใจแคบ)
เคล็ดวิชายิงธนู คือ "สิ้นคิด" จึงเหมาะอย่างยิ่งกับคนไม่ฉลาด ไอคิวน้อยอย่างก๊วยเจ๋ง นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์ทั้งเจ็ดไม่เข้าใจ
วันหนึ่ง ก๊วยเจ๋งได้รับน้ำใจจากนักพรต "เบ๊เง็ก" ช่วยสอนการนั่งสมาธิและเดินลมปราณให้เป็นเวลานานนับปี ก๊วยเจ๋งจึงพัฒนา "กำลังภายใน" รองรับ "กำลังภายนอก" ทั้งหกวิชาได้สำเร็จ
เมื่อจิตใจสงบ ลมปราณก่อเกิด การไล่เรียงเคล็ดสำคัญของแต่ละวิชาจึงสำเร็จ ความไม่ฉลาดของอาจารย์ทั้งหก คือ มุ่ง "ยัดทะนาน" ให้เคี้ยวกลืน มากกว่าจะสอน "Learn how to learn."
เหตุใด คนโง่งมอย่างก๊วยเจ๋ง จึงเป็นที่รักของ "อึ้งย้ง" หญิงสาวผู้ฉลาดเฉลียว
คนหนึ่งไอคิวต่ำ คนหนึ่งไอคิวสูง ดูแล้วช่างขัดกัน ท่ามกลางสายตาช่างตัดสินของคนรอบข้าง รวมทั้ง "อึ้งเอี๊ยะซือ" บิดา
ของอึ้งย้ง เด็กหนุ่มหญิงสาวสองคนหาได้แยแสสนใจไม่
รักของคนสองคนงดงามเกินสมองคนจะคิดคำนวณเข้าใจได้
ครูคนสำคัญที่พลิกผันชีวิตก๊วยเจ๋ง กลับเป็น "อั้งชิกกง" หัวหน้าพรรคกระยาจก หรือ CEO ของเหล่าขอทาน ซึ่งไม่ค่อยจะอยู่ประจำสำนัก ปล่อยให้สมาชิกพรรควิ่งไล่ตามหาตัวมาแก้ปัญหาในพรรคทั้งเรื่อง
อั้งชิกกงเป็นคนรักอิสระเสรี และนิสัยเสียชอบกินของอร่อย ถ้าไม่แฝงตัวตามเหลาชั้นเลิศ ก็ไปเดินเล่นชิมของอร่อยที่ห้องเครื่องในพระตำหนักหลวง อึ้งย้งอาศัยข้อนี้ ทำอาหารสุดพิศดารแลกเปลี่ยนกับการถ่ายทอดวิชาให้ก๊วยเจ๋ง อั้งชิกกงแพ้ทางในรสมือนาง จึงยอมสอน "สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร" ให้เด็กหนุ่มโง่งมผู้นี้
ตลอดชีวิต อั้งชิกกงเกียจคร้านการรับศิษย์ มิใช่ว่าสอนไม่เป็น หากแต่ไม่มีใครคู่ควรให้สอน สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรเป็นวิชาร้ายกาจ ใช้ช่วยคนก็ได้ ใช้เบียดเบียนคนก็ได้ จะสอนให้ผู้ใดย่อมไม่อาจสอนได้โดยง่าย
แต่เหตุใด อั้งชิกกงจึงยอมสอนก๊วยเจ๋งโดยง่าย ข้อนี้ ย่อมมิใช่การแลกเปลี่ยนกับอาหารอร่อยฝีมืออึ้งย้งเท่านั้น
ในตอนต้นเรื่องก่อนที่จะพบกับอึ้งย้ง ก๊วยเจ๋งถูกเจงกิสข่านจับหมั้นกับบุตรีเสียก่อน กลายเป็นพันธะที่ดิ้นหลุดยากหากจะแต่งงานกับอึ้งย้ง ในตอนท้ายเรื่องนั้น เขาได้รับคำสั่งจากเจงกิสข่านให้บุกตีเมืองซามาร์คันด์ (เมืองหนึ่งในอุซเบกิสถาน) ซึ่งบุกตียากมากเพราะได้เปรียบทางชัยภูมิ ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดของอึ้งย้ง จึงช่วยวางกลยุทธ์ให้ก๊วยเจ๋งบุกเอาชนะเมืองนี้ได้สำเร็จ เจงกิสข่านพึงพอใจมาก จึงประทานรางวัลให้ก๊วยเจ๋งทูลขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง
"อาศัยโอกาสนี้ล่ะ ขอถอนหมั้นเสียเลย" อึ้งย้งรีบบอก
ขณะที่ก๊วยเจ๋งกำลังจะไปเข้าเฝ้าเจงกิสข่านเพื่อขอถอนหมั้น เขากลับพบว่าชาวเมืองซามาร์คันด์กำลังถูกทหารมองโกลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างเหี้ยมโหด นี่เป็นกลยุทธ์และประเพณีของเจงกิสข่านในยามทำศึก หากเมืองใดยอมแพ้แต่โดยดี ก็รอดไป แต่หากเมืองใดต่อต้านก็จะถูกฆ่าล้างบางเพื่อให้เกิดข่าวลือชวนสยองไปยังเมืองรอบด้าน คล้ายการส่งสาส์นเตือนว่าให้คิดดีๆก่อนต่อต้านทัพมองโกล
ก๊วยเจ๋งใช้โอกาสนี้ทูลขอให้ละเว้นชีวิตชาวเมืองทั้งหมด แม้เจงกิสข่านจะไม่พึงพอใจ แต่ก็ไม่อาจเสียสัจจะได้ ชีวิตชาวเมืองซามาร์
คันด์จึงรอดพ้นเพราะน้ำใจเปี่ยมคุณธรรมของเขาที่นึกถึงเพื่อนมนุษย์ก่อนประโยชน์ส่วนตัว คือการไม่ได้แต่งงานครองคู่กับอึ้งย้ง
ก๊วยเจ๋งนั้นแม้โง่ แต่ก็เปี่ยมด้วยคุณธรรมอันสัตย์ซื่อ เขาเป็นคนดีที่หายากในโลกความเป็นจริง แม้มีคนเช่นนี้อยู่จริง ก็คงยากที่จะอยู่รอดในท่ามกลางโลกียชน
อาจเพราะเขาเป็นคนเช่นนี้ อึ้งย้งจึงรักอย่างสุดหัวใจ (คนไอคิวสูง ควรพิจารณาคนอีคิวสูงเอาไว้นะ)
อาจเพราะเขาเป็นคนเช่นนี้ อั้งชิกกงจึงเรียกเขาว่า "ศิษย์รัก" และถ่ายทอดวิชาให้หมดไส้พุงทุกกระบวนท่าไม่หวงแหน
เขาไม่ปรารถนาจะมีศิษย์ และไม่ได้กังวลว่าจะไม่มีผู้สืบทอดวิชา สิ่งที่เขากังวลมากกว่าคือ คนดีที่หายากแต่โง่เขลาเช่นนี้จะตายเสียก่อนจะทำประโยชน์อย่างสมคุณค่าที่ได้เกิดมาบนโลกนี้ทั้งที
ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งทุ่มเททั้งชีวิตปกป้องเมืองเซียงหยาง มณฑลหูเป่ย อันเป็นด่านสำคัญที่หากถูกตีแตกเมือใด ราชวงศ์ซ่งก็เป็นอันจบสิ้น กระทั่ง ในที่สุด วันที่ ๓๑ มกราคม ค.ศ. ๑๒๗๓ กุบโลข่าน หลานของเจงกิสข่านก็นำทัพมองโกลตีเมืองเซียงหยางจนแตก
ราชวงศ์ซ่งถึงกาลอวสาน เป็นการเริ่มต้นศักราชแห่งราชวงศ์หยวน
ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งเสียชีวิตในศึกสุดท้ายนั้น
เรื่องอั้งชิกกงรับศิษย์ มีประเด็นที่น่าสนใจคือ
ครูบางคนอยากมีศิษย์เยอะๆ เพื่อรายได้
ครูบางคนอยากมีศิษย์เรียนเก่ง ฉลาด เยอะๆ เพื่อทั้งรายได้และชื่อเสียง
ครูบางคนแค่อยากมีศิษย์เพื่อสนองรองรับอัตตาของตนเองเท่านั้น
แต่มีครูสักกี่คนที่ไม่ได้อยากมีศิษย์ด้วยเหตุผลเหล่านี้ หากแต่เหตุผลของการมีศิษย์ คือ การให้ความเมตตากรุณา ความปรารถนาดีด้วยน้ำใสใจจริงแก่ศิษย์เท่านั้น แม้จะไม่มีผลตอบแทนใดๆกลับมาก็ตามที
เรื่องนี้มีประเด็นให้น่าคิดต่อนะครับ
ธเนศ ขำเกิด
โฆษณา