เมื่อวาน เวลา 15:21 • ความคิดเห็น
เราเคยคุยกับพระที่เรานับถือ เรื่องนี้มานานแล้ว เรื่องราวที่ว่า เครื่องหมายศาสนา ผ้ากาสาวพัสตร์ นั่น เมื่อรับไปครอง ตัดสินใจ เข้าโบสถ์ ก็หมายถึง การที่จะปฏิบัติธรรม ไปตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า . เมื่อมาดำรงตน ครองผ้าเหลือง ดูเหมือนจะช่วย เมตตา ช่วยเหลือ ผู้ที่เจ็บป่วย ที่มันก็เป็นเรื่อวราวของทางโลก ไม่ได้ยกกาย ยกจิตให้พ้น อารมณ์กรรม ความโลภโกรธหลงไปได้
ละเลยกิจที่ควรทำเยี่ยงอย่างสมณะ บำเพ็ญ อยู่ในรอยศีลสมาธิปัญญา ปัญญาสมาธิ ..ที่จะให้จิตเรียบเรียง เหตุผล ต่างๆ รวบรวมจิตหลบหลีก เรื่องราว ความโลภโกรธหลง ก็ไม่สามรถที่จะทำได้ ก็มั่ว วุ่นวาย .เหมือนอยู่ในวิสัย คนทั่วไป
แล้ววันหนึ่ง สิ่งที่สะสมทำมา ก็แสดงออกมา ให้ดู ว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในการครองผ้ากาสาวพัสตร์ ..ที่เค้าบอกว่า ครองให้ดี ..ครองไม่ดี ไม่ลดละ ก็จมปลักอยู่ที่เก่า จมลึกลงไปยิ่งกว่าเก่า หรือ ที่เค้าว่า ได้แต่กรรม นำไป ..ที่คนเค้าศรัทธายกย่อง ..แทนที่จะให้การเกิดตาย นั่นน้อยลงไป กลับเพิ่มพูน ด้วยหนี้เวรกรรม ที่คนเค้าปรนเปรอให้ ..ทุคติ ย่อมเกิดขึ้น ต้องชดใช้ สิ่งที่ตนเองหลงใหลสร้างขึ้นมาเอง
เราก็เคยพูดกับพระที่นับถือ ว่า .. คำว่า พระ มาจากคำว่า พอละ ..พอละเรื่องราวความโลภโกรธหลง พอละ .พร้อมที่จะปฏิบัติธรรม ตามรอยของพระ ..ให้สิ่นมลทิน ความโลภโกรธหลง ออกไปจากกายจากจิตให้มันลดน้อยลงไป เมื่อไม่ทำ สิ่งนั้นก็เพิ่มพูน ด้วยต้อง รับ ..รับปัจจัยที่คนเค้่าไปเสาะแสวงหามาด้วยเหนื่อยกายเหนื่อยจิต ..เอาไปถวาย ก่อนถวาย เค้าก็นอบน้อมกราบ.. เพราะครองผ้ากาสาวพัสตร์ สิ่งเหล่านี้ แฝงเร้นไปด้วยกรรม ที่ต้องชดใช้ ..ไม่รู้ว่า กี่ชาติ จะใช้กันหมดเนี่ย. หมายถึงเรื่ิองเวรกรรม ที่ทำเอง
มาครองผ้ากาสาวพัสตร์ทั้งที่ปลดเปลื้อง อะไรบ้าง เพื่ิอที่จะให้การเกิดนั้นน้อยลงไป. ลดละอะไรไปบ้าง ในคำว่า เมตตาตนกรุณาตนให้พ้นทุกข์ ..ด้วยครองผ้ากาสาวพัสตร์ ..ที่มีพระท่านนำทาง ไปแล้วไม่กลับมา กลับมาเกิดมาตายอีก
.. มีพระท่านเปรยๆว่า ดีแล้วโยม ทีไม่รีบร้อน เข้าไปบวช ..ก็ฝึกหัดไปเรื่อยๆ ในคำว่า สร้างบุญกุศล ..สะสมอยู่ในรอยคำว่า ศีลสมาธิปัญญา ศีลที่ใจ พยายามเพียรลดละอารมณ์กรรม ให้มันลดน้อยลงไป. ไม่ไปเป็นหนี้ .ของที่เค้าถวาย เพราะอยากได้บุญ ไม่มีอะไรที่เป็นบุญส่งกลับคืน ให้เค้าใด้ .มีแต่หนี้ที่เป็นกรรม ทวีคูณมากมาย .
โฆษณา