📌4 กลยุทธ์จัดพอร์ตแบบเซียน เพื่อนักลงทุนยุค... อยู่ยาก!
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะเดินทางไกล แต่ถนนข้างหน้าเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ นั่นแหละคือบรรยากาศของตลาดหุ้นไทยในปี 2025 ที่ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน สงครามการค้าที่ไม่มีทีท่าจะจบลงง่าย ๆ ไปจนถึงโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้การ ‘อยู่รอด’ ในตลาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักลงทุนทุกคน
คำถามคือ แล้วเราจะเตรียมตัวอย่างไร? จะจัดพอร์ตหุ้นแบบไหนถึงจะเอาตัวรอดได้? เรามี 4 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยแก้ความกังวลของนักลงทุน พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยให้คุณมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวได้
1) Core & Satellite: กลยุทธ์ที่ทำให้พอร์ตของคุณแกร่งและคล่องตัวในเวลาเดียวกัน
นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ซับซ้อน แต่ทรงพลังมาก! ลองจินตนาการว่าพอร์ตของคุณคือระบบสุริยะ ที่มีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่โคจรอย่างมั่นคงรอบดวงอาทิตย์ และมีดาวบริวารขนาดเล็กที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว Core (แกนกลาง) คือส่วนที่สร้างความมั่นคง เน้นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เช่น หุ้นปันผล หรือกองทุนรวมขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่ง
Satellite (ดาวเทียม) คือส่วนที่สร้างโอกาส เน้นสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง แต่มีศักยภาพทำกำไรได้ในระยะสั้นถึงปานกลาง เช่น หุ้น Growth หรือกองทุนเฉพาะทางที่รับกระแส Megatrend
🟢 เวลาจัดพอร์ตจริงต้องทำอย่างไร?
80% Core: คือ การลงทุนในหุ้นที่เป็นเหมือน ‘กระดูกสันหลัง’ ของเศรษฐกิจไทย เช่น AOT ที่สะท้อนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว หรือ CPALL ที่เป็นตัวชี้วัดการบริโภคในประเทศ
20% Satellite: คือ การลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกระแสแห่งอนาคต เช่น AMATA หรือ GULF ที่ได้อานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิต หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
โดยข้อมูลนี้ คุณศุภกฤต พิทักษ์พรเกษม, CISA ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด ยืนยันว่า "การกระจายความเสี่ยงแบบ Core & Satellite ช่วยให้นักลงทุนรับมือกับความผันผวนได้ดีขึ้น โดยยังคงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว" กลยุทธ์นี้จึงเป็นเหมือนไกด์บุ๊คที่ต้องมีติดตัวในปี 2025
2 ) ลงทุนในหุ้น Defensive: เมื่อตลาดมีคลื่นลมแรง ต้องหาที่พักพิงที่มั่นคง
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกเอาแน่เอานอนไม่ได้ การหันมาหาหุ้นที่ ‘ไม่กลัว’ ความผันผวนคือคำตอบ หุ้น Defensive คือหุ้นของบริษัทที่รายได้และกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเศรษฐกิจจะรุ่งเรืองหรือซบเซา ให้ลองคิดถึงหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค, โรงพยาบาล หรือหุ้นที่มีประวัติจ่ายปันผลสูงอย่างต่อเนื่อง นี่คือหุ้นที่จะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของพอร์ต และสร้างกระแสเงินสดให้คุณได้อย่างมั่นคง
🟢 จับตาหุ้น Defensive เกราะป้องกันพอร์ตในยามวิกฤต
Global Healthcare: คือ หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง และมักเป็นเหมือน ‘สินทรัพย์หลุมหลบภัย’ ที่นักลงทุนจะหันไปพึ่งพิงเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว
หุ้นปันผลในประเทศ : หุ้นไทยที่จ่ายปันผลสูง หรือหุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐอย่างโครงการ ThaiESG Extra และ Jump+ ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
3) Value Investing: การหาเพชรในตมที่ถูกลืม
การลงทุนแบบ Value Investing หรือการลงทุนเน้นคุณค่า คือการตามล่าหา "หุ้นดีราคาถูก" หุ้นที่มูลค่าที่แท้จริงสูงกว่าราคาซื้อขายในตลาดปัจจุบัน โดยมองหาบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว, มีความสามารถในการแข่งขันสูง และมีผู้บริหารที่เฉียบขาด
สำหรับตลาดหุ้นไทย นั่นหมายถึงการมองหาหุ้นที่สามารถปรับตัวและเติบโตได้ดี แม้ในช่วงเวลาที่โครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป หรือต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจรวมถึงหุ้นในอุตสาหกรรมดิจิทัล หรือธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของผู้คน
โดย ‘เซียนมี่’ - วศิน ปริธัญ, CFA หรือ Managing Director ของ Definit Investment Advisory Securities (บริษัทในเครือ Finnomena) ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า "หากนักลงทุนมีกลยุทธ์ที่ดี ยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสมอ" โดยเฉพาะการมองหาหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและยังคงทำกำไรได้ ซึ่ง "การเลือกหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงจึงช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ แม้ในช่วงตลาดผันผวน"
4) กระจายการลงทุนไปต่างประเทศ: “อย่าเอาไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว!”
ถึงแม้ว่าหุ้นไทยจะน่าสนใจ แต่การกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์เดียวคือความเสี่ยงอันดับต้น ๆ เมื่อตลาดมีความไม่แน่นอน การมองหาสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Asset) หรือขยายการลงทุนไปต่างประเทศ จะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมและเพิ่มโอกาสทำกำไรได้
🟢 โอกาสในการกระจายการลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม
ตราสารหนี้โลก : พิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกที่มี Bond Yield สูง และมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ทองคำ : ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำยังคงเป็นตัวเลือกชั้นยอดในการป้องกันความเสี่ยงจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ร้อนระอุ
หุ้นต่างประเทศ : การลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง MAG7 (Magnificent Seven) หรือกองทุนหุ้นเทคโนโลยีที่กระจายตัวในตลาดต่างประเทศ ยังคงเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงอย่างต่อเนื่อง
🟢 จัดพอร์ตอย่างยืดหยุ่น สร้างโอกาสในทุกวิกฤต
การจัดพอร์ตหุ้นไทยในปี 2025 ต้องการมากกว่าแค่ความกล้า แต่ต้องมีความยืดหยุ่นและกลยุทธ์ที่รอบด้านด้วยเช่นกัน ดังนั้นลองใช้ Core & Satellite เพื่อความสมดุล
ลงทุนในหุ้น Defensive เพื่อความมั่นคง
ใช้กลยุทธ์ Value Investing เพื่อค้นหาโอกาสในหุ้นพื้นฐานดี และกระจายการลงทุนไปสู่สินทรัพย์อื่นเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม
หากคุณสามารถปรับตัวและวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสมตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ ตลาดหุ้นไทยในปี 2025 ก็จะเป็นเหมือนสนามฝึกฝน ที่คุณจะยังคงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้อย่างมั่นใจ
แต่ถ้าอยากรู้เรื่องทองคำ หรืออยากรู้ว่าปี 2025 ควรลงทุนอะไรให้ดีกว่านี้ ลองมาเจอกันในงาน #TraderKP x #TFEX ฝ่าวิกฤต พิชิตทุกพอร์ต งานนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกกลยุทธ์การเอาตัวรอดในยุคผันผวน ทั้งเรื่อง #ทองคำ | #หุ้น | #ค่าเงิน คุณจะได้พบกับกูรูการเงิน-การลงทุนชั้นนำของไทยกว่า 10 ท่าน ที่จะมาไขทุกข้อสงสัยและมอบมุมมองที่จะช่วยให้พอร์ตของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคง
สนใจลงทะเบียนได้เลยตอนนี้!
🗓 วัน: 7 กันยายน 2568
🕘 เวลา: 09:00-16:00 น.
📍 สถานที่: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
💥 เข้าฟรี! ลงทะเบียนเลย >> https://s.setth.org/ibe
อย่าปล่อยให้ตลาดผันผวนมาขัดขวางการสร้างผลตอบแทนในพอร์ตของคุณ มาหาคำตอบและกลยุทธ์ที่ดีที่สุดไปด้วยกัน แล้วพบกัน
#TFEX #TraderKP #สัมมนาการลงทุน #ทองคำ #หุ้น #ค่าเงิน #ฝ่าวิกฤตพิชิตทุกพอร์ต
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
