Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTV Wealth
•
ติดตาม
18 ส.ค. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ
GDP ไตรมาส 2 ปี 68 โต 2.8% สศช. ปรับเป้าทั้งปีโต 2%
สภาพัฒน์ เผย GDP ไตรมาส 2 ปี 68 โต 2.8% สูงกว่าตลาดคาด แต่ลดลงจากไตรมาส 1 ซึ่งขยายตัว 3.1% หลังส่งออกได้แรงส่งช่วงก่อนประกาศภาษีทรัมป์ +12.2% พร้อมปรับเป้าทั้งปีนี้ GDP ขยายตัวที่ 1.8 - 2.3% ค่ากลาง 2%
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ขยายตัว 2.8% ชะลอลงจาก 3.1% ในไตรมาสแรกของปี ตามการชะลอตัวของการผลิตภาคนอกเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ขณะที่ การผลิตภาคเกษตรขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนด้านการใช้จ่ายการอุปโภคบริโภคของเอกชนและรัฐบาลชะลอตัวลง สวนทางกับภาคการส่งออกและบริการที่ขยายตัว 12.2%
สภาพัฒน์ เผย GDP ไตรมาส 2 ปี 68 โต 2.8% สูงกว่าตลาดคาด แต่ลดลงจากไตรมาส 1 ซึ่งขยายตัว 3.1%
ซึ่งการปรับเพิ่ม GDP ครั้งนี้ เหตุผลหลักมาจากสถานการณ์การส่งออก การลงทุนเอกชน ภาคการผลิตและการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น รวมถึงความชัดเจนของภาษีสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อภาคการส่งออก
ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.91% สูงกว่า 0.89% ในไตรมาสก่อน แต่ต่ำกว่า 1.07% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาสอยู่ที่ 0.3% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 1.0% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 0.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. (17.1 พันล้านบาท) เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 262.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่าทั้งสิ้น 12.07 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.2% ของ GDP
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาสที่ 3 จะยังขยายตัวได้ดี แต่จะขยายตัวต่ำกว่าช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมปรับเป้าประมาณการ GDP ไทยทั้งปี 68 จะขยายตัวที่ 1.8 - 2.3% ค่ากลาง 2% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1.3 - 2.3% ค่ากลาง 1.8% ชะลอลงจาก 2.5% ในปี 2567 ตามแนวโน้มการลดลงของปริมาณการส่งออกสินค้าในช่วงครึ่งหลังของปีที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการผลิตภาคอุตสาหกรรม ท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ คาดว่าการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัว 2.1% และ 1.0% ตามลำดับ ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 5.5% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.0 - 0.5 % และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.1% ของ GDP
ปัจจัยเสี่ยงที่มีความกังวลในช่วงครึ่งปีหลัง มี 3 ประเด็น
1. การลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่ต้องขับเคลื่อนให้ขยายตัว ขณะเดียวกัน ต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้การส่งออกยังคงขยายตัวได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของช่วงรอการพิจารณารายละเอียดภาษีจากสหรัฐฯ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะถัดไป โดยเฉพาะการเตรียมการเรื่อง Transshipment อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์สินค้าไทย
2. การกำหนดเกณฑ์การคํานวณสัดส่วนมูลค่าการผลิตในประเทศ หรือ RVC ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของกระทรวงพาณิชย์ และสภาอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสินค้าไทย และยังคงส่งออกผู้สินค้าไปยังสหรัฐฯ ได้อย่างต่อเนื่อง
3. การชะลอตัวลงของภาคการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ภาคการผลิต แต่จะกระทบการค้าชายแดน ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงแรงงานภาคอุตสาหกรรมที่แรงงานกัมพูชาเดินทางกลับประเทศ
ส่วนการปรับลดจำนวนการคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 37 ล้านคน เหลือ 33 ล้านคน เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 12% จากไตรมาส 2 และนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาตามคาดไว้ แต่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อรายจะดีขึ้น พร้อมปรับเป้านักท่องเที่ยวจีนจาก 6 ล้านคน เหลือ 4 ล้านคน
ขณะที่ การลงทุนภาครัฐในแง่เม็ดเงินกระตุ้นของเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้สำนักงบประมาณได้พิจารณารายจ่ายแต่ละโครงการเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถจัดซื้อจัดจ้างได้แล้ว คาดว่า เม็ดเงินจะออกมาได้ที่วางไว้ ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตที่ระดับ 2% อย่างต่อเนื่อง นายดนุชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีปัญหาด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ หากจะทำให้เศรษฐกิจโตระดับ 3% จะต้องเร่งปรับโครงสร้างการผลิต
ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี การผลิตแรงงานที่มีศักยภาพ และเร่งผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงในผลิต เพื่อลดต้นทุนผลิตสินค้า โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่ต้องเน้นผลิตคุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นจึง
เป็นโอกาสสำคัญในการเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศ โดยจะต้องเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดสนับสนุนนโยบายสวัสดิการในลักษณะ Negative Income Tax ที่คาดว่าจะเริ่มใช้ปี 70 นั้น นายดนุชา ระบุว่า สศช. กำลังเร่งปรับปรุงเส้นความยากจนให้เป็นปัจจุบัน คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า ซึ่งกระทรวงการคลัง สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ได้ และประเด็นดังกล่าวได้มีการหารือกันมาระยะหนึ่งแล้ว
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/254976
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 :
https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube :
www.youtube.com/@PPTVHD36
เศรษฐกิจไทย
ส่งออก
ท่องเที่ยว
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย