Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 03:09 • ความคิดเห็น
🧲 "กฎแรงดึงดูด” = พรจากจักรวาล หรือผลลัพธ์ของการฝึกจิต?
ถอดรหัส “Law of Attraction” — เมื่อจิตวิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบายปรากฏการณ์ที่เคยคิดว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ
"สิ่งที่เราเป็นอยู่ในทุกขณะ คือคำอธิษฐานที่จักรวาลรับฟัง — แม้เราไม่เคยเอ่ยคำใดออกมาเลย"
* ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา วลีอย่าง “แค่คิดบวกแล้วจักรวาลจะจัดสรรให้” กลายเป็นคำโปรยที่ได้รับความนิยมในวงการพัฒนาตนเองทั่วโลก หลายคนรู้จักแนวคิดนี้ผ่านหนังสือ “The Secret” ของ Rhonda Byrne หรือจากคำพูดในคลิปแรงบันดาลใจบน TikTok, YouTube และ Instagram
* แต่ในปี 2025 นี้ เราอยู่ในยุคที่ไม่สามารถพึ่งแค่ “แรงศรัทธา” ได้อีกต่อไป — เพราะความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “กฎแรงดึงดูด” (Law of Attraction) ในแบบฉบับดั้งเดิม อาจกลายเป็นกับดักทางความคิดที่ทำให้คนไม่ลงมือทำ ไม่ยอมรับความจริง และผลักภาระทั้งหมดไปให้ “จักรวาล” แทน
บทความนี้จะไม่พูดถึงพลังลึกลับจากดวงดาว หรือคลื่นพลังงานเหนือธรรมชาติ แต่จะชวนผู้อ่าน “ตั้งหลักใหม่” กับกฎแรงดึงดูดในแบบที่เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผล และใช้ได้จริงกับชีวิตคนทำงานยุคใหม่
====
📡 "แรงดึงดูดที่แท้จริง” = สัญญาณจาก “สภาวะจิต” ไม่ใช่คำขอจากปาก
* หลักฐานทางจิตวิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์ชี้ว่า “สมองของมนุษย์รับรู้โลกผ่านเลนส์ที่ถูกตั้งค่าไว้ล่วงหน้า” เช่น คนที่เคยล้มเหลวซ้ำๆ มักจะคาดหวังว่าครั้งต่อไปจะล้มเหลวอีก ขณะที่คนที่เคยได้รับการยอมรับ มักจะคาดหวังว่าคนรอบตัวจะเปิดรับเขา
* ระบบกรองข้อมูลนี้ เรียกว่า Reticular Activating System (RAS) — กลไกในสมองที่เปรียบเสมือนเครื่องมือคัดกรองสิ่งเร้าในโลกภายนอกให้ตรงกับความเชื่อภายใน
* ตัวอย่างเช่น หากคุณเพิ่งซื้อรองเท้ายี่ห้อหนึ่ง คุณจะเริ่มเห็นคนใส่รองเท้ายี่ห้อนั้นเต็มถนน ทั้งที่มันไม่ได้มีมากขึ้นเลย นี่ไม่ใช่พลังจักรวาล แต่มันคือการที่สมองของคุณ “เปิดการรับรู้” ในเรื่องนั้นมากขึ้น
* สิ่งที่เรียกว่า “กฎแรงดึงดูด” จึงอาจไม่ใช่เรื่องของแรงแม่เหล็กจากอวกาศ แต่คือกระบวนการทางจิตที่ทำให้เรา “รับรู้” โอกาสบางอย่าง และ “เลือกตอบสนอง” กับสิ่งรอบตัวในแบบที่ส่งผลย้อนกลับมาสู่ชีวิตเราเอง
====
🎭 ความเข้าใจผิดที่อันตราย...เมื่อ “คิดบวก” โดยไม่เข้าใจความจริง?
หลายคนพยายาม “คิดบวก” โดยการพูดประโยคให้กำลังใจตัวเอง เช่น “ฉันจะรวย”, “ฉันจะประสบความสำเร็จ” แต่ลึกๆ ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสงสัย ความกลัว และความรู้สึกด้อยค่า
ผลคือ “คลื่นความคิด” ที่ส่งออกไป กลับไม่ได้สอดคล้องกับคำพูดที่เปล่งออกมาเลย
ในมุมของจิตวิทยาเชิงบำบัด นี่คือภาวะที่เรียกว่า Cognitive Dissonance — ความไม่สอดคล้องกันระหว่างสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพูด และสิ่งที่เรารู้สึกจริง ๆ ซึ่งมักนำไปสู่ความเครียดแบบเรื้อรังโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น การ “คิดบวก” จึงไม่ใช่แค่การพูดคำบวกๆ ซ้ำๆ แต่คือการตั้งใจตรวจสอบว่า “ในใจเราคิดแบบนั้นจริงหรือไม่?” และ “เราสามารถรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่พูดหรือเปล่า?”
“ความคิดบวกที่ไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง = ภาระทางจิตที่สะสมอยู่เงียบๆ"
====
🛠️ กฎแรงดึงดูด คือ “ระบบฝึกจิต” มากกว่า “เวทมนตร์”
เมื่อถอดเปลือกความเชื่อออก เราจะเห็นว่าแก่นของกฎแรงดึงดูดคือเรื่องของ “การตั้งค่าใจให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งมีขั้นตอนที่สามารถฝึกฝนได้
1. สังเกตสภาวะจิต (Metacognitive Awareness)
การฝึกสังเกตว่าความคิดใดอยู่ในหัวโดยไม่ต้องด่วนตัดสิน เป็นทักษะพื้นฐานของ mindfulness หรือสติปัฏฐานที่ได้รับการยอมรับในสายจิตบำบัดสมัยใหม่
2. สร้างความเชื่อใหม่ผ่านภาพในจินตนาการ (Mental Rehearsal)
นักกีฬาโอลิมปิก นักบินอวกาศ และผู้นำระดับโลกใช้เทคนิคนี้ — การจินตนาการอย่างละเอียดว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ต้องการสำเร็จ ด้วยความรู้สึกที่สมจริง โดยสมองจะสร้าง “วงจรประสาทใหม่” ขึ้นจากการฝึกซ้ำ ๆ โดยไม่ต้องรอเหตุการณ์จริงเกิดขึ้น
3. เปลี่ยนภาษาภายใน (Cognitive Reframing)
การพูดกับตัวเองว่า “นี่คือบททดสอบ” แทนที่จะบอกว่า “นี่คือโชคร้าย” ช่วยเปลี่ยนกรอบความคิดจากเหยื่อเป็นเจ้าของปัญหา และเปิดโอกาสให้สมองหาทางออกมากกว่าหาข้อแก้ตัว
4. สร้างพฤติกรรมที่สอดคล้อง (Aligned Action)
ความเชื่อใหม่จะไม่มีพลัง ถ้าไม่ถูกเสริมด้วยพฤติกรรมใหม่ เช่น คนที่เชื่อว่า “ฉันคู่ควรกับงานดีๆ” ต้องกล้าปรับเรซูเม่ สมัครงานที่ดีกว่าเดิม และแสดงตัวตนอย่างมั่นใจในทุก interaction
====
🧭 จุดเปลี่ยนที่แท้จริง? คือ "จากคำขอ → สภาวะภายใน → ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไป"
สุดท้ายแล้ว “จักรวาล” ที่เราพูดถึงอาจไม่ใช่พลังลี้ลับภายนอก แต่อาจหมายถึง “ระบบภายในของเราเอง” — เมื่อเราวางใจในศักยภาพของตัวเอง ปรับจูนทัศนคติ และลงมือทำอย่างสอดคล้องกัน
สิ่งที่เปลี่ยนจึงไม่ใช่โลกภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่คือ “วิธีที่เรามองโลก” และ “วิธีที่เราตอบสนองกับโลก” ต่างหาก
เพราะคนที่พร้อม...จะเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในสิ่งธรรมดา
และคนที่ใจเป็นบวก...จะเปลี่ยนสถานการณ์ธรรมดา ให้กลายเป็นบทเรียนที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง
#วันละเรื่องสองเรื่อง #LawOfAttraction #SelfAwareness #CognitiveReframing #ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ #จิตวิทยาแห่งความสำเร็จ
ทัศนคติ
ทักษะการทำงานยุคใหม่
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย