18 ส.ค. เวลา 03:27 • ปรัชญา
มันต้องเริ่มด้วยความเคารพก่อนค่ะ คำว่าเคารพ เราก็ควรแปลให้มันเป็นภาษาบ้านๆง่ายๆ จะได้ไม่เกิดการเสแสร้ง แกล้งประดิษฐ์ เสกสรรค์ปั้นแต่งคำมาลวงล่อกัน ว่าฉันเป็นครูบาอาจารย์นะ เธอต้องเคารพ พูดอะไรต้องเชื่อ 100% ดังนั้น บอกให้แก้ผ้า ก็ต้องแก้ผ้า อย่างนี้ไม่ได้ค่ะ
ง่ายๆ อย่างการเคารพ ก็คือการให้เกียรติ เมื่อยามต้องสนทนาโอภาปราศรัยไต่ถาม สืบสาวเอาความ ในสิ่งที่เราไม่รู้ เอาจากผู้อื่น คำว่าผู้อื่น ก็อย่าไปยึดที่ตัวตนคนที่พูด
คำว่า ผู้อื่น ต้องแยกออกจากเรา-เขา แยกความเชื่อในตัวตนเขา ตัวตนเรา ว่าจบไทย หรือจบเมืองนอก, ดร. หรือ ป. 7, เปรียญ หรือแม้แต่นั่งเทียนในป่าลึก ตัดออกไปทั้งหมด รับฟังเพียงสิ่งที่เขากำลังพูด กำลังสาธยายให้เราฟัง ว่ามันมีเหตุมีผลหรือไม่ "พูดในเรื่องที่เป็นปัจจุบันไหม" หรือเอาแต่พูดถึงอดีตชาติ (หมายถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วทั้งหมด) หรือเอาแต่พูดเรื่องในอนาคต ที่ยังมองไม่เห็น ไม่ประจักษ์ชัด เพราะทั้งคู่ ซึ่งกำลังปุจฉา - วิปัสสนา กันอยู่นั้น ต่างก็กำลังใหลหลง ในการปรุงแต่ง ลวงหลอกซึ่งกันและกัน
หากปล่อยให้การปุจฉา - วิปัสสนา ดำเนินไปในลักษณะพูดแต่เรื่องอดีต เราจะหาเหตุผลให้เชื่อได้ยาก เพราะต้องมีการอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ การอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ ต้องมีหลักฐานประจักษ์ชัด หลักฐานประจักษ์ชัด ก็ยังอาจเกิดการปรุงแต่งได้อีก ขณะเดียวกัน หากปล่อยให้การปุจฉา - วิปัสสนา ดำเนินไปในลักษณ์พูดแต่เรื่องอนาคต เราก็ยิ่งจะต้องเกิดความเสี่ยงสารพัน ในการเลือกจะเชื่อ เพราะกฎไตรลักษณ์ บอกเตือนไว้แล้วว่า
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สรรพสิ่งไม่เที่ยง เกิดขึ้นเพียงเสี้ยว
ตั้งอยู่เพียงเสี้ยว ดับไปเพียงเสี้ยว แป็บเดียวตายห่า!
................
เราเป็นผู้หญิง แต่สบถคำว่าตายห่า
เรียนจบ ทำงานประสบการณ์มากมี
แต่ก็อย่ามาด่า อย่ามายึดตัวตนเรา เพราะเรายังไม่พ้นโลก
..............................
อย่าเชื่อ หรืออย่าไม่เชื่อ ในสิ่งที่เราพูด
แค่อ่านตามตัวอักษร ว่าคุณได้เรียนรู้อะไร
จากปากคำสามหาว ของผู้หญิงแค่คนหนึ่ง คนนี้
สุดท้ายนี้ ขอฝากคำว่า "ปัญญา" คำว่าปัญญา คือการคิดและเข้าใจได้ด้วยตัวเอง เป็นพุทธะให้กับตัวเอง ไม่ได้แปลว่า จบดร. หรือแปลว่าจบเปรียญ ไม่ได้แปลว่า อ่านจากตำรามามามาก ไม่ได้แปลว่า คนทั้งโลกคิดตรงกับเรา หรือคิดไม่ตรงกับเรา
โฆษณา