15 ส.ค. เวลา 13:05 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Look at you, now look at me. ว่าด้วยหนังน่าดูในวันประกาศอิสรภาพของเกาหลี (Part 1/2)

วันนี้ (15 สิงหาคม) คือวันประกาศอิสรภาพของเกาหลีจากการปกครองของจักรวรรดิญี่ปุ่น ทำให้นึกถึงหนังเกาหลีที่เพิ่งดูจบไปไม่นานอย่าง Harbin (2024) เป็นหนังเกี่ยวกับกลุ่มนักเคลื่อนไหว/ทหารอิสระเพื่อปลดแอกเกาหลีจากญี่ปุ่น โดยเคลื่อนไหวอยู่บริเวณรัสเซีย-จีน และมีตัวเอก Ahn Jung-Geun เป็นตัวละครจริงจากเหตุการณ์ลอบสังหาร Ito Hirobumi นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนแรกและผู้สำเร็จราชการของเกาหลีคนแรก ด้วยหวังให้เป็นก้าวสำคัญของการปฏิวัติเพื่อชนชาติเกาหลี
ฉากสำคัญของเรื่องคือช่วงที่ฝ่ายญี่ปุ่นกำลังหารือกับรัฐมนตรีการเงินของรัสเซีย เมื่อถึงสถานีรถไฟฮาบินที่ขณะนั้นอยู่ในความดูแลของรัสเซีย ตัวเอกก็เข้าประชิดตัวเพื่อปลิดชีวิตนายกฯ แล้วตะโกนเป็นภาษารัสเซียว่า “โกรีอา อูรา, โกรีอา อูรา…” ซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้งแม้กระทั่งถูกจับกุมแล้ว เพื่อให้ประชาชนที่มารอต้อนรับอยู่อย่างอุ่นหนาฝาคั่งเข้าใจถึงเจตนารมณ์ได้ทันทีว่า “Long Live Korea, Long Live Korea…” ฉากนี้นับว่าเป็นฉากที่ตราตรึงทำเอาน้ำตาซึมมากอีกฉากหนึ่ง จนต้องไปหาอ่าน เบื้องหลังของเรื่องราวเพิ่มเติม
Harbin (2024)
นอกจากเรื่องนี้แล้ว มีอีกเรื่องที่ดูจบไปได้พักใหญ่อย่าง Anarchist from Colony (2017) ที่มี Park Yeol เป็นตัวละครจริงจากเหตุการณ์ในอดีตเช่นกัน ถ้าให้ลำดับเรื่อง หนังเรื่องนี้เป็นช่วงเวลาหลังจาก Harbin แต่คราวนี้ต่างออกไปที่ตัวเอกเป็นหัวหน้านักเคลื่อนไหวของกลุ่มซึ่งมีอุดมการณ์แบบ anarchy ปะปนกันทั้งชาวเกาหลีและชาวญี่ปุ่น โดยมีวิธีการต่อสู้หลายแบบแสบ ๆ คัน ๆ ทั้งในศาลและนอกศาล และมีฉากหลังสำคัญคือการสังหารหมู่ชาวเกาหลี (Kanto Massacre)
Anarchist from Colony (2017)
อย่างไรก็ดี การต่อสู้ของชาว anarchist กลุ่มนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่ออิสรภาพของชาวเกาหลีเท่านั้น แต่ก็เพื่ออิสรภาพของชาวญี่ปุ่นให้หลุดพ้นจากอำนาจและพันธนาการภายใต้การปกครองของจักรวรรดิชนชั้นนำของญี่ปุ่นด้วย
หนังทั้งสองเรื่องที่ยกมาเป็นเพียงตัวอย่างเศษเสี้ยวของเรื่องราวการต่อสู้เพื่ออิสรภาพที่มีอยู่ในจักรวาลของหนังและซีรีส์เกาหลีใต้ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า เกาหลีใต้เป็นมือฉมังของการผลิตหนังและซีรีส์มากมายหลากหลายแนว สำหรับสายคอประวัติศาสตร์และการเมืองก็มีให้เลือกดูและศึกษาจากหลายช่วงเวลาตั้งแต่โบราณจนถึงสมัยใหม่
ไม่ว่าจะยุคโซชอน การเมือง-การทหาร-การทูต-การข่าวที่เอี่ยวกับเกาหลีเหนือ ญี่ปุ่น หรือกระทั่งการต่อสู้ของประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในช่วงการปกครองของทหารเองนั้นก็มีให้เห็น มีทั้งอ้างอิงจากเรื่องจริง บุคคลจริง หรือปรุงแต่งเพิ่มมากน้อยต่างกันไปเพื่ออรรถรส
จุดสำคัญคือมันทำให้ผู้ชมอย่างเราได้รู้จัก “คนธรรมดาสามัญ” ที่เป็นแนวหน้าหรือขับเคลื่อนเส้นเรื่องของพัฒนาการชาติเกาหลี (ใต้) และไม่เพียงแต่หนังและซีรีส์ที่บอกเล่าโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีหนังและซีรีส์ genre อื่นอีกหลายเรื่องที่มักจะสอดแทรกบทพูดว่าด้วยการปลดแอกของชาวเกาหลีจากญี่ปุ่น หรือใบ้โดยนัยให้กับผู้ชมที่อาจไม่สันทัดความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติว่าอาจมีอดีตร่วมกันที่ขมขื่นขนาดไหน หรือชี้ให้เห็นว่ามีอะไรในหน้าประวัติศาสตร์บ้างที่ไม่ควรถูกหลงลืมไป
เมื่อเราดูหนังและซีรีส์เกาหลีจำนวนมาก ๆ เข้า เรายังจะเห็น “เรื่องเล่า” และ “จุดยืน” ที่เกาหลีใต้พยายามสื่อสารกับโลก ออกมาผ่านเครื่องมือขยายซอฟต์พาวเวอร์ของตัวเอง ว่าญี่ปุ่นคือผู้รุกราน ว่าเกาหลีถูกกระทำอย่างไร ต่อสู้มาอย่างไร (ขณะเดียวกับที่มีชาวเกาหลีส่วนหนึ่งผูกโยงผลประโยชน์ของตนเองไว้กับจักรวรรดิญี่ปุ่น) และได้กลายมาเป็น “ตัวตน” ในวันนี้อย่างไร
โดยเฉพาะที่พลังของ “ภาษา” นั้น ได้เปลี่ยนคนบ้า คนหัวรุนแรง และนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพ (freedom fighter) ในความหมายเชิงลบ ให้กลายเป็น “คนรักชาติ” และ “ความเป็นชาติเกาหลี” ในท้ายที่สุด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา