เมื่อวาน เวลา 10:40 • ข่าว

'วัดเส้าหลิน' กับเรื่องอื้อฉาวเขย่าวงการสงฆ์จีน

คนไทยคงจะคุ้นเคยกับชื่อของ 'วัดเส้าหลิน' เป็นอย่างดี ทั้งในฐานะบ้านของกังฟูหรือพุทธนิกายเซน แต่อีกด้านหนึ่ง วัดแห่งนี้ก็อาจสะท้อนถึง ‘พุทธพาณิชย์’ ของโลกยุคศตวรรษที่ 21
📌 อ่านบทควาทที่เว็บไซต์ไทยพีบีเอส: www.thaipbs.or.th/now/content/3020
วัดเส้าหลิน (Shaolin Temple) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 495 และตั้งอยู่ในอำเภอนครเติงเฟิง มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน อีกทั้งในปี 2010 วัดเส้าหลินกลายเป็นแหล่งอารยธรรมโลกจากยูเนสโก (UNESCO) ในฐานะส่วนหนึ่งของดินแดนเติงเฟิงซึ่งเป็นดั่ง "ศูนย์กลางของสรวงสวรรค์และโลกา (The Centre of Heaven and Earth)" ทุกปี ผู้คนนับล้านเดินทางไปยังวัดเส้าหลิน บ้างเพื่อแสวงบุญ บ้างเพื่อเยี่ยมชมวิถีชีวิตของพระสงฆ์และกังฟูตามแบบฉบับต้นตำรับ
วัดเส้าหลินไม่ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว/วิหารศักดิ์สิทธิ์ในชั่วข้ามคืน เพราะเกิดจากการ “ต่อยอดธุรกิจ” ของอดีตเจ้าอาวาส ซือ หยงซิน (Shi Yongxin) ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ชื่อเสียงและเงินทองได้หลั่งไหลสู่ตัววัดเส้าหลิน เรื่องอื้อฉาวและความเสื่อมก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเช่นกัน
ภาพวัดเส้าหลินช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2017 (ภาพจาก: AFP)
"พระซีอีโอ" และวิกฤตชั่วข้ามคืนของวัดเส้าหลิน
ซือ หยงซิน เกิดในช่วงปี 1965-1966 และบวชเป็นพระตั้งแต่อายุประมาณ 16 ปี ซือรับหน้าที่เจ้าอาวาสรูปที่ 30 ของวัดเส้าหลินในปี 1999 ซือยังเป็นที่รู้จักจากการเป็นพระรูปแรกที่จบการศึกษาระดับชั้นปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ อีกทั้งทำหน้าที่เป็นรองประมุขสงฆ์ของสมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีน (Buddhist Association of China) และเป็นตัวแทนในสภาประชาชนแห่งชาติ (National People's Congress)
ด้วยปูมหลังการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ จึงไม่น่าแปลกใจที่ซือ หยงซินพยายามขยาย “อาณาจักรวัดเส้าหลิน” ราวกับเป็นแฟรนไชส์หนัง ทั้งการท่องเที่ยว การผลิตสินค้าเชิงวัฒนธรรม การผลักดันกังฟูและศิลปะการต่อสู้ กองผลิตภาพยนตร์ ยาและเวชภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ อาหาร และอื่น ๆ ในช่วงรุ่งเรืองที่สุด คาดว่าซือบริหารหรือมีอิทธิพลในบริษัทต่าง ๆ ถึง 18 แห่งด้วยกัน ยังไม่นับว่าวัดเส้าหลินจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านับร้อยรายการ ทั้งหมดนี้ทำให้ซือได้รับฉายาว่าเป็น "พระซีอีโอ (CEO monk)"
ซือ หยงซิน ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินในปี 2009 (ภาพจาก: Peter Parks/AFP)
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดว่า ซือกำลังทำให้วัดเส้าหลินเป็นพุทธพาณิชย์เกินไป แม้แต่ธูปเทียนในวัดเส้าสินก็แพง และพระสงฆ์ก็พยายาม "เชียร์" ให้ผู้เยี่ยมชมบริจาคเงิน นอกจากนี้ ยังเคยมีรายงานว่าวัดเส้าหลินจะเปิดการซื้อขายหุ้นให้สาธารณชน (IPO) ในปี 2009 ก่อนที่ซือจะออกมาปฏิเสธและข่าวก็เงียบหายไป อีกด้านหนึ่ง ซือให้เหตุผลที่ต้องทำให้วัดเส้าหลินอยู่รอดให้ได้ เขากล่าวว่า "หากเราไม่ทำอะไรเลยจนวัฒนธรรมเส้าหลินที่มีมานานกว่าพันปีดำเนินไปต่อไม่ได้... ประวัติศาสตร์จะไม่ประณามเราหรอกหรือ ?"
นอกจากเรื่องพุทธพาณิชย์ เมื่อปี 2015 ซือยังถูกกล่าวหาว่าประพฤติตนไม่เหมาะสม ยักยอกเงินวัดเส้าหลิน และคบหากับสีกาหลายคนจนมีลูก ต่อมา ซือก็รอดพ้นจากข้อกล่าวหาต่าง ๆ ได้และทำหน้าที่เจ้าอาวาสตามปกติ แต่ 10 ปีถัดมา ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2025 วัดเส้าหลินออกมาระบุว่า ซือ หยงซินกำลังถูกทางการตรวจสอบฐานยักยอกเงินกับทรัพย์สินของวัดและประพฤติตนโดยมิชอบ อีกทั้งยังกล่าวว่า ซือผิดศีล "อย่างร้ายแรง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยเรื่องความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน
3
จากนั้นไม่นาน ซือก็ถูกปลดจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน รวมไปถึงสถานะสงฆ์และตำแหน่งในบริษัทต่าง ๆ ส่วนสมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนก็ออกแถลงการณ์ออนไลน์ว่า การกระทำของซือนั้น "มาจากสันดานอันชั่วร้าย ทำลายชื่อเสียงของชุมชนพุทธอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สงฆ์"
บนแพลตฟอร์ม Weibo ในจีน ก็มีการพูดคุยถึงเรื่องข่าวฉาววัดเส้าหลินนี้กว่า 560 ล้านครั้ง นับเป็นการปิดฉากพระซีอีโอ ที่โพสต์คำสอนสุดท้ายแก่ผู้ติดตามกว่า 8 แสนคนบน Weibo ไว้ว่า "เมื่อธรรมชาติของคนคนหนึ่งบริสุทธิ์ ดินแดนไร้มลทินก็อยู่ตรงหน้าในปัจจุบันขณะ"
ความพยายามฟื้นฟูศรัทธาของวัดเส้าหลินหลังเรื่องฉาว
เมื่อซือ หยงซินถูกปลดจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ซือ หยินเลอ (Shi Yinle) ก็เข้ามารับช่วงต่อทันที ซือ หยินเลอจำพรรษาที่วัดม้าขาว (White Horse Temple) – ซึ่งเป็นวัดพุทธแห่งแรกในจีน – มานานกว่า 2 ทศวรรษ และเขาเป็นที่รู้จักจากการดำเนินชีวิตสงฆ์อย่างเรียบง่าย ดังนั้น ซือ หยินเลอจึงพยายามลดหรือหยุดกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในวัดเส้าหลิน ทั้งพิธีกรรมราคาแพงในวัด การจัดทัวร์ต่างชาติดูกังฟู รวมถึงการเปิดร้านค้าทั้งออนไลน์และออนไซต์
1
ซือ หยินเลอ เจ้าอาวาสคนใหม่ของวัดเส้าหลิน (ภาพจาก: VCG/Global Times)
ซิน หยินเลอยังส่งเสริมการพึ่งพาตนเองผ่านกสิกรรม ลดเวลาการใช้มือถือเหลือครึ่งชั่วโมงต่อวัน และออกกฎให้พระสงฆ์ตื่นมาทำวัตรเช้าตั้งแต่เวลา 4:30 น. นอกจากนี้ อาหารของพระสงฆ์ก็ประกอบด้วยผักเป็นหลักและอนุญาตให้ฉันเต้าหู้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ชาวเน็ตจีนถึงเรียกกฎระเบียบใหม่อันเคร่งครัดนี้ว่า 'ชาวพุทธ 996' ราวกับว่าพระสงฆ์ในวัดเส้าหลินเป็นพนักงานบริษัทเทคโนโลยีจีนที่ทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม 6 วันต่อสัปดาห์ ยิ่งไปกว่านั้น หากพระรูปใดไม่ผ่านการประเมิน 3 เดือนติดต่อกันจะต้องออกจากวัดเส้าหลินไป
2
เพียง 1 สัปดาห์ที่ซือ หยินเลอเป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่ พระสงฆ์ราว 30 รูปลาสิกขาหรือออกจากวัดเส้าหลิน แม้กฎระเบียบใหม่จะเข้มงวดและเด็ดขาด แต่ก็เป็นความพยายามหนึ่งที่จะทำให้พระสงฆ์กลับมาประพฤติตนให้อยู่ในศีลธรรมอย่างที่ควร "ตอนนี้ พระบางรูปไม่ได้ฝึกวินัยอย่างจริงจังหรือปฏิบัติกิจอย่างเหมาะสม" ซือ หยินเลอ วัย 59 พรรษากล่าวกับสำนักข่าว South China Morning Post
1
South China Morning Post ได้เดินทางไปสำรวจความเป็นไปของวัดเส้าหลินเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2025 หรือไม่กี่วันหลังจากที่ข่าวฉาวปรากฎ พบว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวและผู้มีจิตศรัทธาไปเยี่ยมเยือนอยู่ แต่ร่องรอยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับซือ หยงซินเลือนหายไป และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ต่าง ๆ ก็ลดน้อยลง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ คดีของซือ หยงซินอาจกระตุ้นให้ทางการจีนออกมาตรการตรวจสอบกิจกรรมทางการเงินและทรัพย์สินของวัดทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีองค์กรด้านศาสนาที่สามารถกำหนดทิศทางต่าง ๆ ก็ตาม
1
เป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เดินดินจะต้องการเงินตราและอำนาจ แต่เมื่อใดที่คนเป็น 'พระสงฆ์องค์เจ้า' ในศาสนาใดศาสนาหนึ่งไม่สามารถต้านทานต่อ 2 สิ่งนี้ได้ ซ้ำยังทำผิดและบาปเสียเอง ก็ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ของศาสนาและความเชื่อของศาสนิกชนสั่นคลอนอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่นที่เราได้เห็นกันในกรณีของวัดเส้าหลินหรือแม้แต่วัดหลายแห่งของไทย
1
ติดตามเรื่องราวและบทความทันทุกกระแสที่ Thai PBS NOW: www.thaipbs.or.th/now
นักเรียนกังฟูกำลังแสดงศิลปะการต่อสู้ในวัดเส้าหลินแห่งหนึ่งที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน เมื่อปี 2012 (ภาพจาก: AFP)
โฆษณา